ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 59 ผู้หญิงที่กลับมาอย่างกะทันหัน
บทที่ 59 ผู้หญิงที่กลับมาอย่างกะทันหัน
เจียงสื้อสื้อเห็นเสี่ยวเป่าชอบ ตัวเองก็มีความสุข ไม่รู้ทำไม ความรู้สึกนี้เหมือนพวกเขาเป็นครอบครัวเดียวกันจริงๆ
เธออดคิดถึงลูกตัวเองไม่ได้ ตอนนี้เขาก็คงอายุเท่าเสี่ยวเป่าแล้ว
ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป็นยังไงบ้าง…………….
เจียงสื้อสื้อดุเศร้า จิ้นเฟิงเฉินเดาออกทันทีว่าเธอไม่ปกติ
เมื่อกี้ยังดีๆ อยู่เลย หรือว่าเธอกำลังคิดถึงอะไรอยู่?
เรื่องอะไรกันแน่? หรือใครที่ทำให้เธอขึ้นๆ ลงๆ
สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้ถามเธอ
เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้คิดมากแล้ว หลังจากที่กิจกรรมจบลง เธอก็กลับไปพร้อมจิ้นเฟิงเฉินและเสี่ยวเป่า
กลับบ้านไปเปลี่ยนชุดเสร็จ เขาสามคนก็ไปทานข้าวด้วยกันที่ข้างนอก
ภายในร้านอาหารที่บรรยากาศเงียบๆ เสี่ยวเป่ายกแก้วน้ำขึ้นมาแล้วพูดอย่างมีความสุขว่า “แดดดี๊ หม่า…….น้าสื้อสื้อ ชนแก้วกันครับ ฉลองที่วันนี้เราได้ที่1”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แล้วยกแก้วขึ้นมา จิ้นเฟิงเฉินก็ด้วย
หลังจากนั้นเสี่ยวเป่าก็กินข้าวอย่างมีความสุข คอยคีบอาหารให้เจียงสื้อสื้อด้วย
“เสี่ยวเป่า น้าหยิบเองได้ค่ะ”
“ไม่ๆๆ เสี่ยวเป่าจะดูแลน้าสื้อสื้อด้วยตัวเองเองครับ”
เจียงสื้อสื้อหัวเราะอีกครั้ง
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มมุมปากเล็กน้อย ลูกชายตัวเองแย่งงานตนไปหมด…….
แต่พอรู้จักกันมากขึ้นแล้ว จิ้นเฟิงเฉินเองก็เริ่มสังเกตเห็นว่า เจียงสื้อสื้อกับเสี่ยวเป่าไม่ใช่แค่หน้าที่เหมือน อาหารที่ชอบก็เหมือนกัน คนไม่รู้ก็คงคิดว่าสองคนนี้เป็นแม่ลูกกันแน่ๆ
บรรยากาศบนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยความสุข
เวลาผ่านไปไวมาก พวกเขาออกจากร้านอาหารไปจิ้นเฟิงเฉินก็ไปส่งเจียงสื้อสื้อที่ใต้ตึก
พอได้เวลาลงรถเจียงสื้อสื้ออุ้มเสี่ยวเป่าไว้ เสี่ยวเป่ากอดคอเจียงสื้อสื้อไว้ ไม่ยอมลงสักที
“ได้เวลาแยกกันกับน้าสื้อสื้ออีกแล้ว ทำไมเวลามันผ่านไปไวจัง น้าสื้อสื้อ เสี่ยวเป่า ไม่อยากให้น้าไป”
เจียงสื้อสื้อยิ้มเล็กน้อย แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เสี่ยวเป่ามาหาน้าพรุ่งนี้ก็ได้นะ”
แล้วเจียงสื้อสื้อก็หอมแก้มเจ้าเด็กน้อย
เสี่ยวเป่ายิ้มออกมาทันที
“ก็ได้ครับ ฝันดีครับน้าสื้อสื้อ ผมกับแดดดี๊ไปก่อนนะครับ อย่าลืมคิดถึงเสี่ยวเป่าด้วยนะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินยืนเงียบๆ อยู่ข้างๆ เขาคิดในใจว่า ทำไมลูกชายถึงได้ดีกว่าตนตลอดเลยนะ
นี่มันไม่ยุติธรรม
เจียงสื้อสื้อไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินกำลังหึงตัวเองก็ลูกชายเขาอยู่ แล้วเธอก็ยิ้มบอกเขาทั้งสองคนว่า “โอเคค่ะ ฝันดีนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินมองเธอแล้วก็อุ้มเสี่ยวเป่าขึ้นรถ
เจียงสื้อสื้อยืนมองเขาสองคนออกไปจากที่นี่
หลังจากที่แยกจากกันจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ส่งเสี่ยวเป่ากลับบ้าน แต่ส่งไปที่บ้านของพ่อแม่ตระกูลจิ้น
หลายวันก่อนคุณหญิงจิ้นก็บอกไว้แล้วว่า หลังจากที่จบกิจกรรมให้ส่งเสี่ยวเป่ากลับไปที่บ้านหลังเดิมของตระกูลจิ้น ให้พวกเขาดูหน่อย
เสี่ยวเป่าพูดด้วยน้ำเสียงที่เศร้าเล็กน้อยว่า “ไม่อยากไปบ้านปู่ย่า อยากไปบ้านน้าสื้อสื้อ”
อยากฟังน้าสื้อสื้อเล่านิทาน อยากนอนกับน้า……จริงๆ คืออยากอยู่กับน้าสื้อสื้อจิ้นเฟิงเฉินยิ้มแบบไม่รู้จะทำยังไงดี
“ไม่ชอบก็ต้องไป อีกอย่าง อย่าพูดแบบนี้ต่อหน้าคุณปู่คุณย่านะ ไม่งั้นพวกท่านจะเสียใจนะ”
เขาสองคนรักเสี่ยวเป่าขนาดนี้ ถ้าได้ยินเช่นนี้คงเสียใจมากๆ
“รู้แล้วครับ” เสี่ยวเป่าถอดหายใจ เมื่อไหร่ถึงจะได้อยู่แบบตัวติดกันกับน้าสื้อสื้อนะ
…………………………
สักพักก็ไปถึงบ้านตระกูลจิ้น เพิ่งจะเดินเข้าประตูไปก็ได้ยินเสียงหัวเราะของคุณหญิงจิ้นดังมาจากห้องรับแขก บนโต๊ะมีของขวัญเยอะแยะมากมาย เหมือนว่าที่บ้านจะมีแขกมานะ
เขาเห็นว่ามีผู้หญิงคนนึงที่สวยมากนั่งอยู่ตรงโซฟา เธอแต่งหน้าอ่อนๆ มีตาโตที่สวยใส ทุกการกระทำของเธอดูบุคลิกดีมาก
ผู้หญิงคนนี้ใส่กระโปรงยาวสีงาช้าง ผมลอนๆ ของเธอปล่อยประบ่า ดูดีมาก
พอเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินกับเสี่ยวเป่ากลับมาแล้ว เธอใจเต้นแรงกว่าเดิม
จิ้นเฟิงเฉินก็เห็นแขกที่มาแล้วเหมือนกันว่าเป็นใคร
ซูชิงหยิง เป็นคุณหนูใหญ่จากบ้านตระกูลซู
สำหรับเธอแล้ว จิ้นเฟิงเฉินไม่ถือว่าสนิทกันมาก แต่ก็ไม่ใช่ไม่รู้จักกัน
ตระกูลซูตระกูลจิ้นเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยก่อน ตอนพวกเขายังหนุ่มยังสาว
ซูชิงหยิงก็มาเที่ยวที่บ้านบ่อยเหมือนกันจิ้นเฟิงเฉินไม่อยากรู้ว่าเขาเป็นใครก็คงยากเหมือนกัน หลังจากนั้นเธอก็ไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ไม่รู้เหมือนกันว่ากลับมาตอนไหน
คู่ตายายของตระกูลจิ้นเห็นจิ้นเฟิงเฉินพาเสี่ยวเป่ากลับบ้าน ก็รีบเดินเข้าไปหาอย่างไว
คุณหญิงจิ้น อุ้มเสี่ยวเป่าไว้ ใบหน้าเธอดูมีความสุขมาก เธอเอ่ยปากถามเขาว่า “เสี่ยวเป่ากินข้าวรึยังคะ? ที่โรงเรียนวันนี้เป็นไงบ้าง”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า ตอบกลับไปอย่างเชื่อฟังว่า “คุณปู่คุณย่าครับ ผมกินข้าวมาแล้ว วันนี้เสี่ยวเป่ามีความสุขมากเลยครับ การแสดงของเราได้ที่1ด้วยนะครับ คุณครูให้รางวัลเป็นตุ๊กตาตัวใหญ่มากเลยครับ”
พอพูดถึงเรื่องนี้เสี่ยวเป่าก็ยิ่งยิ้มอย่างมีความสุข เขาและแดดดี้กับน้าสื้อสื้อได้ที่1ด้วยกัน
“จริงหรอครับ? เสี่ยวเป่าเก่งมากเลยครับ” คุณท่านจิ้นพูดพร้อมยิ้ม
ซูชิงหยิงก็ยืนขึ้นด้วย แล้วก็ก้มลงไปหยิกแก้มของเสี่ยวเป่า ยิ้มพร้อมพูดว่า “กี่ปีไม่ได้เจอ เสี่ยวเป่าโตขนาดนี้แล้วหรอเนี่ย สวัสดีค่ะ ฉันเป็นคุณน้าชิงหยิงนะ”
ตอนที่ซูชิงหยิงไปเรียนต่างประเทศ เสี่ยวเป่าเพิ่งคลอดได้ไม่นาน ตอนนั้นเธอกลับเด็กที่มาจากไหนไม่รู้นี้มาก แต่ดีที่หลายปีผ่านมาแม่ของเสี่ยวเป่าไม่ปรากฏตัวเอง
เสี่ยวเป่าหลบมือเธอด้วยความรังเกียจ แล้วก็พูดเหมือนผู้ใหญ่ว่า “น้าอย่าหยิกแก้มของผมนะครับ แก้มของเสี่ยวเป่าไม่ใช่ใครก็จะมาหยิกได้นะครับ”
แต่ว่าถ้าเป็นน้าสื้อสื้อไม่ว่าจะหยิบจะบีบจะกอดยังไงได้หมดเลย
ซูชิงหยิงรีบเอามือกลับอย่างทำอะไรไม่ถูก
คู่ตายายของตระกูลจิ้นไม่มีทางที่จะว่าเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว
คุณหญิงจิ้นก็รีบเข้ามาแก้เขินว่า “ขอโทษนะคะ ชิงหยิง เสี่ยวเป่าไม่ชอบยุ่งเกี่ยวกับคนแปลกหน้า รอเธอสนิทกับเขาแล้วก็ไม่มีปัญหาแล้ว”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณน้า”
ซูชิงหยิงยิ้มๆ แล้วก็ทักทายจิ้นเฟิงเฉินต่อ
“เฟิงเฉิน นานแล้วเนอะที่ไม่ได้เจอกัน”
เธอมองดูผู้ชายใส่สูทสีดำที่ยืนอยู่ข้างหน้าเธออย่าละเอียด จิ้นเฟิงเฉินดูโตกว่าตอนนั้นไปมาก ทั้งตัวเขาดุดีมีเสน่ห์ไปหมด สายตานั้นเหมือนว่าถ้าได้สบตาแล้วจะหลงจนโงหัวไม่ขึ้น
ใบหน้าอันหล่อเหลานี้ยิ่งทำให้คนยากที่จะลืม ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ถ้าเห็นจำต้องหวั่นไหวแน่นอน
“อื้ม” จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา เขาตอบกลับไปแค่นั้น เย็นชาเหมือนที่ผ่านๆ มา
ซูชิงหยิงก็แอบเสียใจเบาๆ เธอแค่คิดว่าตัวเองเรียนจบแล้วกลับมาก็จะได้เจอ จิ้นเฟิงเฉินทันทีเธอก็มีความสุขมากแล้ว
แต่เหมือนว่าเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกับการกลับมาครั้งนี้เลย
ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้ แต่สายตาที่ซูชิงหยิงใช้มองใบหน้าอันหล่อเหลาของจิ้นเฟิงเฉินนั้นเต็มไปด้วยความรัก เธอไม่สามารถปิดบังได้ ความรู้สึกแย่ๆ ก็ได้หายไปด้วยเมื่อเธอได้เจอเขา