ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 584 พาหม่ามี๊กับน้องสาวกลับมา
บทที่ 584 พาหม่ามี๊กับน้องสาวกลับมา
ต่อให้มีคำพูดมากมายขนาดไหน สุดท้ายก็ได้กลายเป็นประโยคเดียวที่พูดอย่างสุภาพและอ่อนแรงว่า “อยู่ต่อเถอะนะ”
เสียงที่แหบแห้งแล้วก็ดูเยือกเย็นก็ได้ดังไปทั่วทั้งใจ เจียงสื้อสื้อได้สั่นเล็กน้อย ก็อ่อนไหวไปเลยทันที
เธอมองไปยังฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างๆ ไม่นาน สายตาก็ได้มุ่งมั่นขึ้นเล็กน้อย
“จิงเหวิน ฉันอยากจะอยู่ต่อ ฉันอยากจะรู้ว่าเมื่อก่อนเกิดอะไรขึ้น นายสามารถที่จะอยู่เป็นเพื่อนฉันไหม?”
ฝู้จิงเหวินเวลานั้น ใจนั้นเหมือนมีดได้กีดลงมา ความเศร้าใจได้มากองที่มุมปาก
ผ่านไปสักพัก เขาถึงได้พยักหน้า
เขาไม่มีทางที่จะปฏิเสธคำขอของเจียงสื้อสื้อได้
ตอนที่เขาพยักหน้า แววตาของคนรอบข้างก็ได้เป็นประกาย
เห็นว่าเจียงสื้อสื้อตกลงที่จะอยู่ต่อ พวกจิ้นเฟิงเฉินก็ได้โล่งอก
เถียนเถียนได้ดูดนิ้วหัวแม่โป้ง ดีใจจนหัวเราะออกมา คำนี้เธอฟังรู้เรื่อง
ได้ยกมือไปทางเจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อเห็นเข้าก็ได้อุ้มเธอขึ้นมา
ได้กอดคอเจียงสื้อสื้อแน่น เถียนเถียนก็ได้พูดด้วยความดีใจ “พี่ชายไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เดี๋ยวพรุ่งนี้เถียนเถียนมาเที่ยวหาพี่!”
เถียนเถียนตัวน้อยๆ ยังไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง เธอรู้แค่ว่าสามารถที่จะอยู่ต่อ สามารถที่จะอยู่กับพี่ชาย สำหรับเธอแล้วนี่เป็นเรื่องที่น่าดีใจ
“ได้ พี่รอน้อง” เสี่ยวเป่าได้พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่สะอึ้งเล็กน้อย
เขามองเถียนเถียนที่อยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อแล้วสามารถที่จะอ้อนได้ ก็อิจฉามากๆ
“ถ้าเป็นแบบนั้น พวกเราก็ไม่รบกวนคุณฝู้แล้ว”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้โบกมือ กู้เนี่ยนได้พาคนเปิดทางให้พวกเจียงสื้อสื้อ
ฝู้จิงเหวินมองใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉิน ก็ได้กำหมัดอย่างห้ามไม่ได้
เพราะว่าเจียงสื้อสื้ออยู่ด้วย เขาก็ไม่ได้ระเบิดอารมณ์ออกมา
พวกนั้นออกไป จิ้นเฟิงเฉินก็ได้รีบกลับไปที่บ้าน
เสี่ยวเป่าได้หลับไปบนไหล่ของจิ้นเฟิงเฉินด้วยความง่วง เรื่องในคืนนี้ เล่นเอาเสี่ยวเป่าเหนื่อยมากๆ
จิ้นเฟิงเหราได้ยินเสียง ได้มีแววตาที่ง่วงแล้วเดินลงมา
“พี่ พี่ไปไหนมา?”
“ฝู้จิงเหวินวางแผนที่จะกลับประเทศวันนี้ ถูกฉันขวางไว้ สื้อสื้อก็ตกลงที่จะอยู่ในประเทศต่ออีกสักพัก”
เอาเสี่ยวเป่าวางไว้ที่โซฟาเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดออกไปเรียบๆ
“อ้อ……อะไรนะ?!”
ตอนแรกจิ้นเฟิงเหรายังตั้งสติไม่ทัน แต่พอวิเคราะห์ความหมายของคำพูดจิ้นเฟิงเฉินเสร็จ ก็ได้เบิกตากว้างขึ้นมาทันที
“พี่บอกว่าพี่สะใภ้ยอมที่จะอยู่ต่อ?! งั้นก็หมายความว่าพวกเรามีแววที่จะชนะ?”
รู้ว่าจิ้นเฟิงเหราเป็นคนที่อารมณ์ก้าวกระโดด จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ออกห่างจากจิ้นเฟิงเหราก่อน แต่ว่าก็ถูกเสียงของเขาทำให้ตกใจ
เขาก็ได้แคะหูอย่างช่วยไม่ได้แล้วพูดว่า “เสียงเบาหน่อย พวกคุณแม่ยังหลับอยู่”
พึ่งพูดจบคนที่อยู่ชั้นบนก็ได้ค่อยๆ พากันลงมา แม่จิ้นก็ได้มีสีหน้าที่ต่อว่ามองไปยังจิ้นเฟิงเหราพูดว่า “พวกเราตื่นกันหมดแล้ว เฟิงเหราเสียงลูกแบบนี้ไม่ตื่นก็แปลก”
ส้งหวั่นชีงก็มีสีหน้าหงุดหงิด เดินไปข้างจิ้นเฟิงเหรา แล้วก็ได้หยิกไปที่เอวของเขาแรงๆ
จิ้นเฟิงเหราที่เจ็บ ก็ได้พูดอย่างน้อยใจ “ผมก็แค่เป็นห่วงแทนพี่ชายเท่านั้นเอง ถ้าวันนี้เขาไปสายอีกนิดเดียว พี่สะใภ้ก็บินหนีแล้ว”
แม่จิ้นมองเสี่ยวเป่าที่หลับสนิทอยู่ที่โซฟา ก็ได้พูดเสียงเบาว่า “เฟิงเฉิน นี่มันเรื่องอะไร?”
“พูดแบบนี้ให้เลยละกัน วันนี้ผู้ชายที่มากับพี่สะใภ้คนนั้นเห็นว่าพวกเรารู้จักพี่สะใภ้ ก็ได้มีพิรุธแล้วก็อาศัยจังหวะที่พวกเรานอนหลับ พาตัวพี่สะใภ้ไป โชคดีที่พี่ผมขวางไว้ได้”
ไม่ต้องรอให้จิ้นเฟิงเฉินพูด ข้างๆ ก็ได้มีคนปากไวพูดมันออกไปแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า เป็นการบอกว่าที่จิ้นเฟิงเหราพูดเป็นความจริง
แม่จิ้นได้ยินก็ได้เอามือตีไปที่โต๊ะ พูดด้วยความโมโหว่า “ยังคิดที่จะพาตัวลูกสะใภ้ฉันไป ตลกจริงๆ!”
“ต่อจากนี้ลูกจะทำยังไง?” พ่อจิ้นเปิดปากพูด
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดอะไรต่อ จิ้นเฟิงเหราคิดไปสักพักก็ได้พูด “ผมคิดว่าเอาเสี่ยวเป่าโยนไปให้ทางนั้นเป็นวิธีที่ดีที่สุด
เด็กนั้นสามารถที่จะทำให้พี่สะใภ้ลดความระวังตัวลง บวกกับเสี่ยวเป่าที่ฉลาดขนาดนี้สามารถที่จะทำให้พี่สะใภ้ฝื้นความทรงจำกลับมาก็ได้ ยิ่งไปกว่านั้นเสี่ยวเป่าสามารถที่จะปลุกความเป็นแม่ในตัวพี่สะใภ้ ให้พี่สะใภ้ปฏิเสธไม่ได้ คิดว่าไง พี่?”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเป็นการเห็นด้วย
“อาการแบบพี่สะใภ้หนูเคยไปถามหมอที่โรงพยาบาลมาแล้วค่ะ พวกเขาบอกว่าพี่สะใภ้อาจเป็นเพราะว่าขาดออกซิเจนกับน้ำทะเลเข้าร่างกายทำให้เสียความทรงจำไปชั่วขณะ สามารถที่จะหายดีได้ ถ้ากระตุ้นดีๆ ล่ะก็ สามารถกระตุ้นความทรงจำของพี่สะใภ้ได้”
ส้งหวั่นชีงก็ได้พูดออกไปตามโอกาส ทำให้คนตระกูลจิ้นได้มีความหวังอีกครั้ง
จิ้นเฟิงเหราได้ยินแบบนั้นก็ได้ใช้สายตาที่ไม่น่าเชื่อมองไปที่ส้งหวั่นชีง พูดอย่างตกใจว่า “เมียของฉันฉลาดขนาดนี้ตั้งแต่ตอนไหน?”
คิดๆ ก็รู้ว่าจิ้นเฟิงเหราได้รับอะไรเป็นการตอบแทน ถึงทำให้จิ้นเฟิงเหราได้ร้องออกมา
คนตระกูลจิ้นเห็นการกระทำของทั้งสอง ก็ได้ขำออกมา
“จริงด้วย เฟิงเฉิน เด็กสาวตัวน้อยคนนั้น ไม่แน่อาจจะเป็นลูกของพวกเราตระกูลจิ้น ไม่น่าล่ะ ครั้งก่อนที่เฟิงเหราได้พาเธอกลับมาแม่ชอบมากๆ
ยิ่งไปกว่านั้นหลายๆ ครั้งเธอก็ได้เจอเข้ากับพวกเรา งั้นก็หมายความว่าฟ้าอยากให้พวกเราได้เจอกัน สาวน้อยนั้นดูแล้วก็อายุสองสามขวบ
พอดีกับเวลาที่สื้อสื้อได้หายตัวไป นี่เป็นลูกของพวกเราตระกูลจิ้น ต้องพากลับมาให้ได้ แม่จะได้มารักและดูแลหลานดีๆ”
“เธอ……เธอชื่อเถียนเถียน ปีนี้สองขวบครับ”
ไม่รู้ว่าเสี่ยวเป่าตื่นมาตอนไหน เสียงที่ใสก็ได้ดังขึ้น
“งั้นก็ถูกแล้ว เป็นลูกของพวกเราตระกูลจิ้นอย่างไม่ต้องสงสัย!” แม่จิ้นดีใจมากๆ ได้ตบมือแล้วพูด
เห็นว่าเสี่ยวเป่าตื่นแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็ได้อุ้มเขาไว้ในอ้อมกอด พูดออกไปว่า “เสี่ยวเป่า พ่อมีภารกิจที่ใหญ่หลวงจะให้ลูกทำ นี่มันเกี่ยวกับว่าพวกเรานั้นจะสามารถที่จะพาหม่ามี๊กับน้องสาวกลับมาได้ไหม ลูกจะทำได้ไหมครับ?”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินว่าเกี่ยวกับหม่ามี๊กับเถียนเถียน ก็ได้มีแรงขึ้นมา
ได้ลงมาจากตัวจิ้นเฟิงเฉิน พูดด้วยสีหน้าที่จริงจังว่า “วางใจเถอะครับ แดดดี๊ ผมต้องพาหม่ามี๊กับน้องสาวกลับมาแน่”
เห็นแบบนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ได้พยักหน้าด้วยความดีใจ จิ้นเฟิงเหราที่อยู่ข้างๆ ก็ได้ลากเสี่ยวเป่าไป พูดอย่างไม่วางใจว่า “เสี่ยวเป่า อาเล็กพูดกับเราเลยนะ ตอนนี้ความหวังทั้งหมดของพวกเราตระกูลจิ้นได้อยู่บนตัวเราแล้ว เราอย่าทำให้ผิดหวังซะล่ะ”
“วางใจเถอะครับอาเล็ก ผมต้องทำได้แน่ๆ” เสี่ยวเป่าได้ตอบออกไปอย่างหนักแน่น
อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดกับคนที่นั่งบนโซฟา “โอเคครับ ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ”
และเวลานี้ในโรงแรม เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่ข้างหน้าหน้าต่างมองไปยังเมืองเงียบๆ
มองท่าทางยุ่งๆ ของฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าควรพูดอะไร
ผู้ชายคนนั้นบนว่าเป็นสามีของเธอ แล้วฝู้จิงเหวินเป็นใคร?
ใครหลอกเธอกันแน่?
ลังเลอยู่นาน เจียงสื้อสื้อก็ได้พูดออกไป “จิงเหวิน……ฉันอยากจะคุยด้วยหน่อย”
มือที่ถือเสื้อผ้าของฝู้จิงเหวินก็ได้นิ่ง จากนั้นก็ได้ค่อยๆ เดินมา