ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 633 ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณจิ้น
บทที่ 633 ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณจิ้น
ชายคนนั้นถอนหายใจออกมาอย่างหนัก พูดเสียงต่ำอย่างจนปัญญา
“คุณอย่าเหนื่อยเกินไปสิ อยากจะดูแลคนป่วยก็ต้องดูแลตัวเองให้ดีซะก่อน ไม่งั้นตัวคุณเองก็เหนื่อยจนล้มไป”
ราวกับว่าเจียงสื้อสื้อเป็นเด็กที่ทำผิด ก้มหน้ามองพื้น
จิ้นเฟิงเฉินพูดเสนอขึ้นมา “ให้เถียนเถียนไปอยู่ที่บ้านผมสักพักเถอะ เธอยังเด็ก อยู่โรงพยาบาลทั้งวันก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่”
พาเถียนเถียนไป อย่างน้อยที่สุดเจียงสื้อสื้อจะได้ไม่ต้องลำบากมากขนาดนั้น
เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้น มองที่สายตาที่จริงใจของจิ้นเฟิงเฉิน ทำให้ใจของเขาหวั่นไหว
“ไม่จำเป็นต้องรบกวนคุณจิ้นเหรอก!”
ทันใดนั้นก็มีเสียงที่คุ้นเคยดังมาจากทางด้านหลัง
เจียงสื้อสื้อหันไป ก็พบกับสีหน้าที่มืดมนของฝู้จิงเหวิน
เขาออกมาจากห้องพักผู้ป่วย ได้ฟังบทสนทนาของพวกเขาที่เพิ่งจะเกิดขึ้นคร่าวๆ
ชั่วครู่ เขาวางมือบนไหล่ของเจียงสื้อสื้อ เหมือนกับเป็นกรอบวงกลมปกป้องอย่างนั้น
พูดอย่างเจตนาร้ายกับจิ้นเฟิงเฉิน “คุณดูแลลูกชายตัวเองให้ดีก็พอแล้ว ส่วนเจียงสื้อสื้อและเถียนเถียน คงไม่ต้องรบกวนคุณ”
ในตอนที่ชายสองคนมองหน้ากัน เต็มไปด้วยกลิ่นดินปืนที่รุนแรง
สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเข้มขึ้นเล็กน้อย ลมหายใจที่ไม่พึงประสงค์แผ่กระจายออกมาจากตัวเขา
เจียงสื้อสื้อรีบมายืนขวางอยู่ระหว่างพวกเขา คิดอยู่สักพัก และพูดกับจิ้นเฟิงเฉินว่า “ขอบคุณมากๆค่ะสำหรับความหวังดีของคุณ ฉันคิดดูแล้ว ฉันดูแลเถียนเถียนเองดีกว่า เด็กหญิงตัวน้อยชอบเสียงดังรบกวนคนอื่น”
คำปฏิเสธชัดเจนอยู่แล้วในคำพูด
จิ้นฟังเฉินได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไร ความเกลียดชังในดวงตาหายไป ครอบคลุมอารมณ์ที่ซับซ้อนมากยิ่งขึ้น
ในสถานการณ์แบบนี้ เขาไม่มีสิทธิ์พูดอะไรจริงๆ แม้จะรู้ว่าเถียนเถียนเป็นลูกสาวของเขา
อดไม่ได้ที่จะกล้ำกลืนความขมขื่นในลำคอ
ในตอนท้าย เขาเม้มริมฝีปากบางเล็กน้อย บอกลาเจียงสื้อสื้อ และจูงมือเสี่ยวเป่าเดินจากไป
มองเห็นพ่อลูกตระกูลจิ้นเดินไปไกลแล้ว สีหน้าของฝู้จิงเหวินจึงกลับมาอบอุ่นขึ้น
เจียงสื้อสื้อสังเกตเห็นสีหน้าของฝู้จิงเหวิน พูดอธิบายว่า “ฉันเจอกับเขา เป็นเพราะอยากจะขอบคุณที่สองสามวันนั้นช่วยดูแลเถียนเถียนแทนฉัน คุณเองก็รู้สถานการณ์ช่วงสองสามวันนั้น”
สีหน้าของฝู้จิงเหวินเงียบสงบ ไม่ได้ตั้งใจจะถามอะไรต่อ พูดเบาๆว่า “ใช่แล้ว สองวันนี้ คุณและเถียนเถียนกลับไปพักผ่อนที่บ้านเถอะ ผมเห็นว่าท่าทีของคุณก็ไม่ค่อยจะดีนัก อย่าให้ร่างกายเหนื่อยเกินไป ส่วนที่โรงพยาบาลผมกับพ่อจะอยู่ดูเอง”
เจียงสื้อสื้อเงยหน้ามอง อยากจะพูดว่าตัวเองโอเค แต่พอเห็นสายตาที่เด็ดเดี่ยวของฝู้จิงเหวิน ก็เลยไม่ได้พูดอะไรอีก
“งั้นผ่านไปสองสามวันฉันจะมาเปลี่ยนเวรเอง”
เมื่อเห็นใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้า ฝู้จิงเหวินก็ทนไม่ได้
ถอดเสื้อบนตัวออก พูดเสียงอ่อนโยนว่า “ผมจะให้คนขับรถไปส่งพวกคุณกลับบ้าน”
“อือ”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า อุ้มเถียนเถียนออกข้างนอกไป
แสงจันทร์ที่เยือกเย็นและเงียบเหงาสะท้อนภาพที่พวกเขากำลังจากกัน คนหนึ่งหมุนตัวเดินจากไป อีกคนหนึ่งยืนมอง
ช่องว่างระหว่างทั้งสองคนให้ความรู้สึกห่างเหิน ระยะห่างยิ่งมากขึ้นเรื่อยๆ……
กลับถึงบ้านตระกูลฝู้ ความเหนื่อยล้าในร่างกายของเจียงสื้อสื้อมากขึ้น
หลังจากพาเถียนเถียนอาบน้ำล้างหน้าเล็กน้อย ก็นำร่างที่เหนื่อยล้านอนพักบนเตียง
นอนหลับ เหงื่อบนหน้าผากก็ออกมาไม่หยุด ราวกับว่าจะล้มลงตลอดเวลา ร่างกายรู้สึกไม่สบายเป็นอย่างมาก
เช้าตรู่ของวันถัดมา เถียนเถียนถูกปลุกด้วยเสียงครวญครางอันเจ็บปวดของ
เจียงสื้อสื้อ
แสงสีขาวอันกว้างใหญ่สาดเข้ามา บนหน้าผากของเจียงสื้อสื้อเต็มไปด้วยเหงื่อเม็ดเล็กใหญ่ ทำให้หน้าของเธอยิ่งซีดเข้าไปอีก
เธอหลับตาแน่น เหมือนกับว่ากำลังฝันถึงเรื่องราวที่น่าหวาดกลัว
ริมฝีปากอันแห้งผาก กระซิบด้วยความเจ็บปวด “อย่า อย่าเข้ามา……”
เด็กหญิงตัวน้อยเห็นเจียงสื้อสื้อเป็นแบบนี้ ก็กะพริบตาด้วยความสับสนงงงวย
“หม่ามี๊?”
เถียนเถียนตะโกนออกไปอย่างไม่ค่อยแน่ใจ เจียงสื้อสื้อไม่ตอบ เขาหลับตาแน่
เขย่าตัวของเจียงสื้อสื้อไปมา แต่เธอยังคงไม่ตื่นจากความฝัน
เถียนเถียนตื่นตระหนกอย่างช่วยไม่ได้ เธอปีนขึ้นไป ใกล้ๆใบหน้าของเจียงสื้อสื้อ
ในตอนที่สัมผัสผิวของเจียงสื้อสื้อนั้น เด็กหญิงตัวน้อยก็ร้องไห้ออกมา
ร่างกายของเจียงสื้อสื้อร้อนมาก หน้าก็แดงมาก มองเห็นท่าทางที่ทุกทรมานอย่างมากนั้น
เด็กหญิงตัวน้อยก็ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก เขย่าแขนของเจียงสื้อสื้อ ด้วยความร้อนใจ
“หม่ามี๊ หม่ามี๊เป็นอะไร? เถียนเถียนกลัว……”
แต่ไม่ว่าเถียนเถียนจะเขย่าเจียงสื้อสื้อยังไง เจียงสื้อสื้อก็ยังหลับตาแน่น
ปลุกเจียงสื้อสื้อไม่ตื่น เด็กหญิงตัวน้อยก็ร้อนใจจนน้ำตาไหล
เธอวิ่งออกไปต้องการจะเรียกฝู้จิงเหวินให้มาดู แต่วิ่งไปแล้วกลับไม่เจอใครเลย
ฝู้จิงเหวินและพ่อฝู้อยู่ที่โรงพยาบาลกันหมด จึงทำให้บ้านตระกูลจิ้นไม่มีใครอยู่สักคน
เด็กหญิงตัวน้อยตกใจมาก วิ่งกลับเข้าไปในห้องและร้องไห้ออกมาอย่างเสียงดัง
ในความไม่ชัดเจนเจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงร้องไห้ของเด็กหญิงตัวน้อย พยายามดิ้นรนที่จะตื่นขึ้นมาจากความวุ่นวาย
ปลายนิ้วค่อยๆขยับ รู้สึกลำบากมาก เธอจึงรู้ว่าตัวเองไม่สบายเสียแล้ว
พยายามลืมตาขึ้นมา มองเห็นเถียนเถียนที่กำลังร้องไห้น้ำมูกไหลตลอดเวลา เขาขยับริมฝีปาก ตะโกนออกมา “เถียนเถียน……”
ราวกับว่าคอเคยถูกเผาไหม้ ตะโกนออกมาก็เจ็บจนทนไม่ไหว
เหมือนเสียงเป็นหินกรวด เสียงแหบมาก
เด็กหญิงตัวน้อยกำลังร้องไห้ ไม่รู้ว่าในตอนนั้นเจียงสื้อสื้อได้ตื่นขึ้นมาแล้ว
เจียงสื้อสื้อมองไปที่โต๊ะที่หัวเตียง นิ้วทั้งห้าขยับ
เขาพยายามขยับตัวไปที่โทรศัพท์ตัวเองอย่างอยากลำบาก อยากจะโทรไปหา
ฝู้จิงเหวิน
เพิ่งจะจับโทรศัพท์ได้ แต่เป็นเพราะมือไม่มีแรง โทรศัพท์ก็กลิ้งหล่นลงไป
เสียงที่ดังขึ้นนั้นทำให้เถียนเถียนตกใจ เธอเงยหน้าขึ้นไปพบว่าเจียงสื้อสื้อตื่นแล้ว ก็รีบปีนขึ้นไปทันที
เธอย่นหน้าเล็กน้อย พูดอย่างสะอื้นว่า “หม่ามี๊……หม่ามี๊ตื่นแล้ว”
ร่างเล็กๆมันอยู่บนร่างกายของเธอ เจียงสื้อสื้อทนปวดหัว ชี้ให้เถียนเถียนเก็บโทรศัพท์ขึ้นมาให้เธอ
“อือ เถียนเถียน……โทรศัพท์ ช่วยหม่ามี๊……”
เด็กหญิงตัวน้อยฉลาดมาก ปีนลงไปจากเตียงอย่างรวดเร็ว เก็บโทรศัพท์ของเจียงสื้อสื้อขึ้นมา รีบร้อนส่งให้
เจียงสื้อสื้อดึงมือของเด็กหญิงตัวน้อยไว้ ลืมตาขึ้นมาอย่างยากลำบาก เพื่อปลดล็อกหน้าจอโทรศัพท์
กดไปที่รายชื่อผู้ติดต่อ กดไปที่เบอร์และโทรออกด้วยสติที่เลือนราง
หลังจากกดโทร แขนของเขาก็ลดลงอย่างอ่อนแรง และทิ้งโทรศัพท์ไปข้างๆ
หนังตาเปิดครึ่งปิดครึ่ง ปวดหัวจนจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
ความตั้งใจเดิมของเธอคือต้องการจะโทรหาฝู้จิงเหวิน ให้เขากลับมา ใครจะไปรู้ ว่าที่โทรไปกลับเป็นจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินได้รับสายของเจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกแปลกใจ ถามด้วยเสียงอ่อนโยนว่า “ฮัลโหล สื้อสื้อ คุณมีอะไรเหรอ?”
แต่ในตอนนั้นอีกทางด้านหนึ่งไม่มีเสียงจะตอบ เขาหรี่ตาลงอย่างสงสัย
ชั่วครู่ ทางด้านนั้นมีเสียงร้องไห้โฮของเถียนเถียนดังกลับมา
“หม่ามี๊ หม่ามี๊อย่าหลับ เถียนเถียนกลัว”
หัวใจของจิ้นเฟิงเฉินตกลงไปที่ตาตุ่ม สีหน้าเปลี่ยนไปในทันที เขาถามอย่างร้อนใจ “เถียนเถียน หม่มมี๊ของหนูเป็นอะไร?”
เด็กหญิงตัวน้อยทำได้เพียงร้องไห้ ไม่สามารถตอบกลับไปได้ จิ้นเฟิงเฉินได้ยินก็ร้อนใจ
แก้วหูของเจียงสื้อสื้อถูกเด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้เสียงดังใส่จนเจ็บไปหมด
เธอหันไปทางโทรศัพท์อยากยากลำบาก พูดด้วยความเจ็บปวด “จิงเหวิน คุณกลับมาหน่อยได้ไหม ฉันไม่สบาย……”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้น เดิมทีคนที่ยืนอยู่ในห้องทำงาน เหมือนหวาดกลัวขึ้นมา และรีบวิ่งออกไป