ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 598 เมื่อกี้อยู่ด้วยกันกับใคร
บทที่ 598 เมื่อกี้อยู่ด้วยกันกับใคร
“งั้นลาก่อนล่ะ”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น โบกมือเบาๆกับจิ้นเฟิงเฉิน เดินไปยังประตูใหญ่ของตระกูลฝู้
ฉากนี้ตกอยู่ในตาของฝู้จิงเหวิน เพียงรู้สึกทิ้มแทงตาเหลือเกิน
เขาขมวดคิ้วไว้อย่างแน่น นัยน์ตาดึงความโมโหออกมาเล็กน้อย เดินไปยังข้างนอกประตู
ทันทีที่เห็นฝู้จิงเหวิน ในใจเจียงสื้อสื้อเสียงดังกุ๊กๆ หนึ่งที หันหลังมองไปหนึ่งทีโดยจิตใต้สำนึก
แต่รถของจิ้นเฟิงเฉินไปอย่างไม่เห็นร่องรอยแล้ว เธออดไม่ได้โล่งอกหนึ่งที
คนทั้งสองนี้ถ้าเจอกันแล้ว หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะมีบรรยากาศที่ฆ่าอย่างบ้าคลั่งขึ้นมาอีก
สีหน้าฝู้จิงเหวินห่อเหี่ยวอยู่ จับข้อมือของเจียงสื้อสื้อไว้ทันที พาเธอเข้าไปในบ้าน
เอ่ยปากสอบถามว่า “คุณไปไหนมาหรือ ทำไมไม่รับโทรศัพท์ เมื่อกี้อยู่ด้วยกันกับใครล่ะ?” ตอนที่ข้อมือส่งความรู้สึกเจ็บเข้ามา เจียงสื้อสื้อ โอ๊ะ เบาๆหนึ่งที
เก็บความเจ็บปวดอดกลั้นไว้ในใจ เธอใจเย็นจ้องมองไปยังฝู้จิงเหวิน ตอบกลับอย่างไม่ปิดบัง “ก่อนหน้านั้นเจรจาอยู่กับ JS กรุ๊ป ดังนั้นไม่ได้รับโทรศัพท์ ขอโทษนะ เมื่อกี้ที่คุณเห็นเป็นจิ้นเฟิงเฉินจริงๆ เขาเห็นท้องฟ้ามีความมืดเล็กน้อย ดังนั้นจึงส่งฉันกลับมา”
เจียงสื้อสื้ออธิบายต้นสายปลายเหตุหนึ่งทีอย่างง่ายๆ น้ำเสียงแบบเรียบๆ
ฝู้จิงเหวินฟังจนสีหน้ากลับยิ่งฟังยิ่งมืดครึ้มลงไป
“ก็ง่ายๆแค่นี้หรือ?”
เขาลังเลสงสัยมองไปยังเจียงสื้อสื้อ สีหน้าที่ไม่เชื่อเต็มใบหน้า
ได้ยินการสอบถามของฝู้จิงเหวิน สีหน้าของเจียงสื้อสื้อเปลี่ยนไปเล็กน้อย
อดไม่ได้เสียงเข้มลงหลายส่วน “นี่คุณหมายความว่าอะไรหรือ? ไม่เชื่อว่าฉันเจอกับเขาเพราะคุยเรื่องงานหรือ? ภารกิจนี้เกี่ยวข้องกับการค้าขายของโรงไวน์เราในอนาคต ยิ่งกว่านั้นเวลาในวันนี้นัดกันเรียบร้อยมานานแล้วไม่เชื่อคุณไปถามดู”
เห็นเจียงสื้อสื้อสีหน้าเปลี่ยนไป ฝู้จิงเหวินจึงรู้สึกถึงว่าเมื่อกี้น้ำเสียงของตนเองเกินไปหน่อยแล้ว รีบเก็บอารมณ์ไว้
กดทับคิ้วไว้ส่ายหัวนิดๆพูดว่า “ไม่มี ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ผมเชื่อคุณ”
เขาเพียงแค่โมโหการกระทำของจิ้นเฟิงเฉิน ผู้ชายคนนี้เห็นได้ชัดก็คือเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเป็นของส่วนตัวอยู่
เพื่อที่จะตามสื้อสื้อคืนมาแล้วใช้ทุกวิธีจริงๆ!
เดิมทีเจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้คิดที่จะทะเลาะกันกับฝู้จิงเหวินด้วย สีหน้าคลายลงเยอะเลย
“งั้นฉันขึ้นไปก่อนล่ะ”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็เดินไปยังทางที่จะขึ้นข้างบน
แต่ว่ายังเดินไปไม่กี่ก้าว ก็ถูกฝู้จิงเหวินจับข้อมือไว้ทันที
“สื้อสื้อ คืนนี้พวกเราออกไปเถอะ ก็แค่เราทั้งสอง นานมากแล้วที่ไม่ได้ออกไปด้วยกัน”
สายตาของฝู้จิงเหวินจริงจังมาก จ้องมองเธออย่างใจจดใจจ่อ นัยน์ตาดึงความร้อนรุ่มขึ้นมา
แต่ก่อน ฝู้จิงเหวินล้วนไม่เคยปรากฏสีหน้าแบบนี้อย่างไม่ปิดบังขนาดนี้
เจียงสื้อสื้ออึ้งชะงักเล็กน้อย ประหลาดใจหนึ่งที รู้สึกถึงความกดดันขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ
จ้องมองฝู้จิงเหวินแบบนี้มีความไม่คุ้นเคยเล็กน้อย
เธอตีหน้าตายดึงแขนกลับมา หลังจากครุ่นคิดไปสักพัก ก้มหัวลงเล็กน้อยปฏิเสธฝู้จิงเหวินเลย
“ขอโทษ ฉันยังมีงานเล็กน้อยยังจัดการไม่เสร็จ คืนนี้ต้องทำโอที”
เธอยกกระเป๋าเอกสารในมือยกแล้วยกอีก นัยน์ตาแฝงไว้ด้วยความรู้สึกเสียใจจ้องมองไปยังฝู้จิงเหวิน
แม้ที่พูดเป็นคำพูดที่ปฏิเสธฝู้จิงเหวิน แต่สิ่งที่พูดกลับเป็นเรื่องจริง
สัญญาที่ร่วมงานกับ JS กรุ๊ป เธอต้องทำให้เสร็จอย่างรวดเร็วจึงจะถูก
นัยน์ตาฝู้จิงเหวินเต็มเปี่ยมด้วยพยับเมฆในทันที น้ำเสียงหดหู่พูดไปประโยคหนึ่งว่า “งั้นก็แล้วไป ไม่มีอะไรแล้ว คุณไปทำงานเถอะ”
จ้องมองเงากายที่หมุนตัวขึ้นข้างบนของเจียงสื้อสื้อ ในใจเต็มเปี่ยมไปด้วยความรู้สึกที่ประสบความล้มเหลว
เข้าสู่กลางคืน ในที่สุดเจียงสื้อสื้อก็ทำสัญญาเสร็จแล้ว
หลังจากปิดคอมพิวเตอร์ เธอย่องเข้าไปในห้องนอนของเถียนเถียน แม่ลูกทั้งสองนอนกอดกัน
ตอนที่ดึกสงัดเงียบสงบ ในตระกูลฝู้มีเพียงไฟของห้องหนังสือสว่างอยู่
ทันทีที่แม่ฝู้ผลักประตูเข้าไปดู อดไม่ได้ขมวดคิ้วขึ้นมา
ลูกชายตัวเองกอดขวดเหล้าไว้ สีหน้าเมานิดๆ ลักษณะเหมือนดั่งยืมเหล้าแก้กลุ้ม
เธอเดินเข้าไป เก็บขวดเหล้าของฝู้จิงเหวินไว้ ไต่ถามอย่างแปลกใจว่า “จิงเหวิน แกทำไมดื่มเหล้าเยอะขนาดนี้ เกิดอะไรขึ้นแล้วหรือ?”
“สื้อสื้อเจอหน้ากันกับอดีตสามีของเธอแล้ว เห็นลักษณะที่สนิทสนมของพวกเขา ผมมีความหงุดหงิดเล็กน้อย”
ในระหว่างคิ้วของฝู้จิงเหวินเต็มเปี่ยมด้วยความหมายที่หมดอาลัยตายอยาก
แท้ที่จริงแล้วไม่ต้องคาดเดาก็รู้ว่าเนื่องเพราะเจียงสื้อสื้อ
แม่ฝู้ถอนหายใจอย่างหนักอึ้งหนึ่งที ลงไปทำซุปสร่างเมาถ้วยหนึ่งขึ้นมาให้กับฝู้จิงเหวิน
หลังจากดื่มลงไป ฝู้จิงเหวินรู้สึกสบายขึ้นเยอะเลย สีหน้าคลายลงมากขึ้น
“เป็นทุกข์ก็ถูกแล้ว แต่ว่าแกหมดอาลัยตายอยากไม่มีประโยชน์ ไม่อยากให้สื้อสื้อถูกแย่งไปล่ะก็ แกก็เร่งฝีเท้าจีบเธอ รู้ไหม?”
ก่อนที่จะไป แม่ฝู้พูดคำพูดที่อัดแน่นเต็มไปด้วยน้ำใสใจจริงกับแฝงไว้ด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง
“อืม รู้แล้ว”
ฝู้จิงเหวินพยักหน้าขานรับ ความอยากเอาชนะในใจถูกดึงดูดออกมา
วันรุ่งขึ้น แสงอาทิตย์รุ่งอรุณ
ในวันใหม่ ระงับความห่อเหี่ยวกับความไม่สบายใจของเมื่อคืนโดยสิ้นเชิง
ตอนที่ฝู้จิงเหวินเจอกันกับเจียงสื้อสื้ออีก ทั้งสองคนทำเหมือนดั่งไม่เคยเกิดอะไรขึ้นอย่างรู้อยู่แก่ใจโดยไม่ต้องอธิบายด้วย สีหน้าสงบเงียบ
ทั้งครอบครัวรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน ก่อนที่จะไปทำงานฝู้จิงเหวินพูดกับเจียงสื้อสื้อว่า “สื้อสื้อ วันนี้ว่างไหม ผมจองร้านอาหารไว้แห่งหนึ่ง ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ ก็ถือว่าเป็นการฉลองที่พวกเรารู้จักกันครบสามปีดีไหม พูดตามตรงว่าพวกเรายังไม่เคยไปกินข้าวแค่สองคนสักมื้อมาก่อนจริงๆ”
บนใบหน้าของเขาแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยน นัยน์ตารินหลั่งแสงสี ทำให้คนใจร้ายไม่ลงที่จะปฏิเสธ
เดิมทีเนื่องเพราะเมื่อคืนเจียงสื้อสื้อปฏิเสธเขาในใจก็รู้สึกผิด
คราวนี้คิดไว้ว่าวันนี้ไม่มีเรื่องอะไรจริงๆ ก็พยักหน้าขานรับเลย
“ได้ คุณวางแผนเถอะ ฉันมีเวลาล่ะ”
ฝู้จิงเหวินได้ยินคำพูดยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย นัยน์ตาแวววาวยิ่งเข้มขึ้น
“งั้นก็ตกลงเป็นเช่นนี้แล้ว!”
แม่ฝู้ที่อยู่ข้างๆจ้องมองอยู่ ก็แอบดีใจกับลูกชายบ้านตนเองด้วย
ฝู้จิงเหวินออกไปไม่นาน เจียงสื้อสื้อก็ลุกจากโต๊ะอาหารด้วย
หยิบกระเป๋าเอกสารของตนเองขึ้นมา รีบเร่งไปยังบริษัท
ทันทีที่ถึงบริษัทก็รวบรวมทุกคนมาเปิดประชุมครั้งหนึ่ง สัญญาที่ร่วมงานกับ JS กรุ๊ปค่อยๆสมบูรณ์ขึ้นมา
ช่วงบ่าย เจียงสื้อสื้อหยิบสัญญาที่หลังจากผ่านการแก้ไขแล้วรีบไปยัง JS กรุ๊ป
ไปถึงหน้าเคาน์เตอร์ เจียงสื้อสื้อพูดกับพนักงานหน้าเคาน์เตอร์อย่างอ่อนโยนว่า “สวัสดีค่ะ รบกวนหาประธานจิ้นสักหน่อย”
พนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์แฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่มีมารยาทถามเธอว่า “ขอถามหน่อยว่าได้นัดหมายไว้ไหม?”
“ขอโทษจริงๆ ฉันมารีบเกินไป ลืมแล้ว แต่เขาบอกว่าเข้ามาหาเขาเมื่อไหร่ก็ได้ อย่างงี้ คุณโทรหาท่านประธานสักหน่อยเถอะ ฉันนามสกุลเจียง คุณแจ้งสักหน่อย”
เจียงสื้อสื้อยิ้มตอบ
พนักงานกวาดผ่านเจียงสื้อสื้อหนึ่งทีอย่างเชื่อครื่งไม่เชื่อครึ่ง หลังจากลังเลสักพักแล้ว ก็ยังโทรแจ้งไปหนึ่งที
เป็นกู้เนี่ยนรับสาย หลังจากได้ยินว่าสุภาพสตรีนามสกุลเจียง ทันทีนั้นทำให้คนไม่เฉยชาเขาจะลงไปเดี๋ยวนี้ จากนั้นวางสายลง
พนักงานที่อยู่หน้าเคาน์เตอร์ได้ยินว่ากู้เนี่ยนจะลงมาด้วยตนเอง อึ้งชะงักอยู่ที่เดิม อดไม่ได้พินิจพิเคราะห์เจียงสื้อสื้อหลายที
ในใจอดไม่ได้เกิดความสงสัยงงงวยขึ้น ตกลงว่าผู้หญิงคนนี้มาจากไหนกันแน่ ทำให้ผู้ช่วยกู้ที่สุขุมมาโดยตลอดของพวกเขาตื่นเต้นขนาดนี้ล่ะ?
“เป็นยังแล้วล่ะ? เขาไม่ว่างหรือ?”
เจียงสื้อสื้อถามไปประโยคหนึ่งอย่างไม่สบายใจ
“ไม่มี ไม่มี ท่านรออยู่นี่สักครู่ อีกไม่นานจะมีคนมาหาท่าน”
ทันทีนั้นน้ำเสียงหน้าเคาน์เตอร์เคารพนบนอบขึ้นมาหลายเท่า นี่ทำให้เจียงสื้อสื้อมีความไม่เข้าใจเล็กน้อย
ผ่านไปไม่นาน ก็เห็นมีคนเดินตรงไปยังเธอ
ทันทีนั้นเจียงสื้อสื้อก็จำได้ว่าเป็นผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายจิ้นเฟิงเฉินคนนั้น ทักทายกับเขาอย่างเป็นมิตร
“สวัสดีค่ะ ฉันมาพูดคุยเรื่องเกี่ยวกับสัญญา”