ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 622 ขอแค่หม่ามี๊ตอบตกลง
บทที่ 622 ขอแค่หม่ามี๊ตอบตกลง
เถียนเถียนกอดคอของจิ้นเฟิงเฉินไว้แน่น แล้วพูดว่าอย่างตื่นเต้นว่า “อ้อเย้ย! ของขวัญที่เถียนเถียนอยากได้ก็คือ พวกเราสี่คนอยู่ด้วยกัน!”
คำพูดของเด็กไร้เดียงสา แต่คนฟังมีเจตนาคิด
ผู้ใหญ่ทั้งสองต่างตกตะลึง เจียงสื้อสื้อยิ่งคิดไม่ถึงเลยว่าเถียนเถียนจะพูดคำแบบนี้ออกมาได้
บรรยากาศเงียบสงัดไปครู่หนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้วตอบกลับไปว่า “ได้ครับ ขอแค่หม่ามี๊ตอบตกลง ครอบครัวเราก็สามารถอยู่ด้วยกันได้แล้ว”
เถียนเถียนได้ยินเช่นนี้จึงมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความคาดหวัง แล้วพูดอย่างอ้อนวอนว่า “หม่ามี๊~”
มองดูพวกเขามองมาด้วยสีหน้าคาดหวัง เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกไม่สบายตัวเล็กน้อย
“เอาล่ะ เถียนเถียนไม่ดื้อนะคะ รีบลงมาเถอะ คุณลุงจิ้นยังมีงานต้องยุ่งนะ”
เจียงสื้อสื้อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาเมื่อสักครู่นี้ไป แล้วรับเถียนเถียนมาจากมือของจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อเห็นว่าเธอกำลังหลบหนี จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่ได้ยึดติดกับคำถามนั้นอีก
เขาก็พูดตามคำพูดของเจียงสื้อสื้อไปว่า “พอดีที่ผมต้องไปคุยกับหมอรักษาของเสี่ยวเป่า ก็ขอฝากเสี่ยวเป่าให้คุณดูแลอีกทีละกันนะ”
“อืม”
เจียงสื้อสื้อตอบกลับอย่างเฉยเมย แล้วออกไปกรอกน้ำให้เสี่ยวเป่า
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนี้ก็เดินตามออกไป เถียนเถียนกำลังคุยกับเสี่ยวเป่าอยู่หน้าเตียงผู้ป่วย เสี่ยวเป่าเองก็ฟังความคิดเห็นแปลกของหนูน้อยอย่างใจเย็น
แสงแดดหลังเที่ยงนั้นอบอุ่นและอุ่นสบาย ส่องแสงไปบนร่างกายเล็ก ๆ ของเจ้าตัวเล็กสองคนที่นั่งอยู่บนเตียง ดูกลมกลืนกันมาก
ในห้องตรวจ จิ้นเฟิงเฉินถือแผ่นตรวจของเสี่ยวเป่าไว้ในมือ กระดูกบนทรุดเล็กน้อย
แพทย์ชี้ไปที่ส่วนบนของแผ่นเอกซเรย์กล่าวว่า”ขาจุดนี้ของเด็กได้รับบาดเจ็บค่อนข้างรุนแรง กระดูกอ่อนด้านในบาดเจ็บ ส่งผลกระทบต่ออนาคตค่อนข้างมาก”
จิ้นเฟิงเฉินวางแผ่นเอกซเรย์ลงแล้วถามว่า “ต้องใช้เวลารักษาอีกนานแค่ไหนครับ?”
“พรุ่งนี้จะทำการรีเซตกระดูกให้เขา หากรีเซตได้ดี ก็สามารถทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้ภายในสามวัน หากผลออกมาไม่ค่อยดีนักคงต้องอยู่สังเกตอาการอีกสักพักครับ”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินเช่นนี้แล้ว สีหน้าของเขามืดครึ้มลงเล็กน้อย
สงสารเสียวเป่าที่ต้องทนทุกข์ทรมานขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย น่าเจ็บใจจริงๆ
เมื่อออกจากห้องตรวจ จิ้นเฟิงเฉินก็กลับเข้าห้องผู้ป่วย เห็นภาพที่ทั้งสามคนพูดคุยและหัวเราะกันอย่างสนุกสนาน อารมณ์ของเขาก็สดใสขึ้นมา
เห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินไม่ค่อยดีนัก เจียงสื้อสื้อก็ถามอย่างกังวล “หมอว่ายังไงบ้างคะ อาการของเสี่ยวเป่าหนักไหม?”
“ไม่หนักเท่าไหร่ แต่แค่ต้องสังเกตอาหารอีกสักพัก พรุ่งนี้จะมีการผ่าตัดรีเซต ถ้าไม่มีอะไร ก็สามารถทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้เลย”
หลังจากพูดจบ หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็ผ่อนคลายลง
เธอลูบที่หน้าผากของเสี่ยวเป่าเบา ๆ และกล่าวว่า “ถ้าเสี่ยวเป่าให้ความร่วมมือกับบุคลากรทางการแพทย์ อาการก็จะดีขึ้นโดยเร็วที่สุดอย่างแน่นอนค่ะ”
“ใช่แล้วค่ะพี่ชาย เถียนเถียนจะให้กำลังใจพี่เอง! ”
เถียนเถียนพูดไปพร้อมกระโดดโลดเต้นอยู่กับพื้น แขนเล็กๆ และขาเล็กๆ ของเธอทำให้ทั้งสามคนหัวเราะออกมาอย่างมีความสุข
เสี่ยวเป่าที่นอนอยู่บนเตียงดึงชายเสื้อของเจียงสื้อสื้อแล้วกระซิบว่า “หม่ามี๊ครับ ผ่าตัดของพรุ่งนี้หม่ามี๊มาได้ไหมครับ มีหม่ามี๊อยู่ผมก็จะไม่กลัวแล้วครับ”
“แน่นอนว่ามาได้ค่ะ ฉันจะมานะ” เจียงสื้อสื้อกล่าวออกมาอย่างอ่อนโยน
หลังจากอยู่ในโรงพยาบาลไปอีกพักหนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็พาเถียนเถียนกลับไป
จิ้นเฟิงเฉินยืนอยู่ตรงหน้าหน้าต่างแล้วมองไปที่แผ่นหลังของสองแม่ลูกที่เดินจากไป ความคิดในใจที่อยากจะเก็บเธอไว้รอบๆ กายมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้น
“แด๊ดดี๊ ถ้าแด๊ดดี๊มีเรื่องยุ่งก็ไปยุ่งก่อนได้นะครับ ผมอยู่ที่นี่เองได้ไม่เป็นไร”
เสียวเป่ารู้ว่าการกลับมาครั้งนี้ของจิ้นเฟิงเฉิน เขาต้องผลักงานไปมากมายแน่ๆ เขาไม่อยากทำให้งานของแด๊ดดี๊ล่าช้าลง
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินเช่นนี้ ก็เดินเข้าไปตรงหน้าเสียวเป่า ลูบผมของเขาแล้วพูดว่า “ครั้งนี้ที่แด๊ดดี๊กลับมา ก็เพราะมาอยู่เป็นเพื่อนหนู หนูไม่ต้องคิดมากนะ นอนเถอะ นอนหลับแล้วก็จะไม่รู้สึกเจ็บแล้ว”
เสี่ยวเป่าหลับตาลงอย่างเชื่อฟัง และไม่นานเขาก็เข้าสู่ความฝันไป
เห็นว่าเขาหลับสนิทแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็พุ่งตัวออกจากห้องผู้ป่วยไป
เขาสั่งจัดให้คนมาเฝ้าอยู่หน้าห้องผู้ป่วยแล้ว จึงจากไปอย่างสบายใจ
ตกเย็น เจียงสื้อสื้อก็พาเถียนเถียนกลับไปถึงบ้านตระกูลฝู้ ฝู้จิงเหวินเห็นแล้วก็รีบหยิบผลไม้ที่หั่นไว้แล้วออกมาทันที
แล้วพูดอย่างประจบว่า ” นี่คือผลไม้ที่เพิ่งส่งกลับมาจากต่างประเทศ ลองชิมดูว่าคุณชอบไหม”
หลังจากพูดจบ เขาก็ยื่นผลไม้ไปที่ปากของเจียงสื้อสื้อ เจียงสื้อสื้อเห็นเช่นนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธเขา เธออ้าปากและกินมันลงไปทันที
เจียงสื้อสื้อพูดขึ้นมาเองว่า “อร่อยมาก ทำไมวันนี้ถึงกลับมาเร็วจัง?”
“ที่สถาบันวิจัยไม่มีเรื่องอะไรแล้ว ผมก็เลยกลับมาก่อน แล้วก็จะรอพวกคุณอยู่พอดี ครอบครัวขอเราไม่ได้กินข้าวด้วยกันมานานแล้วนะ”
ทันทีที่ฝู้จิงเหวินพูดจบ คุณแม่ฝู้ก็เดินมาแต่ไกล แล้วจับมือของเจียงสื้อสื้อไว้พร้อมพูดว่า “สื้อสื้อ ไหนๆ วันนี้ทุกคนอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เราออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันเองก็ขี้เกียจสั่งให้ทางครัวไปเตรียมอาหารแล้ว”
พูดจบก็ส่งสายตาให้พ่อฝู้ พ่อฝู้เองก็เข้าใจทันที
เขาอุ้มเถียนเถียนขึ้นมาและพูดว่า “เถียนเถียน วันนี้คุณปู่พาหนูไปกินเค้กดีไหม?”
เมื่อได้ยินว่ามีเค้กกิน หนูน้อยก็ปรบมือเห็นด้วยทันที ” ดีค่ะ! เถียนเถียนจะกินสองชิ้น!”
เขาหัวเราะกับปฏิกิริยาของเถียนเถียน พ่อฝู้ก็ลูปไปที่ปลายจมูกเถียนเถียนแล้วพูดว่า “ได้ๆ วันนี้คุณจะกี่ชิ้นปู่ก็จะตามใจหนู”
จากนั้นสายตาของทุกคนก็จับจ้องไปที่เจียงสื้อสื้อเพื่อถามความเห็นของเธอ เจียงสื้อสื้อรู้สึกหมดหนทาง นอกจากไปกับพวกเธอแล้วเธอมีทางเลือกอื่นหรือ?
เมื่อมาถึงร้านอาหาร ฝู้จิงเหวินก็ดึงเก้าอี้ออกมาอย่างระมัดระวัง เจียงสื้อสื้อเห็นเช่นนี้ก็นั่งลง
ระหว่างกำลังกินอาหาร ฝู้จิงเหวินคีบอาหารให้เจียงสื้อสื้ออยู่บ่อยๆ และทำน้ำผลไม้ให้กิน ดูแล้วเขาใส่ใจดีมาก
เมื่อเห็นว่าทั้งสองกลับมาดีกันเหมือนเมื่อก่อน ผู้อาวุโสสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็โล่งใจ
แต่ว่าตอนนี้เจียงสื้อสื้อใจลอยเล็กน้อย ในหัวของเธอมีเงาร่างของจิ้นเฟิงเฉินแวบออกมาอยู่ตลอด
เธอรู้ว่ามันไม่ควร แต่เธอไม่สามารถควบคุมหัวใจของเธอได้
หลังจากรับประทานอาหารค่ำเรียบร้อย ฝู้จิงเหวินก็เสนอที่จะออกไปเดินเล่นข้างนอก เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอไม่ได้ปฏิเสธ
ผู้อาวุโสทั้งสองของตระกูลฝู้พาเถียนเถียนไปอย่างรู้งาน โดยไม่รบกวนโลกส่วนตัวของทั้งคู่
เมื่อเดินไปตามถนน ทั้งเจียงสื้อสื้อและฝู้จิงเหวินต่างก็เงียบกริบ
ฝู้จิงเหวินอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่เมื่อเห็นท่าทางของเจียงสื้อสื้อดูมีเรื่องในใจ เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดออกมายังไงดี
การพัฒนาความสัมพันธ์ในครั้งนี้ล้มเหลว
วันรุ่งขึ้นเจียงสื้อสื้อมาถึงโรงพยาบาลแต่เช้า เพราะว่าวันนี้เสี่ยวเป่าต้องเข้ารับการผ่าตัดเล็กๆ
เสียวเป่าเห็นเจียงสื้อสื้อปรากฏตัวตรงเวลาก็ดีใจมาก เขากอดเจียงสื้อสื้อแล้วเข้าห้องผ่าตัดไปอย่างเชื่อฟัง
ในโถงทางเดิน เจียงสื้อสื้อนั่งอยู่บนม้านั่ง แล้วมองไปทางห้องผ่าตัดด้วยความกังวล
สายตาของจิ้นเฟิงเฉินจ้องไปที่เจียงสื้อสื้อ หลายวันที่ผ่านมานี้เธอผอมลงเยอะมาก รูปร่างของเธอผอมบางกว่าเมื่อก่อนไปมาก
ดวงตาที่จ้องอยู่ทางข้างหลังเขาร้อนผ่าวเกินไป เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะตัวหดกลับ
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเช่นนี้ก็นั่งลงข้างๆ เจียงสื้อสื้อแล้วถอดเสื้อผ้าออกมา
“อุณหภูมิที่นี่จะเย็นกว่าข้างนอกเล็กน้อย ระวังอย่าเป็นหวัดด้วย”
เสื้อผ้าที่คลุมตัวเธอไว้ยังแฝงไปด้วยกลิ่นของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็หน้าแดงขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้