ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 621 แด๊ดดี๊จะทำให้ตรงตามความสนองทุกอย่าง
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่ 621 แด๊ดดี๊จะทำให้ตรงตามความสนองทุกอย่าง
บทที่ 621 แด๊ดดี๊จะทำให้ตรงตามความสนองทุกอย่าง
เมื่อพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องนอน
ฝู้จิงเหวินเดินตามเธอไป
“เมื่อคืน…”
“เมื่อวาน…”
ทั้งสองคนเอ่ยปากพูดพร้อมกัน ฝู้จิงเหวินทำท่าทางส่งสัญญาณให้เจียงสื้อสื้อพูดก่อน
“เมื่อคืนปฏิกิริยาของฉันไม่ค่อยดีสักเท่าไหร่ ฉันขอโทษนะ แต่เสี่ยวเป่ายังเด็ก เขาบริสุทธิ์ ฉันไม่อยากให้คุณพูดแบบนั้นกับเขา”
เมื่อพูดจบ มีความไม่เป็นธรรมชาติปรากฏขึ้นบนในหน้าของฝู้จิงเหวิน เขาเกาหัวและพูดว่า “ผมเองก็มีด้านที่ทำผิด ผมไม่ควรไปคิดเล็กคิดน้อยกับเด็ก อีกอย่างตอนนี้เขาได้รับบาดเจ็บอยู่ด้วย”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ ฝู้จิงเหวินก็หยุดไปครู่หนึ่ง เขาก้าวไปด้านหน้า แล้วจับมือของเจียงสื้อสื้อขึ้นมาอย่างระวัง และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่อ้อนวอนว่า “สื้อสื้อ ผมรู้ว่าตอนนี้คุณอยากรู้ความผูกพันระหว่างคุณและสองคนก่อนหน้านี้
แต่ได้โปรดคุณลองมองมาที่ผมบ้างได้ไหม ผมรอคุณมาเป็นเวลาสามปี ผมเองก็หวังว่ายังจะได้อยู่กับผู้หญิงที่ตัวเองรัก โปรดให้โอกาสผมสักครั้ง ให้โอกาสเราทั้งคู่ ลองพยายามยอมรับผม ได้ไหม?”
ฝู้จิงเหวินคุกเข่าลงกับพื้นและหยิบกล่องที่สวยงามประณีตออกมาจากเสื้อผ้าของเขา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ถอยหลังไปหนึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เธอรับมือไม่ค่อยได้
เขาประคองฝู้จิงเหวินขึ้นมา และพูดด้วยความรู้สึกผิดว่า “จิงเหวิน ฉันขอโทษนะ ตอนนี้ฉันยังไม่สามารถยอมรับคุณได้ ฉันรู้ว่าคุณดีกับฉันมากๆ
แต่ตอนนี้ให้เวลาฉันหน่อยได้ไหม ฉันไม่อยากให้ตัวเองต้องรู้สึกเสียดาย เมื่อฉันพบคำตอบแล้ว ถ้าเป็นไปได้ ฉันก็จะยอมรับคุณ โอเคไหม?”
ดวงตาของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยแววตาขอร้อง ฝู้จิงเหวินเองก็บีบบังคับเธอต่อไปไม่ลง
เขาจึงตอบว่า: “ได้ ผมสัญญาว่าผมจะไม่บังคับคุณ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อก็โล่งใจ ขอเพียงแค่ฝู้จิงเหวินสามารถเข้าใจได้ก็ดีมากแล้ว
เมื่อนึกถึงว่าเสี่ยวเป่ายังอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง เจียงสื้อสื้อจึงกล่าวอย่าง ลำบากใจ ว่า: “จิงเหวิน ตอนนี้เสี่ยวเป่ายังอยู่ที่โรงพยาบาลเพียงลำพัง วันนี้ฉันอยากจะไปดูแลเขาอีกวันหนึ่ง ฉันไม่อยากให้เขาต้องอยู่คนเดียว”
เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงสื้อสื้อแล้ว ความรู้สึกแรกของฝู้จิงเหวินอยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อสักครู่เขาเพิ่งบอกเธอไปว่าจะไม่บังคับเธออีก เขาจึงได้แต่พูดคำที่ขัดต่อความปรารถนาในใจออกไป
“ผมไปส่งคุณดีกว่า จะได้ไปดูว่าอาการบาดเจ็บของเขาเป็นอย่างไรบ้าง”
เมื่อเห็นว่าฝู้จิงเหวินมีเจตนาดี เจียงสื้อสื้อเองก็ตกลง
ทั้งสองขับรถไปที่โรงพยาบาล มองไปเห็นเสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องพักคนไข้กำลังมองไปที่หน้าประตูอย่างตาปริบๆ
เมื่อเห็นเงาร่างของเจียงสื้อสื้อแล้ว ดวงตาของเขาก็สว่างขึ้นมาทันที
เจียงสื้อสื้อวางผลไม้ในมือลง และรีบไปดูอาการของขาของเขา
“เสี่ยวเป่า วันนี้คุณลุงหมอว่ายังไงบ้างคะ? ”
เสี่ยวเป่ามองไปที่ขาของตน แกล้งทำเป็นสบายแล้วกล่าวว่า “คุณลุงบอกว่าขาของผมฟื้นตัวได้รวดเร็วครับ ไม่กี่วันถอดเฝือกออกก็จะหายแล้วครับ”
ขณะนี้ฝู้จิงเหวินเดินเข้าไป แล้วสัมผัสไปที่ขาที่บาดเจ็บของเสี่ยวเป่าเบาๆ เสี่ยวเป่าเจ็บจนหน้าขมวดเข้าหากันทันที
เจียงสื้อสื้อเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจมาก จึงได้แต่ตำหนิว่า “จิงเหวินคุณจับเบาๆ หน่อยไม่ได้หรือไง! เขายังเด็กอยู่เลยนะ”
“ขาของเขาไม่รอสัก100วัน อย่าได้คิดเลยว่าจะหายดี กว่ากระดูกข้างในจะโตได้เต็มที่คงต้องรออีกสักพัก” ฝู้จิงเหวินตอบอย่างทางการ
แต่ในใจเขาอดไม่ได้ที่จะชื่นชม สามารถจินตนาการได้เลยว่าเสี่ยวเป่ากำลังทนต่อความเจ็บปวดมากแค่ไหน
แต่ว่า ใครให้เขาเป็นลูกชายของจิ้นเฟิงเฉินล่ะ ตัวเขาเองไม่ฉวยโอกาสนี้เพื่อเพิ่มความเจ็บปวดให้เขาก็ถือว่าดีแค่ไหนแล้ว
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็กลอกตาใส่เขา ฝู้จิงเหวินไม่ได้มาเพื่อช่วยเสี่ยวเป่าเลย เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นการแก้แค้นต่างหาก
เสี่ยวเป่าเห็นเจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วไว้แน่น ก็ปลอบใจเธออย่างอ่อนแรงว่า ” หม่ามี๊ไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ ร่างกายของผมฟื้นตัวได้เร็วมาก ผมต้องลงมาเดินบนพื้นได้เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน”
“เอาล่ะ จิงเหวินคุณกลับไปก่อนเถอะ ฉันจะดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่เอง”
พูดไปเจียงสื้อสื้อก็ผลักฝู้จิงเหวินออกไปข้างนอก ฝู้จิงเหวินจึงได้แต่กลับบ้านไปก่อน
วันถัดมา เจียงสื้อสื้อถูกเสียงโทรศัพท์ที่โทรเข้ามารัวๆของเถียนเถียนปลุกจนตื่นขึ้นมา เจียงสื้อสื้อรับโทรศัพท์ขึ้นมาด้วยความง่วงงุน แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนของหนูน้อย
“หม่ามี๊คะ ทำไมเมื่อวานหม่ามี๊ไม่กลับมานอนกับเถียนเถียนล่ะคะ! ”
เจียงสื้อสื้อนวดไปที่คอที่ปวดเล็กน้อยแล้วอธิบายว่า “หม่ามี๊บอกหนูแล้วไม่ใช่เหรอ ว่าสองสามวันนี้ต้องดูแลพี่ชาย อาการบาดเจ็บที่ขาของพี่ชายยังไม่หายดี หนูทนให้พี่ชายอยู่โรงพยาบาลคนเดียวได้เหรอคะ?”
เมื่อได้ยินว่าเกี่ยวกับเสี่ยวเป่า เถียนเถียนก็รีบแนบหน้าใบหน้าเล็ก ๆ ขอเธอขึ้นมาและถามว่า “หม่ามี๊คะ หนูอยากเห็นพี่ชายค่ะ”
กล้องหมุนไปที่เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าโบกมือให้หนูน้อย “เถียนเถียน!”
เมื่อเห็นใบหน้าซีดขาวของเสี่ยวเป่าแล้ว ใบหน้าของหนูน้อยก็ปรากฏความกังวลขึ้นมาทันที
“พี่ชายคะ พี่เป็นยังไงบ้าง? แผลเจ็บไหม? ”
“พี่ชายไม่เจ็บ เพราะครั้งก่อนเถียนเถียนเป่าให้พี่แล้ว ก็เลยไม่เจ็บ” เสี่ยวเป่าพูดแล้วยิ้มกว้างขึ้นมา
ทันทีที่เสี่ยวเป่าพูดจบ เถียนเถียนก็เตรียมตัวลงจากเตียง พูดขึ้นมาอย่างเร่งรีบว่า “ถ้าอย่างงั้นเถียนเถียนไปเป่าให้พี่ชายตอนนี้เลย แด๊ดดี๊รีบพาหนูไปโรงพยาบาลเร็วเข้า! ”
จากนั้นกล้องก็มืดลง ทางนู้นก็วางสายโทรศัพท์ลง
ไม่ถึงสิบนาที เถียนเถียนก็มาถึงที่ห้องพักไข้ของเสี่ยวเป่าโดยฝู้จิงเหวินเป็นคนพามา
หลังจากที่ฝู้จิงเหวินส่งเถียนเถียนมาถึงที่นี่แล้วเขาก็รีบออกจากห้องไป วันนี้ที่สถาบันวิจัยของเขาจะทำการทดลองบางอย่าง ดังนั้นเวลาจึงเร่งรัดมาก
เถียนเถียนเห็นเสี่ยวเป่านอนอยู่บนเตียง เธอก็รู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที
เธอจับมือของเสี่ยวเป่าไว้และกล่าวว่า”พี่ชายคะ ทำไมพี่ถึงได้รับบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ เถียนเถียนลูปให้ก็จะไม่รู้สึกเจ็บแล้วนะ”
พูดจบเธอก็วิ่งไปที่ข้างเตียง แล้วลูบขาที่บาดเจ็บของเสี่ยวเป่าอย่างเบาๆ
มองดูท่าทีที่ตั้งใจของเถียนเถียน เสี่ยวเป่ายิ้มและกล่าวว่า”มีเถียนเถียนอยู่ พี่ชายไม่รู้สึกเจ็บเลย.”
“เถียนเถียน อย่าทำให้พี่ชายเจ็บนะ” เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะเตือนเธออยู่ข้างๆ
ถึงอย่างไรเถียนเถียนก็ยังเป็นเด็กอยู่ ตอนลงมืออาจจะเบาบ้างหนักบ้าง กลัวว่าเธอจะไม่ระวังแล้วทำให้เสี่ยวเป่าเจ็บตัว
ขณะที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน ประตูห้องผู้ป่วยก็เปิดออก
เห็นแค่จิ้นเฟิงเฉินกลับมาจากข้างนอกอย่างทุลักทุเล หลังจากที่เถียนเถียนเห็นจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็วิ่งเหยาะๆ เข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“แด๊ดดี๊! ”
จิ้นเฟิงเฉินรีบกอดหนูน้อยไว้ในอ้อมแขน แล้วเดินมาตรวจดูอาหารของเสี่ยวเป่า
เจียงสื้อสื้อเห็นเช่นนี้ ก็ลุกขึ้นเว้นที่ออกมาให้เขาอย่างสุภาพ แล้วเธอนั่งลงที่ข้างๆ
เธออดไม่ได้ที่จะเอ่ยปากขึ้นมาว่า “ครั้งนี้ขาของเสี่ยวเป่าบาดเจ็บหนักไปหน่อย เกรงว่าคงต้องใช้เวลาสักพักกว่าจะหายดีนะ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินเช่นนี้ ก็เหลือบมองไปที่เจียงสื้อสื้อ ตอนนี้ผมของเธอยุ่งเหยิงเล็กน้อย ดูแล้วน่าจะเฝ้าดูแลเสี่ยวเป่าอยู่ที่นี่มาตลอด ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกซาบซึ้งใจขึ้นมาทันที
“ขอบคุณนะสื้อสื้อ ถ้าไม่ใช่เพราะมีเธออยู่ข้างๆ ผมก็คงวางใจไม่ได้จริงๆ ”
เจียงสื้อสื้อกำลังจะพูดว่ามันไม่มีอะไร หนูน้อยก็พูดเสริมขึ้นมาว่า “แด๊ดดี๊คะ หม่ามี๊ไม่ได้นอนกอดเถียนเถียนมาสองวันแล้วค่ะ เพราะหนูรู้ว่าอาการของพี่ชายสาหัส ดังนั้นเถียนเถียนเชื่อฟังมากเลยนะคะ”
เมื่อได้ยินคำพูดของเถียนเถียน จิ้นเฟิงเฉินก็ลูปไปที่ปลายจมูกของเถียนเถียน แล้วพูดอย่างเอ็นดูว่า “ถ้าอย่างนั้นเบบี้อยากได้อะไรคะ? แด๊ดดี๊จะตามใจทุกอย่างเลย”