ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 623 เกิดเรื่อง
บทที่ 623 เกิดเรื่อง
หนึ่งชั่วโมงผ่านไป ไฟหน้าห้องผ่าตัดดับลงและเสี่ยวเป่าถูกเข็นออกมา
เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินรีบเดินไปด้านหน้า เห็นเสี่ยวเป่าหลับตาแน่น เฝือกตรงขาถูกถอดออกแล้ว
จิ้นเฟิงเฉินหยุดหมอไว้แล้วถามอย่างกังวล “เป็นยังไงบ้างครับ การผ่าตัดครั้งนี้สำเร็จไหมครับ?”
หมอถอดหน้ากากแพทย์ออก แล้วกล่าวว่าด้วยความพึงพอใจว่า: “การผ่าตัดครั้งนี้ประสบความสำเร็จ อย่างมากครับ ผ่านวันนี้ไปก็สามารถทำเรื่องออกจากโรงพยาบาลได้แล้วครับ”
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
เมื่อกลับมาถึงห้องผู้ป่วย เขาก็เห็นเจียงสื้อสื้อมองเสี่ยวเป่าด้วยสีหน้ากังวล
เมื่อเห็นจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้าประตูมา เจียงสื้อสื้อก็รีบลุกขึ้นถาม “เสี่ยวเป่าเป็นยังไงบ้าง?”
เขาตบไปที่ไหล่ของเจียงสื้อสื้อเพื่อบอกให้เธอไม่ต้องกังวล หลังจากนั้นก็พูดด้วยเสียงนุ่มๆ ว่า “ไม่มีปัญหาอะไรแล้ว สังเกตอาการคืนนี้ก็พอ”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อก็โล่งใจ
ทันใดนั้นเธอก็พบว่าเสื้อผ้าของเขายังอยู่บนตัวเธอ เจียงสื้อสื้อก็รีบถอดเสื้อผ้าออก
มองไปที่จิ้นเฟิงเฉิงอย่างแก้มแดงเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ขอบคุณค่ะ”
เมื่อเห็นท่าทางเขินอายของเธอ มุมปากของจิ้นเฟิงเฉินก็โค้งขึ้นเล็กน้อย
เธอยังคงเป็นเช่นเดิม ไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย
ขณะที่อุณหภูมิของบรรยากาศกำลังเพิ่มขึ้น โทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อก็ดังขึ้น
เลขาโทรมา และเจียงสื้อสื้อก็รับสาย
“พี่สื้อสื้อ มีบางอย่างผิดปกติเกี่ยวกับสัญญา พี่สะดวกกลับมาไหม? ”
“ฉันจะกลับไปเดี๋ยวนี้เลย” เจียงสื้อสื้อพูดโดยไม่ลังเล
หลังจากวางสายแล้ว เธอก็เหลือบมองเสี่ยวเป่าบนเตียง แล้วหันไปมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความรู้สึกผิดเล็กน้อย
“เกิดเรื่องนิดหน่อยกับบริษัทของฉัน ฉันจำเป็นต้องกลับไปให้เร็วที่สุด ถ้าเสี่ยวเป่ามีเรื่องอะไร ก็โทรหาฉันโดยตรงได้เลย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นผมไปส่งคุณ”
ตอนแรกเจียงสื้อสื้ออยากจะปฏิเสธ แต่จิ้นเฟิงเฉินหยิบกระเป๋าของเธอที่วางอยู่บนเตียงขึ้นมาทันที ไม่ให้โอกาสเธอได้ปฏิเสธเลย
เมื่อมาถึงบริษัท เจียงสื้อสื้อก็เข้าทำงานทันที
เธอนั่งอยู่ในห้องทำงานเป็นเวลาสามชั่วโมง และในที่สุดก็แก้ปัญหานี้ไปได้
ตกเย็น จิ้นเฟิงเฉินส่งข้อความหาเธอ เสี่ยวเป่าตื่นแล้ว
ในที่สุดเจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สามวันผ่านไป จิ้นเฟิงเฉินก็โทรมาอีกครั้ง
เนื่องจากฝู้จิงเหวินอยู่ข้างๆ เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็รับโทรศัพท์
“วันนี้เสี่ยวเป่าออกจากโรงพยาบาลกลับบ้านได้แล้ว คืนนี้เขาอยากให้คุณกินข้าวกับเขา คุณสะดวกไหม? ”
เมื่อได้ยินเสียงของผู้ชายดังมาจากโทรศัพท์ ฝู้จิงเหวินก็รีบเดินเข้าไปใกล้เจียงสื้อสื้อทันที
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ปฏิเสธ “ฉันไม่ไปดีกว่า คืนนี้ฉันมีธุระ คุณช่วยขอโทษเสี่ยวเป่าแทนฉันด้วยนะ”
โทรศัพท์เปิดลำโพงไว้ แน่นอนว่าเสี่ยวเป่าเองก็ได้ยินคำพูดของเจียงสื้อสื้อแล้ว เขารู้สึกผิดหวังขึ้นมาทันที
ทั้งสองวางสายลง จิ้นเฟิงเฉินตบบ่าของเสี่ยวเป่าแล้วปลอบใจว่า “วันนี้หม่ามี๊มีเรื่องจริงๆ ต่อไปต้องมีโอกาสอยู่แล้ว พวกเราอย่าบังคับเธอจนรีบร้อนเกินไป โอเคไหมครับ?”
แม้ในใจจะไม่เต็มใจสักเท่าไหร่ แต่เสี่ยวเป่าก็ยังพยักหน้าอย่างรู้ความ
แต่สิ่งที่ทำให้จิ้นเฟิงเฉินคิดไม่ถึงก็คือ โอกาสที่ในคราวหน้านั้นมันไกลออกไปเรื่อยๆ
เช้าวันรุ่งขึ้น เถียนเถียนโวยวายว่าอยากออกไปกินเค้ก แม่ฝู้หมดหนทาง จึงได้พาเธอออกไป
มาถึงข้างถนนเถียนเถียนกระโดดอย่างมีชีวิตชีวามาก
แม่ฝู้เดินตามหลังเธอมาตลอด กลัวว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับเธอ
แต่ยิ่งคุณกังวลเกี่ยวกับอะไรมากเท่าไหร่ เรื่องนั้นก็จะยิ่งมีแนวโน้มที่จะเกิดมากขึ้นเท่านั้น
ขณะที่แม่ฝู้ซื้อเค้กเสร็จเรียบร้อยเตรียมจะกลับบ้านพร้อมเถียนเถียน รถที่เร่งมาด้วยความเร็วสูงก็พุ่งเข้ามาทางทางเท้า
แม่ฝู้กับเถียนเถียนกำลังเดินอยู่กลางถนน หลบหนีไม่ทัน
แม่ฝู้ก็เลยผลักเถียนเถียนออกไปด้านข้าง แต่ตัวเองกลับถูกรถชนจนล้มลง
ได้ยินเพียงเสียง ‘เคร้ง’ ร่างกายของแม่ฝู้ถูกกระแทกจนกระเด็นออกไปไกลมาก
ผู้คนที่เดินผ่านไปมาเห็นว่าเกิดอุบัติเหตุ ถึงรีบโทรแจ้ง 120
เถียนเถียนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เธอตามฝูงชนมาที่โรงพยาบาล
เมื่อฝู้จิงเหวินรู้ข่าว เขาตะลึง เจียงสื้อสื้อเองก็ตะลึงจนอยู่กับที่
พ่อฝู้เป็นคนแรกที่ดึงสติกลับมาได้และพาพวกสองคนไปอย่างรวดเร็ว
ไม่กล้าที่จะรอช้าใด ๆ ฝู้จิงเหวินมาถึงโรงพยาบาลก็รีบเข้าไปในห้องผ่าตัดเพื่อช่วยในการช่วยชีวิต
ส่วนเจียงสื้อสื้อและพ่อฝู้พาเถียนเถียนรออยู่ข้างนอก
การรอครั้งนี้เป็นเวลานานหลายชั่วโมง จากที่ท้องฟ้าที่สีฟ้าสดใสก็เปลี่ยนเป็นเมฆมืดครึ้ม
หลังจากนั้นไม่นานไฟในห้องผ่าตัดก็ดับลง
เห็นเพียงฝู้จิงเหวินเดินออกมาจากด้านในมาด้วยสีหน้าหดหู่ เจียงสื้อสื้อรีบเดินเข้าไปถามสถานการณ์
“แม่เป็นยังไงบ้าง? สาหัสไหม?”
ฝู้จิงเหวินได้ยินเช่นนี้ก็ส่ายหน้า ทรุดตัวลงนั่งกับพื้น ดวงตาของเขาไร้สติ
“ยังไม่ได้หลุดพ้นจากจุดอันตราย เลือดเธอออกเยอะมากขนาดนั้น…”
ฝู้จิงเหวินกล่าวแล้วตบหน้าตัวเอง แล้วตำหนิตัวเองว่า “ฝึกวิชานี้ไปแล้วมีประโยชน์อะไร เมื่อถึงเวลาคับขันกลับไร้ประโยชน์!”
เจียงสื้อสื้อเห็นเช่นนี้ก็รีบจับมือเขาไว้ มือของฝู้จิงเหวินสั่นไปหมด สามารถจินตนาการได้เลยว่าเขากลัวขนาดไหน
“ไม่เป็นไรนะ คุณแม่ต้องหลุดพ้นจากอันตรายอย่างแน่นอน คุณไม่ต้องเป็นห่วง ฉันเชื่อว่าแม่จะต้องผ่านวิกฤติครั้งนี้ไปได้อย่างแน่นอน”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็กอดฝู้จิงเหวินไว้ในอ้อมแขน แล้วตบหลังเขาเบาๆ
ฝู้จิงเหวินจับมือของเจียงสื้อสื้อไว้แน่นเพื่อหาที่ปลอบประโลม
ตอนที่เขาอยู่ในห้องผ่าตัด เขากลัวจริงๆ
เจียงสื้อสื้อกอดฝู้จิงเหวินไว้แบบนี้ และปลอบโยนเขาไปเรื่อยๆ
ผ่านไปไม่นานฝู้จิงเหวินก็เงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ พูดด้วยเสียงแหบว่า “ตอนนี้แม่เลือดออกภายใน ยังต้องสังเกตอาการในหน่วยดูแลผู้ป่วยหนักอีกสามวัน หากฟื้นขึ้นมาก็จะหลุดพ้นจากอันตราย แต่หากไม่ฟื้น……”
พูดถึงตรงนี้ ฝู้จิงเหวินก็เอามือปิดหน้าไว้อย่างเจ็บปวด คำไม่กี่คำนั้นเขาพูดไม่ออกจริงๆ
ทั้งๆ ที่ตอนเช้ายังดีๆ อยู่เลย ทำไมจู่ๆ ถึงได้…
“จิงเหวิน แม่จะไม่เป็นไรอย่างแน่นอน อย่าทำให้ตัวเองกลัวสิ ตอนนี้การรักษาพัฒนาขึ้นอย่างดี แม่จะต้องตื่นขึ้นมาอย่างแน่นอน ฉันจะอยู่ที่นี่เป็นเพื่อนคุณ”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็แนบมือตัวเองและส่งความอบอุ่นให้กับเขา
ฝู้จิงเหวินพยักหน้า ขณะนั้นเองพ่อฝู้ก็เดินมาพร้อมเถียนเถียน
พวกเขามาถึงหน้าประตูไอซียู และเห็นว่าแม่ฝู้ที่อยู่ในห้องผู้ป่วยเต็มไปด้วยท่อต่างๆ เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด
เมื่อปลอบใจฝู้จิงเหวินเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เสนอตัวว่าตัวเองจะอยู่ที่นี่เพื่อดูแลแม่ฝู้
เดิมทีฝู้จิงเหวินอยากจะบอกว่าเขาจะมาดูแลด้วยตัวเอง แต่เจียงสื้อสื้อยืนยันว่าจะดูแล เขาเองก็ยากที่จะปฏิเสธ
ตกดึก ฝู้จิงเหวินกลับไปเอาเสื้อผ้าสำหรับเปลี่ยนใส่ พ่อฝู้ไปที่ บริษัท เพื่อที่จะจัดการกับงาน
ในขณะนั้น โทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อชําเลืองมอง พบว่าเป็นสายของจิ้นเฟิงเฉิน
เธออยากจะวางสายไป แต่หลังจากครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งเธอก็รับสาย
“สื้อสื้อ วันนี้คุณมีเวลาไหม? ” เสียงเย็นเยียบของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อได้ยินก็กระแอมเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “คุณน้าฝู้เกิดเรื่องขึ้น ฉันต้องดูแลเธออยู่ที่นี่”
จิ้นเฟิงเฉินถามโรงพยาบาลที่พวกเขาอยู่ จากนั้นก็วางสาย ทำให้เจียงสื้อสื้องุนงงอย่างมาก
แต่สงสัยก็ส่วนสงสัย เจียงสื้อสื้อไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้