ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 617 เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าแล้ว
บทที่ 617 เกิดเรื่องกับเสี่ยวเป่าแล้ว
เมื่อคิดว่าเจียงสื้อสื้อโกหกเขาเพราะผู้ชายคนนี้ ฝู้จิงเหวินก็อดไม่ได้ที่จะกำแก้วในมือแน่
หรือว่า ตอนนี้เขาแม้แต่จะรู้ว่าเธออยู่กับใครก็ไม่มีสิทธิแล้วเหรอ?
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาใกล้กันเรื่อยๆ สำหรับเขาแล้วคงไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่
ทั้งสองคนเคยมีความสัมพันธ์พื้นฐานกันมาก่อน เพียงแค่พวกเขาติดต่อกันมากขึ้น ไม่ช้าเจียงสื้อสื้อจะต้องมีความรู้สึกดีๆกับจิ้นเฟิงเฉินแน่ๆ
ถึงเวลานั้นเขาอาจจะไม่มีโอกาสอะไรแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินนี่มันเลวทรามจริงๆ ใช้ความรู้สึกของเจียงสื้อสื้อที่มีต่อเสี่ยวเป่าครั้งแล้วครั้งเล่า
รู้ว่าเธอไม่สามารถปฏิเสธเสี่ยวเป่าได้ ดังนั้นจึงใช้วิธีนี้ในการเข้าใกล้เธอ
เสียงปิดประตูข้างล่างดังขึ้น ฝู้จิงเหวินก็เดินไปรอเจียงสื้อสื้อที่บันได
เปลี่ยนรองเท้าที่ทางเข้า เจี้ยงสื้อสื้อเตรียมจะเดินขึ้นข้างบน
ในตอนนี้เอง จู่ๆฝู้จิงเหวินก็พูดขึ้นมา “ทำมถึงกลับดึกขนาดนี้? กลับมาเองหรอ?”
เสียงที่จู่ๆก็ดังขึ้นมาทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจจนมือสั่น ของขวัญที่เสี่ยวเป่าให้กลิ้งหล่นลงไปที่พื้น
เจียงสื้อสื้อรีบหยิบขึ้นมา แล้วใส่เข้าไปในกล่องใหม่
หลังจากตั้งสติได้แล้ว เจียงสื้อสื้อถึงจะตอบคำถามของฝู้จิงเหวิน
“คุยกับเพื่อนอยู่สักพัก เลยทำให้เสียเวลาไปหน่อย”
รู้ว่าเจียงสื้อสื้อกำลังหลบเลี่ยงอะไรบางอย่าง ฝู้จิงเหวินก็ไม่บีบบังคับให้ตอบ
“กลับมาก็ดีแล้ว ทีหลังถ้าจะกลับดึกขนาดนี้ จำไว้ว่าให้ผมไปรับคุณเอง”
พูดทิ้งไว้อย่างเย็นชา แล้วขึ้นข้างบนไป
มองเห็นเขาเข้าห้องไปแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมาอย่างยาวเหยียด
ความรู้สึกผิดแบบนี้มันช่างน่าอึดอัดเสียจริงๆ
กลับมาถึงห้อง เจียงสื้อสื้อก็ส่งของขวัญของเสี่ยวเป่าให้เถียนเถียน และกำชับว่า “นี่คือของที่พี่ชายตั้งใจจะให้หนู แม้แต่หม่ามี๊ยังไม่ได้ของกิตติมศักดิ์ชิ้นนี้”
พอได้ฟังเถียนเถียนก็รีบคว้ากล่องของขวัญมากอดไว้ ราวกับกลัวว่าเจียงสื้อสื้อจะแย่งไปอย่างนั้น
เขามองไปที่เจียงสื้อสื้ออย่างตั้งรับ และพูดเหมือนกับผู้ใหญ่ตัวน้อยว่า
“นี่เป็นของขวัญที่พี่ชายให้เถียนเถียน ดังนั้นเถียนเถียนแบ่งให้หม่ามี๊ดูไม่ได้ คืนนี้เถียนเถียนจะนอนเอง ฝันดีค่ะหม่ามี๊”
พูดจบ เด็กหญิงตัวน้อยก็กอดของขวัญและกลับไปที่ห้องของตัวเอง
แต่ห้องของเถียนเถียนเป็นของเล่นที่ซื้อมาจากออนไลน์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใหญ่ แต่ก็พอจุเด็กน้อยอายุสองขวบ
มองเด็กหญิงตัวน้อยที่รีบปิดประตูห้อง เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
เมื่อก่อนพูดอะไรก็ไม่สามารถนอนคนเดียวได้ วันนี้ผิดปกติมากจริงๆ
ดูๆแล้วตำแหน่งของเสี่ยวเป่าในหัวใจของเธอคงสูงมาก
หลังจากชำระล้างความเหนื่อยล้าที่ผ่านมาทั้งวัน เจียงสื้อสื้อก็นอนอยู่บนเตียง ไม่นานก็หลับสนิทไป
ในอีกทางด้านหนึ่ง เสี่ยวเป่าและจิ้นเฟิงเฉินก็กลับมาถึงบ้าน จิ้นเฟิงเฉินอุ้ม
เสี่ยวเป่ามาไว้บนขา พูดอย่างจริงจังว่า “เสี่ยวเป่า แดดดี๊เดินทางไปครั้งนี้ไม่รู้ว่ากี่วันถึงจะได้กลับมา ดังนั้นหนูจำไว้ว่าถ้าเกิดเรื่องอะไรให้ไปหาหม่ามี๊ ไม่ต้องสนใจความขัดแย้งใดๆของเพื่อนร่วมห้อง มิฉะนั้นคนที่จะเสียเปรียบคือหนูเอง เข้าใจไหม?”
เสี่ยวเป่าพยักหน้า รับรองว่า “แดดดี๊ไม่ต้องเป็นห่วง ผมจะเป็นเด็กดีอย่างแน่นอน ผมจะไม่สร้างเรื่องอะไร ถ้ามีปัญหาก็จะไปหาหม่ามี๊ แดดดี๊ระวังตัวดีๆ รีบกลับมาไวๆนะครับ”
“โอเค ไปพักผ่อนเถอะ”
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้น ไปที่ห้องหนังสือ
เสี่ยวเป่าตะโกนอยู่ที่ด้านหลังของจิ้นเฟิงเฉิน “แดดดี๊ ฝันดีครับ”
จากนั้นตัวเองก็กลับไปที่ห้องเล็กๆ หลังจากอาบน้ำเสร็จ ก็นอนอยู่บนเตียง
ไม่นานนักก็เข้าสู่ห้วงความฝัน ในฝันนั้นหม่ามี๊จำเขาได้แล้ว พวกเขาทั้งสี่คนใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
คืนนี้สำหรับเสี่ยวเป่าแล้วเป็นคืนที่หลับสบายที่สุด
จิ้นเฟิงเฉินจัดเตรียมเอาเอกสารที่จะต้องใช้ในสองสามวันนี้ออกมา ดึกแล้ว
มองเวลาแล้ว จึงรู้ว่าควรจะไปนอนได้แล้ว
ใส่เสื้อผ้าสองสามชุดลงไปในกระเป๋าเดินทาง แล้วก็ปิดกระเป๋า
นั่งริมขอบเตียงมองกระเป๋าเดินทางอยู่ที่วางอยู่ที่พื้น เงาร่างกายของเจียงสื้อสื้อที่ยุ่งปรากฏขึ้นมาในตาของจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่ตั้งใจ
เมื่อก่อนตอนที่ต้องไปทำงานต่างที่จะเป็นเธอที่เป็นคนจัดการตลอด ไม่รู้ว่าทุกวันนี้เธอจะเป็นคนจัดกระเป๋าให้ฝู้จิงเหวินรึเปล่า
แต่ว่าตอนนี้เรื่องราวพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่แล้ว
ยกผ้าห่มขึ้น จิ้นเฟิงเฉินนอนลงไปบนเตียงโดยยังใส่ชุดอยู่ นอนทั้งอย่างนี้แล้วกัน
วันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินไปสนามบินแต่เช้า ก่อนเครื่องบินออก ได้เรียบเรียงข้อความส่งให้เจียงสื้อสื้อ
รอให้เจียงสื้อสื้อตื่นขึ้นมา ก็คงจะเป็นเวลาสายแล้ว
หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาตามปกติ มองชื่อที่ปรากฏบนโทรศัพท์ เจียงสื้อสื้อก็อดที่จะชะงักไปไม่ได้
“สื้อสื้อ ผมไปแล้ว วานให้คุณช่วยดูเสี่ยวเป่าสักหน่อย จิ้นเฟิงเฉิน”
หลังจากจ้องดูเนื้อหาในข้อความเป็นเวลานาน เจียงสื้อสื้อจึงลุกขึ้นจากเตียง
เหมือนปกติ ทำงานที่อยู่ในมือ เวลาหนึ่งวันผ่านไปเร็วมาก
เจียงสื้อสื้อเพียงแค่รู้สึกเหม่อลอยเล็กน้อย
บางครั้งร่างของเสี่ยวเป่าก็ปรากฏขึ้นมาตรงหน้า
ใบหน้ายิ้มแย้มของเขา ความน่ารักของเขา ความฉลาดหลักแหลมของเขา
ทุกๆด้านของเสี่ยวเป่าเธอจดจำไว้ในใจอย่างแน่นหนา
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาจะกินข้าวอิ่มหรือยัง ตั้งใจเรียนหนังสือหรือเปล่า
แต่เธอกลับอดทนที่จะไม่ติดต่อไปหาเสี่ยวเป่า ถึงยังไงจิ้นเฟิงเฉินก็พึ่งจะไป
ถ้าเกิดฝู้จิงเหวินรู้เข้า คงเลี่ยงไม่ได้ที่จะอธิบายกันอีกยาว
ตลอดสามวันที่ผ่านมา ทุกวันของเจียงสื้อสื้อผ่านไปอย่างทรมาน
ในอีกด้านหนึ่งเสี่ยวเป่าก็ทรมานเหมือนกัน เขารู้ว่าหม่ามี๊มีความลำบากใจของเธอ
ดังนั้นจึงรออย่างทรมานมาโดยตลอด ไม่กล้าที่จะไปรบกวนเธอง่ายๆ
วันนี้เจียงสื้อสื้อกำลังตรวจสอบรายงานอยู่ที่บริษัท ไม่รู้ทำไม ตัวเลขที่อยู่ตรงหน้าได้เปลี่ยนกลายเป็นท่าทางของเสี่ยวเป่า
กำลังว่าเธอว่าทำไมไม่ไปหาเขา ในลักษณะที่น่าสงสารมาก
ในตอนที่เจียงสื้อสื้อกำลังจะยื่นมืออกไปลูบเขา กลับได้ยินเสียงของผู้ช่วยตะโกนเรียก
“พี่สื้อสื่อ? พี่สื้อสื้อ?”
มือของผู้ช่วยโบกไปมาอยู่ตรงหน้าเจียงสื้อสื้อสองสามครั้ง เจียงสื้อสื้อกลับมาตั้งสติได้
“ห้ะ? มีอะไร?”
เห็นเธอใจลอย ผู้ช่วยก็อดไม่ได้ที่จะพูด “พี่สื้อสื้อ พี่นอนไม่ค่อยพอหรือเปล่า ฉันเรียกพี่ตั้งหลายรอบ พี่ไม่สนใจฉันเลย”
เจียงสื้อสื้อสั่นหัวไปมา สลัดความคิดที่ฟุ้งซ่านออกไป และถามว่า “เปล่า เมื่อกี้คิดอะไรอยู่สักหน่อย มีอะไร”
“นี่คือแผนการร่วมมืออันใหม่ พี่ดูสักหน่อยมีอะไรผิดไหม”
ผู้ช่วยพูดพร้อมกับส่งเอกสารให้กันเจียงสื้อสื้อ
หลังจากอ่านไปได้ไม่นาน เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าอ่านต่อไปไม่ได้แล้ว ข้างในใจหงุดหงิดจนอธิบายออกมาไม่ได้
พูดกับผู้ช่วยว่า “เอกสารนี้รอฉันกลับมาแล้วจะจัดการให้ ตอนนี้ฉันมีเรื่องต้องออกไปสักหน่อย”
พูดจบ ก็ออกจากบริษัทไป
มองดูโทรศัพท์ ตอนนี้เวลายังเช้าอยู่ เสี่ยวเป่าน่าจะยังไม่เลิกเรียน
ไปร้านค้าซื้อขนมที่เสี่ยวเป่าชอบกิน แล้วก็ไปโรงเรียนของเสี่ยวเป่า
คาดไม่ถึงว่าพอมาถึงโรงเรียน ก็ได้ยินข่าวร้าย
หลังจากคุณครูที่โรงเรียนมองเห็นเจียงสื้อสื้อ ก็รีบเรียกให้เธอมาข้างๆ พูดอย่างลวกๆว่า “พวกคุณที่เป็นผู้ปกครองเป็นอะไรกันไปหมด? ติดต่อใครไม่ได้สักคน ตอนนี้นักเรียนจิ้นเป่ยเฉินอยู่ที่โรงพยาบาลคุณรู้บ้างไหมคะ?”
ด้วยความตกใจของคำพูดคุณครู เธอมองไปที่คุณครูด้วยความตะลึง และถามอย่างงงๆว่า “คุณครูที่คุณพูดเป็นจิ้นเป่ยเฉินจริงๆใช่ไหมคะ?”