ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 627 พวกเขาจะต้องตายทั้งเป็น
บทที่ 627 พวกเขาจะต้องตายทั้งเป็น
ฝู้จิงเหวินส่ายหน้า แล้วพึมพำ “ไม่มีอะไร เมื่อสักครู่นี้ผมได้ยินเสียงเสียบกิ่งไม้ อาจจะหูฝาดไป หรืออาจจะเป็นแมวจรจัดที่เดินผ่านไปมา เราเข้าไปกันเถอะ”
หลังจากที่ทั้งสองคนเข้าไปแล้ว ใบหน้าของเจียงนวลนวลค่อยๆ เผยออกมาตรงหลังต้นไม้ใหญ่
เธอมองไปที่ประตูใหญ่ของตระกูลฝู้ด้วยสีหน้าดุร้าย
เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงสื้อสื้อตื่นแต่เช้า เธอขึ้นไปชั้นบนไปดูเถียนเถียน แล้วพบว่าเธอยังหลับอยู่
เธอจูบที่หน้าผากของหนูน้อยจากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
หลังจากนั้นท่านอาจารย์ก็เรียกตัวฝู้จิงเหวินไป เจียงสื้อสื้อจึงไปที่ห้องหนังสือเพื่อทำงาน
หลังจากออกมาจากห้อง เธอก็ทำความสะอาดบ้าน
หลังจากเสร็จสิ้นทุกอย่าง ก็บ่ายแล้ว
หนูน้อยได้ยินเสียง จึงเดินออกมาด้วยเท้าเปล่าพร้อมอุ้มหมอนข้างยูนิคอร์นมาด้วย
ตาของเธอยังมัวๆ เมื่อเธอเห็นเจียงสื้อสื้อ เธอแสดงสีหน้าที่มีความสุขออกมาทันที
“หม่ามี๊!”
เธอวิ่งไปหาเจียงสื้อสื้อ
แต่เจียงสื้อสื้อเพิ่งถูพื้นไป พื้นยังลื่นมาก
เถียนเถียนไม่ทันสังเกตก็สะดุดล้มก้นลงกับพื้น ใบหน้าเล็กของหนูน้อยย่นขึ้นมาแล้วร้องไห้ออกมา
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปและรีบเข้าไปอุ้มหนูน้อยขึ้นมา และลูบหลังเธอและถามอย่างกังวลด้วยความเป็นห่วง
“ล้มโดดที่ไหนบ้างคะ? มันเจ็บมากไหม? ขอโทษทีนะ หม่ามี๊ผิดเอง”
“ก้นค่ะ ฮือๆๆ เจ็บค่ะ…”
หนูน้อยพูดอย่างเศร้าใจ แล้วขดตัวอยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ น้ำตาไหลไม่หยุด เสียงร้องไห้ดังขึ้นเรื่อยๆ
เดิมทีไม่ได้ล้มแรง แต่เธอเพิ่งตื่น อารมณ์ก็ไม่ดีอยู่แล้ว
พอเจียงสื้อสื้อมาใส่ใจมาโอ๋ ก็ยิ่งรู้สึกเศร้าใจมากขึ้นกว่าเดิม
“งั้นเราไปตรวจดูที่โรงพยาบาลกันดีไหม?”
เจียงสื้อสื้อพูดจบ เสียงร้องไห้ของคนในอ้อมกอดก็ชะงัก แล้วอึ้งไป
จากนั้น สีหน้าของเถียนเถียนก็แย่เรื่อยๆ
เธอยืดเท้ากลางอากาศ แล้วดิ้นรนอย่างแรง ตกใจจนร้องไห้เสียงดังกว่าเดิมอีก “ไม่เอาค่ะ ไม่อยากไป!”
เจียงสื้อสื้อรีบปลอบใจหนูน้อย “ได้ๆ ๆ เราไม่ไปแล้ว พวกเราไปร้านขนมหวานกันดีกว่า”
เจ้าหนูที่ร้องไห้อยู่ในอ้อมแขนของเธอก็หยุดดิ้นอย่างกะทันหัน
เธอมองไปที่เจียงสื้อสื้อพร้อมน้ำตา “จริง….จริงเหรอคะ?”
“อืม เพื่อเป็นการชดเชยความเจ็บปวดที่ก้นของหนูไงคะ”
เจียงสื้อสื้อมองดูสายตาที่เป็นประกายของสายน้อยแล้วพูดอย่างขบขัน
เธอรู้ดีว่าวิธีนี้ได้ผลดีที่สุด
เมื่อเธอได้ยินคำว่าของหวาน เธอก็เลิกงอแงทันที
ไม่นาน เธอแต่งตัวให้เถียนเถียนเรียบร้อยแล้ว เจียงสื้อสื้อก็อุ้มเธอเดินออกมาจากบ้านของตระกูลฝู้แสงแดดส่องผ่านรอยแยกบนยอดไม้และตกลงบนตัวสองแม่ลูกนี้ ทั้งสองคนคุยกันอย่างสนุกสนานและเดินไปขึ้นรถเมล์
เจียงนวลนวลเห็นเจียงสื้อสื้ออุ้มหนูน้อยออกมา เธอก็รีบตามพวกเธอไปทันที
เธอจ้องมองเถียนเถียนและพบปัญหาบางอย่าง
ทำไมเด็กคนนี้ ถึงได้หน้าตาเหมือนเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินขนาดนี้? มันทำให้หัวใจของเธอเต้นอย่างแรง
เธอย้อนคิดกลับไปเมื่อสามปีก่อน เจียงนวลนวลนึกขึ้นมาได้ว่าตอนที่เธอผลักเจียงสื้อสื้อตกลงไปในทะเล เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ จากนั้นเธอก็เหงื่อแตกทันที เธอจ้องมองแผ่นหลังของหนูน้อย จนแทบจะจ้องเห็นกระดูกแล้ว
เด็กน้อยคนนี้ก็โชคดีนะ ไม่คาดคิดว่าเธอจะรอดชีวิตพร้อมกับเจียงสื้อสื้อมาได้!
เธอรู้สึกประหลาดใจอย่างมาก
เจียงนวลนวลครุ่นคิด แล้วเอามือไปลูบที่ท้องของตนอย่างไม่รู้ตัว
เขาอดไม่ได้ที่จะคิดถึงเด็กที่ยังไม่เกิดของเขาด้วยความเจ็บปวด
สภาพร่างกายของเธอในตอนนี้ มันคงเป็นไปไม่ได้หากเธอคิดจะมีลูกอีกครั้ง
ทำไม สิ่งที่เธอต้องการ เจียงสื้อสื้อกลับได้ไปทั้งหมดเลย!
ตอนนี้ เจียงนวลนวลเกลียดชังเจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินมากยิ่งขึ้น
สายตาของเธอจับจ้องไปที่หนูน้อย พอนึกขึ้นได้ว่านี่คือลูกสาวของจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อ เธออยากจะพุ่งเข้าไปกรีดหน้าหนูน้อยคนนี้อย่างมาก
ความคิดอาฆาตผุดขึ้นมาในใจของเธอ หากบุตรสาวของพวกเขาตายไป แล้วเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินคงจะรู้สึกตายทั้งน่ะสิ!
ความคิดเช่นนี้ทำให้เจียงนวลนวลเดินตามสองแม่ลูกเจียงสื้อสื้อที่เซ็นทรัล สแควร์
“เค้ก”
พอหนูน้อยเห็นร้านขนมหวาน น้ำลายของเธอเกือบจะไหลออกมา เธอพยายามดิ้นจะลงจากพื้น แล้ววิ่งเข้าไปเอง
เจียงสื้อสื้อรีบเดินไปที่ประตูร้านอย่างรวดเร็ว จึงจะปล่อยเธอลงมา
มีหน้าต่างกระจกกั้นไว้ เจียงนวลนวลเดินวนไปมาอยู่ด้านนอกร้าน คิดจะฉวยโอกาสลักพาตัวหนูน้อยออกไป
ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อมีรู้สึกว่ามีคนจ้องมองเธออยู่
เธอรู้สึกไม่สบายตัวอย่างมาก เธอรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้
เธอหรี่ตาลงแล้วมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง
เจียงนวลนวลรีบก้มหน้าลงอย่างร้อนรน แล้วหลบไปอยู่ด้านหลังของเสา แล้วหายใจหอบๆ
เจียงสื้อสื้อหาคนที่จ้องมองเธอไม่เจอ จึงทำสีหน้าตึงเครียดอย่างงุนงง
“หม่ามี๊คะ หนูอยากกินอันนี้ค่ะ”
เสียงของหนูน้อยดึงความสนใจของเธอกลับมา
เจียงสื้อสื้อเรียกพนักงานมา ให้เธอห่อขนมชิ้นนั้น
จากนั้น หนูน้อยก็นั่งกินอยู่ในร้านจนอิ่ม แล้วแสดงสีหน้าพึงพอใจออกมา
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเอะใจกับความรู้สึกแปลกๆ ที่ตนได้สัมผัส เธอไม่มีกะจิตกะใจกินอะไรทั้งนั้น เธอจ้องมองรอบๆ อย่างระแวง
จากการที่เคยมีประสบการณ์หนูน้อยหายตัวไป ครั้งนี้เจียงสื้อสื้อระวังอย่างมาก แม้แต่ไปเข้าห้องน้ำเธอก็พาเถียนเถียนไปด้วยเช่นกัน
เจียงนวลนวลไม่มีโอกาสลงมือเลย ได้แต่กังวลอยู่ด้านนอกของร้าน
หลังจากออกมาจากร้านขนมหวานแล้ว ตอนแรกเจียงสื้อสื้ออยากพาเถียนเถียนกลับบ้าน แต่โปสเตอร์โฆษณาที่อยู่ข้างทางดึงดูดความสนใจของหนูน้อยไป
เธอมองไปที่ปราสาทในภาพ และตาเป็นประกาย ไม่สามารถเดินต่อไปได้
บนโปสเตอร์นั้นเป็นภาพของปราสาทแห่งความซุกซนที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียง เป็นสวนสนุกสำหรับเด็กเล็ก
ไม่น่าแปลกใจเลยที่หนูน้อยจะถูกมันดึงดูดไป
เจียงสื้อสื้อเห็นสีหน้าที่ปรารถนาของหนูน้อยแล้ว ก็ก้มตัวลงแล้วถามเธออย่างขบขันว่า “อยากไปเหรอคะ”
“ได้ไหมคะ?”
เธออมนิ้วไว้ และกะพริบตาคำๆ ที่เป็นประกายของเธอ
“ยังมีเวลาอีก ถ้าหนูอยากไปเราก็ไปเล่นกันเถอะ” เจียงสื้อสื้อตอบ
เธอคิดถึงที่ช่วงนี้เถียนเถียนอยู่แต่ในบ้าน เธอเองก็ไม่ค่อยได้อยู่เป็นเพื่อนเธอเท่าไหร่ เธอจึงตอบตกลง
“เย้! หม่ามี๊ดีที่สุดเลยค่ะ”
เธอหอมแก้มของเจียงสื้อสื้อ จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาทันที
สองแม่ลูกจึงเดินกลับไป และเดินไปทางปราสาทแห่งความซุกซน
“ตั๋วสองใบค่ะ ขอบคุณค่ะ”
เธอซื้อตั๋วสองใบที่ช่องขายตั๋ว เจียงสื้อสื้ออุ้มหนูน้อยไว้แล้วเดินเข้าไปในปราสาทซุกซน
เถียนเถียนเห็นสิ่งก่อสร้างที่หลากสี เธอตื่นเต้นขึ้นมาในทันที
“หม่ามี๊คะ เถียนเถียนอยากเล่นสไลเดอร์อันนี้ค่ะ”
ด้านในนั้นมีคนอยู่จำนวนมาก ล้วนเป็นผู้ปกครองที่พาลูก ๆ มาเที่ยวเล่น
“ได้ค่ะ รอเด็กๆ ด้านบนลงมาก่อนแล้วเราค่อยขึ้นไปนะคะ”
เจียงสื้อสื้อยิ้ม แล้วพาหนูน้อยไปเข้าแถว เมื่อถึงคิวพวกเธอแล้ว เธอก็อุ้มหนูน้อยแล้วเดินขึ้นไปบนสไลเดอร์
หลังจากปรับท่านั่งแล้ว เธอก็โอบหนูน้อยจากด้านหลังไว้ หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนก็เลื่อนลงมาจากด้านบน
“อ๊า! อ๊า อ๊า”
สาวน้อยโบกแขนไปมาอย่างตื่นเต้น รู้สึกได้ถึงการร่อนลงสู่พื้นในพริบตา หลังจากนั้นแววตาของเธอก็เป็นประกายขึ้นมาทันที
ความเร็วที่มาพร้อมลมมันน่าตื่นเต้นมาก!
หนูน้อยเขย่าแขนของเจียงสื้อสื้อและหัวเราะคิกคัก “หม่ามี๊ มันสนุกมากค่ะ เล่นอีกหนึ่งรอบได้ไหมคะ เล่นอีกหนึ่งรอบเถอะนะคะ”
อันที่จริงแล้วสไลเดอร์ของเด็กนั้นค่อนข้างแคบสำหรับเจียงสื้อสื้อ
แต่พอเห็นดวงตาที่เป็นประกายของลูกสาวแล้ว เจียงสื้อสื้อก็พยักหน้า แล้วกอดหนูน้อยไว้ด้วยความอดทน แล้วเลื่อนลงไปอีกครั้ง