ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 649 ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลวไหล!
บทที่ 649ช่างเป็นเรื่องที่น่าเหลวไหล!
ใบหน้าที่คุ้นเคยปรากฏขึ้นในทัศนวิสัย จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วเบาๆ สายตาสบเขากับร่างของพ่อฝู้
ดวงตาของพ่อฝู้เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก่อนที่สีหน้าจะกลับมาเป็นปกติ
เขาทักทายกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างเป็นธรรมชาติ “คุณจิ้น สบายดีใช่ไหม ยังจำผมได้ไหมครับ?”
ไม่เหมือนกับแม่ฝู้ พ่อฝู้ปฏิบัติกับจิ้นเฟิงเฉินอย่างเป็นมิตร
โรงกลั่นเหล้าองุ่นของเขาเองและ JS กรุ๊ป ร่วมมือกัน ดังนั้นเขาจะทำให้จิ้นเฟิงเฉินไม่พอใจไม่ได้
และพ่อฝู้ยังนำเรื่องงานและเรื่องส่วนตัวแยกออกจากกันอย่างชัดเจน
ไม่พาลจิ้นเฟิงเฉินเพราะเรื่องของฝู้จินเหวินและเจียงสื้อสื้อ
“จำได้ครับ เร็วๆนี้พวกเรากับทางโรงกลั่นไวน์ของคุณฝู้จะรวมโครงการด้วยกัน”
จิ้นเฟิงเฉินยื่นมือออกไปด้วยใบหน้าเรียบเฉย ใบหน้าที่มองพ่อฝู้สงบนิ่ง
หลังจากทั้งสองทักทายกัน คุยแลกเปลี่ยนกันเรื่องธุรกิจกันอย่างสันติ
เกี่ยวกับเรื่องด้านการร่วมมือ จิ้นเฟิงเฉินไม่พูดอะไรมาก แต่พูดตรงประเด็นทุกประโยค
ความคิดและสายตาที่พิจารณาถึงกลยุทธ์ของเขาอยู่ในระดับแนวหน้าอย่างปฏิเสธไม่ได้
หลังจากการสนทนาสั้นๆ พ่อฝู้มองจิ้นเฟิงเฉินแตกต่างออกไป ประหลาดใจกับความเป็นเอกลักษณ์ของเขา
ถอนหายใจยาว
เจียงสื้อสื้อสงบจิตสงบใจอยู่ในห้องน้ำ
เมื่อมองไปที่ใบหน้าซีดเซียวของตัวเองในกระจก เธอก็ถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้
เธอจับหน้าผาก ก่อนจะขยี้มันสองสามครั้ง พลางก้มหน้าลงต่ำอย่างห่อเหี่ยวใจ
ทุกครั้งที่เห็นจิ้นเฟิงเฉินทำไมถึงรู้สึกไม่มีแรงขนาดนี้ เขาเป็นคนที่จะทำให้เกิดอันตรายอันใหญ่หลวงหรือ?
เขาก็เป็นคน ที่มีเลือดเนื้อเฉกเช่นเดียวกับเธอ
เจียงสื้อสื้อลูบใบหน้าขาวซีด ก่อนจะให้กำลังใจตัวเอง
บอกเป็นนัยว่าเธอไม่ควรประหม่า จิ้นเฟิงเฉินไม่มีอะไรน่ากลัว
เธอหายใจเข้าลึก มั่นใจว่าท่าทางของตัวเองสุขุมแล้ว เธอก็เคลื่อนตัวอย่างช้าๆกลับไปยังสถานที่จัดงานเลี้ยงอีกครั้ง
ในใจคิดอยู่ว่าไม่ต้องกลัวจิ้นเฟิงเฉิน และเขาไม่แน่ว่าเขาอาจจะมาหาเธอ มาทำให้คิดเข้าข้างตัวเองฝ่ายเดียว
แต่เมื่อเธอก้าวออกไปเห็นจิ้นเฟิงเฉินและพ่อฝู้กำลังคุยกัน เธอก็พลันตกใจอีกครั้ง
“คุณเจียง คุณฝู้อยู่ทางด้านนั้นครับ”
เมื่อมีคนเห็นเธอมองไปรอบๆ ก็ชี้ไปทางพ่อฝู้และจิ้นเฟิงเฉินอย่างใจดี
เจียงสื้อสื้อยิ้มอึกอัก “อืม ขอบคุณค่ะ ฉันทราบแล้ว”
ลับหลังชายคนนั้นออกไป เจียงสื้อสื้อก็ย้ายออกไปยังมุมอับสายตา
เพื่อที่จะหลบจิ้นเฟิงเฉิน เธอจึงนั่งอยู่ในมุมที่เงียบสงบ สยายผมของเธอไปที่แก้ม ปกปิดใบหน้าของเธอไว้ครึ่งหนึ่ง
เธอสั่งไวน์มาจากบริกร ก่อนจะจิบมัน
ในช่วงที่เธอกำลังเบื่ออยู่พอดี ทันใดโทรศัพท์ก็พลันส่งเสียงขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อหยิบโทรศัพท์ ก่อนที่เสียงอันนุ่มนวลของเด็กหญิงตัวน้อยจะลอยเข้ามา “หม่ามี๊”
เมื่อได้ยินเสียงของเถียนเถียน คิ้วของเธอเปลี่ยนเป็นคลายลง
เธอยิ้มก่อนพูด “เถียนเถียน เป็นอะไรไป?”
“หม่ามี๊อยู่ไหนแล้วค่ะ? กลับมาเมื่อไหร่ เถียนเถียนคิดถึงมาก”
เมื่อได้ฟังคำพูดที่แสนน่ารักของสาวน้อยแล้วหัวใจของเจียงสื้อสื้อก็อ่อนลง
เธอตอบอย่างอดทนว่า “หม่ามี๊ออกมาทำงานข้างนอก อีกสักพักกว่าจะกลับ หม่ามี๊ก็คิดถึงเถียนเถียนนะคะ”
แตกต่างอย่างสิ้นเชิงกับกลิ่นอายที่มีความสามารถที่เพิ่งแสดงไปเมื่อกี้นี้ เจียงสื้อสื้อในตอนนี้แผ่ซ่านไปด้วยความนุ่มนวลทั่วทั้งร่าง
รอยยิ้มจริงๆ ปรากฏที่มุมปากของเธอเบาๆ เสียงเบาพูดหยอกล้อเด็กสาวที่อยู่อีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์
แม่ลูกพูดคุยเล่นกันขึ้นมา
และฉากนี้ก็ตกอยู่ในสายตาของAdeline
ตั้งแต่รู้ว่าเจียงสื้อสื้อมางานนี้ตั้งแต่งานเลี้ยงเริ่มแรก เธอก็ตั้งใจมองหาร่างของเจียงสื้อสื้อยู่ตลอด
ในขณะนี้ Adelineมองไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยรอยยิ้มเต็มใบหน้า เธอกดปลายนิ้วถูแก้วไวน์ในมือของเธอเล็กน้อยจนมันเกิดเสียงแหลมบาดหู
ในงานเลี้ยง พ่อฝู้ประกาศเรื่องที่ว่าเจียงสื้อสื้อจะมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลฝู้ก็ลอยมาถึงหูของ Adeline
ความอิจฉาริษยาในใจของAdelineเผาไหม้ลุกโชนเมื่อคิดว่าเธอสมควรที่จะนั่งอยู่ในตำแหน่งนั้นมากกว่า
หากไม่มีเจียงสื้อสื้อก้าวเข้ามาละก็ ฝู้จินเหวินก็สมควรที่จะเป็นสามีของเธอ!
เธอชื่นชมฝู้จินเหวินมาตั้งแต่ยังเด็ก ถึงกับยอมละทิ้งความสำรวมใจของเด็กสาวขอร้องให้พ่อไปสู่ขอเขา
แต่สุดท้ายกลับถูกพ่อฝู้ปฏิเสธ
นับตั้งแต่เหตุการณ์นั้น ใจของเธอก็ล้มลุกคลุกคลานกับความเคารพในตัวเอง และไม่ย่างเท้าเข้าบ้านตระกูลฝู้อีก กระทั่งละอายใจที่จะเห็นคนในครอบครัวเขา
แต่วันนี้หลังจากได้ยินว่าเจียงสื้อสื้อกำลังจะกลายเป็นสะใภ้ของตระกูลฝู้ เธอก็ทนไม่ได้อีกต่อไป
ถ้าหากเป็นสตรีมีชื่อเสียงตระกูลอื่น ดีกว่าเธอมาแย่งฝู้จินเหวินไปก็ไม่เป็นไร
แต่นี่เป็นเจียงสื้อสื้อ เธอมีสิทธิ์อะไร?
Adelineยิ้มอย่างเย็นชา ก่อนจะมุ่งหน้าเดินไปหาเจียงสื้อสื้อ
“ไม่เจอกันนานเลยนะคะ คุณเจียง”
เสียงแหลมที่คุ้นเคยของผู้หญิงดังเข้าโสตประสาทเธอ
มีเงาทาบทับอยู่ตรงหน้าของเจียงสื้อสื้อ เธอเงยหน้าขึ้นมองโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะเห็นผู้หญิงในชุดเดรสสีดำ
เธอถือแก้วไวน์ทรงสูง ของเหลวสีแดงไวน์สั่นไหวพร้อมกับการเคลื่อนกายของเธอ
คาดเดาเพียงไม่กี่วินาที เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะจำได้ว่าตัวละครสุดร้อนแรงที่มาทักทายเธอคือเพื่อนในวัยเยาว์ของฝู้จินเหวิน
ผู้มาเยือนเป็นลูกสาวของเจ้าของโรงกลั่นเหล้าองุ่นที่อยู่ติดกัน หากเธอเดาไม่ผิด เพื่อนวัยเด็กคนนี้ต้องมีความรู้สึกบางอย่างอะไรกับฝู้จินเหวินเป็นแน่
“สวัสดีค่ะAdeline ”เจียงสื้อสื้อตอบกลับอย่างเป็นมิตร
อีกฝ่ายกลับหัวเราะเยาะเบาๆ
เธอเอะใจ เจียงสื้อสื้อรู้สึกได้ถึงความไม่เป็นมิตร จึงรีบพูดกับเถียนเถียนที่อยู่อีกด้านของโทรศัพท์ “หม่ามี๊มีธุระ เท่านี้ก่อนนะคะ ตอนค่ำหม่ามี๊จะกลับไปอยู่เป็นเพื่อน”
เจียงสื้อสื้อก้มศีรษะลงพูดกล่อมอารมณ์ของเด็กน้อย Adelineมองเข้าไปในดวงตา หัวใจของเธอเกิดเป็นความรู้สึกรังเกียจเจียงสื้อสื้ออยู่เต็มอก
ผู้หญิงที่มีลูกสาวนอกกฎหมาย ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าใครเป็นพ่อของเด็กกำลังจะแต่งงานกับคนในใจของเธอ ช่างเป็นเรื่องน่าเหลวไหลอะไรเช่นนี้!
มือข้างหนึ่งทาบอก Adelineมองลงไปที่เจียงสื้อสื้ออย่างมั่นใจในตัวเอง
ระหว่างคิ้วขีดเป็นคำว่าเหยียดหยาม ดัดเสียง เยาะเย้ยอย่างคาดเดาไม่ได้ “คุณเจียง ไม่เจอกันเสียนาน ไม่คิดว่าฝีมือของคุณจะเหนือชั้นขึ้นนะคะ”
คำพูดนั้นแสดงออกถึงวาจาที่เหน็บแนม
ภายนอกผู้หญิงคนนี้แสร้งว่าไม่มีอะไร แต่จริงๆแล้วแผนการของเธอมันล้ำลึกขั้นสุด
เพียงแค่ไม่กี่ปีเธอก็ได้ก้าวขึ้นมาในตำแหน่งสะใภ้ของตระกูลฝู้! ไร้ยางอายจริง!
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว เมื่อวางโทรศัพท์แล้วเธอก็เงยหน้าขึ้นมองไปยังAdeline อย่างไม่พอใจ “คุณหมายความว่าอะไร?”
ดวงตาที่มองสบมาในพริบตานั้นท่วมท้นไปด้วยความเย็นชาอย่างยิ่ง ทำให้คนมองมีความรู้สึกว่าไม่ควรเข้าไปรุนราน
มันทำให้Adelineตะลึงไปชั่วขณะ
แต่เธอก็สงบลงอย่างรวดเร็ว
สำหรับเจียงสื้อสื้อแล้ว เธอไม่มีอะไรให้ต้องกลัว!
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันเพียงแค่อยากจะพูดแสดงความยินดีกับคุณ”
Adelineปกปิดเจตนาร้ายบนใบหน้าของเธอ พร้อมกับแสยะยิ้มที่มุมปาก
เมื่อเห็นเช่นนี้เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่Adelineแบบลึกซึ้งอย่างไม่อาจคาดเดา
แสดงความยินดีกับเธอทำไม?
“คุณกำลังจะแต่งงานกับฝู้จินเหวินไม่ใช่หรือคะ? ฉันแค่อยากจะแสดงความยินดีล่วงหน้าเสียหน่อย”
เมื่อพูดจบAdelineก็ยกมือไปทางบริกร ก่อนจะแย่งแชมเปญมาจากเขา
“เมื่อครู่ น้ำเสียงของฉันไม่ดีเท่าไหร่ อย่าเข้าใจผิดไปเลยนะคะ แบบนี้แล้วกัน เพื่อที่เป็นการขอโทษ พวกเรามาชนแก้วกันดีกว่า”
ขณะที่พูด เธอก็รินไวน์ลงในแก้วบนโต๊ะของเจียงสื้อสื้อด้วยมือข้างเดียว