ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 665 ใครจะคิดว่าเป็นแม่แท้ๆ
บทที่ 665 ใครจะคิดว่าเป็นแม่แท้ๆ
จิ้นเฟิงเหรารู้สึกว่าสมองตัวเองคิดไม่ทัน รู้สึกเรื่องนี้มันแปลกๆ เหมือนข้ามตรงไหนไป ทำไมรู้ว่าไม่เสมือนจริง
“ไม่รู้” จิ้นเฟิงเฉินตอบไปตามตรงด้วยสีหน้าเรียบเฉยเช่นเดิม
“อืม”
จิ้นเฟิงเหรานวดขมับด้วยความยอมแพ้
แต่ไม่นาน เขาก็คิดอะไรขึ้นมาได้ “เป็นไปได้ยังไง ตอนนั้นพี่สะใภ้เหมือนจะให้คนอื่นอุ้มบุญ ใครติดต่อเธอมา? หรือจะเป็นพ่อกับแม่?”
ถ้าเป็นพ่อกับแม่จริงๆ ก็ยิ่งยุ่งยากเข้าไปใหญ่
เพราะเหมือนก่อนหน้านี้พ่อจิ้นแม่จิ้นไม่รู้จักกับเจียงสื้อสื้อ และถ้าเธอให้คนอื่นอุ้มบุญแทน พ่อกับแม่ก็น่าจะขัดขวางไม่ให้พวกเขาคบกัน
แต่ทั้งสองไม่ได้ขัดขวาง แถมยังชอบพี่สะใภ้เอาเสียมากๆด้วย
และไม่มีใครมาขัดขวาง จนรู้สึกแปลกๆ
จิ้นเฟิงเฉินมีสีหน้าครุ่นคิด แต่ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
ปัญหาเหล่านี้ ไม่รู้จะแก้ยังไงจริงๆตอนนี้
จิ้นเฟิงเหราเครียดมาก
ส้มหวั่นชิงเห็นจิ้นเฟิงเหราสภาพเช่นนั้น ก็รู้สึกขัน
นายบื้อนี่ เรื่องตอนนั้นตัวเองก็ไม่รู้เสียหน่อย คิดให้ตายยังไงก็คิดไม่ออกหรอก
แต่ว่า เมื่อได้ฟังที่สองพี่น้องคุยกัน เธอก็รู้สึกแปลกๆ
“ผมไม่เข้าใจ พี่ นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?” จิ้นเฟิงเหราพึมพำกับตัวเอง
ไม่ใช่แค่เขาที่คิดไม่ออก จิ้นเฟิงเฉินก็เช่นกัน
“ไม่น่าใช่พ่อกับแม่ พวกท่านไม่มีเหตุผลที่จะทำแบบนี้” จิ้นเฟิงเฉินพูดขึ้นมา
พูดจบ จิ้นเฟิงเหราก็พยักหน้าเชิงเห็นด้วย
“ผมก็คิดว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ พี่ ค่อยๆคิด ว่าไม่กี่ปีก่อนเกิดเรื่องอะไรขึ้น พี่เคยเจอกับพี่สะใภ้มาก่อนไหม?”
หลังจากฟังที่เขาพูด จิ้นเฟิงเฉินก็มองเขากลับด้วยสายตาที่มองคนโง่
ถ้าเขาเคยเจอกับเจียงสื้อสื้อจริง ไม่มีทางที่จะจำไม่ได้
ตอนนี้ความจริงก็คือ เขาไม่รู้อะไรเลยจริงๆ
“นี่ก็ยิ่งพูดยากเข้าไปใหญ่” ”จิ้นเฟิงเหราลูบผม แล้วถอนหายใจออกมาด้วยความลำบากใจ
ประเด็นคือเรื่องนี้มันกะทันหันมาก ก่อนหน้านี้พวกเขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้กันมาก่อนเลย
ถึงแม้ว่าเสี่ยวเป่ากับเจียงสื้อสื้อจะรักกันขนาดไหน แต่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย
ตอนแรกคิดว่าจะหาแม่เลี้ยง ใครจะไปคิดว่าจะได้แม่แท้ๆ!
“อ้อ พี่สะใภ้คงจะไม่รู้ใช่ไหม?”
จิ้นเฟิงเหราเห็นท่าทีของเจียงสื้อสื้อ เธอดูแลเสี่ยวเป่าราวกับลูกแท้ๆ
พวกเขานึกย้อนกลับไปตอนที่ทั้งสองเจอกัน จะว่าอย่างไรดี มันดีมากๆ เหมือนแม่ลูกกันแท้ๆ เสี่ยวเป่าก็ยอมเชื่อฟังสื้อสื้อ
ถ้าหากเป็นคนนอก ก็คงคิดว่าพวกเขาเป็นแม่ลูกกันจริงๆ
ถ้าหากพวกเขามีความสัมพันธ์กันทางสายเลือด ก็เข้าใจได้ มันช่างเป็นสายสัมพันธ์ที่ประหลาด ที่ไม่อาจจะเข้าใจได้
“เธอ…น่าจะไม่รู้” จิ้นเฟิงเฉินตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉย และรู้สึกสับสนในใจ
“เฮ้อ ทำไมเรื่องกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ ไม่กี่ปีก่อนพวกเรายังตามหากันอยู่เลย พอตอนที่พวกเราล้มเลิกแล้ว สวรรค์กลับมาล้อเล่นกันได้”
จิ้นเฟิงเหราพูดพลางทุบหัวด้วยความงุนงง
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบอะไร สายตาของเขามองทอดออกไป เหมือนกำลังคิดบางอย่าง
จากนั้นไม่นาน จิ้นเฟิงเฉินจึงพูดขึ้น “ตรวจเสียหน่อย”
“ตรวจอะไร?” จิ้นเฟิงเหราสงสัย
ที่พี่ชายของเขา หรือที่พี่สะใภ้ เรื่องที่ต้องเช็คมากมายเหลือเกิน
หลังจากเงียบอยู่นาน จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆพูดขึ้นมา “ตรวจสื้อสื้อ”
“พี่สะใภ้?” จิ้นเฟิงเหรามองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความสงสัย
“อืม ตรวจว่าเธอตั้งครรภ์ได้อย่างไร คลอดเด็กที่ไหน แล้วเด็กไปไหนแล้ว?”
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆสั่งอย่างชัดถ้อยชัดคำ
ตอนนี้เขาไปไหนไม่ได้ ยังต้องเฝ้าเสี่ยวเป่า ไม่อย่างนั้นเขาก็อยากจะไปหาความจริงเองเช่นกัน
จิ้นเฟิงเหราได้ยินก็ตกตะลึง พบว่าความคิดและการกระทำของพี่ชายดูแปลกไป สงบนิ่งราวกับกำลังอยู่แท่นตัดสิน
“ตรวจพวกนี้ แล้วพี่สะใภ้จะโกรธไหม?” จิ้นเฟิงเหรานวดขมับอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“อย่าเพิ่งบอกเธอ สุดท้ายเช็คด้วยว่าใครเป็นคนพาเด็กมาที่บ้านจิ้น มาได้ยังไง?”
มือที่กำอยู่แน่นผ่อนคลายลง แล้วก็กลับมากำแน่นอีกครั้ง จิ้นเฟิงเฉินกำลังขัดแย้งอยู่ในใจ
เรื่องในหลายปีก่อน ถ้าจะเช็คมันคงใช้เวลามาก อาจจะเช็คไม่ได้ด้วยซ้ำ
“พี่คิดว่าระหว่างนั้นมันมีปัญหา?” จิ้นเฟิงเหราเหมือนจะเดาบางอย่างออก
“อืม” จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า
ตอนนั้นพวกเขาไม่ได้คิดอะไรมาก หลังจากตรวจว่าเสี่ยวเป่าเป็นลูกของบ้านจิ้น ก็ไม่ได้สนใจอะไรอีก
หลังจากนั้นก็ไม่ได้มีใครมายอมรับ
ผ่านมาตั้งหลายปี ปัญหากลับเกิดขึ้นมา
ตอนนั้น ใครอุ้มเสี่ยวเป่ามาที่หน้าบ้านจิ้นกันแน่นะ?
จุดประสงค์ของเขาคืออะไร? หรือจะต้องการให้เด็กแก่บ้านจิ้นเท่านั้น?
ถ้าจะบอกว่าไม่มีเบื้องลึกเบื้องหลัง เขาก็คงไม่เชื่อ
จิ้นเฟิงเหราครุ่นคิด รู้สึกว่าควรจะเช็ค แต่ต้องค่อยๆเช็ค เพราะเขายังต้องดูแลเสี่ยวเป่า
เสี่ยวเป่ายังเด็กแต่เจอเรื่องมากมายขนาดนี้ เขาสงสารจับใจ จนไม่อยากจากไปไหน
“พี่ เรื่องนี้ต้องเช็ค รอเสี่ยวเป่าหายดีผมจะไปจัดการ”
แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับปฏิเสธ “แกไม่ต้องดูแลเสี่ยวเป่า”
ฟ้าผ่ากลางแสงแดด!
“พี่?”
จิ้นเฟิงเหราพูดอย่างเหลือเชื่อ “ผมเป็นอาแท้ๆของเสี่ยวเป่านะ จะทำแบบนี้กับผมไม่ได้ แล้วอีกอย่าง เสี่ยวเป่าก็ชอบผมมาก”
ต่อให้จิ้นเฟิงเหราแสดงท่าทางน่าสงสารขนาดไหน แต่จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่มีทางหลงกล
“ตอนนี้มีคนอยู่กับเขาเยอะแยะ ไม่ขาดคน”
ในเมื่อไม้อ่อนไม่ได้ผล จิ้นเฟิงเหราจึงยืดคอขึ้น แล้วยังคงตอบด้วยความดื้อดึง “แต่พวกเขาไม่ใช่คุณอาของเสี่ยวเป่าสักหน่อย”
“เสี่ยวเป่าเพิ่งฟื้น ฉันไม่ค่อยวางใจ”
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆพูด ให้พี่ชายของเขายอม
พูดจบ จิ้นเฟิงเฉินมองมาที่เขา
“งั้นอยู่ที่โรงพยาบาล เฝ้าตลอด 24 ชั่วโมง”
เขาถูกสกัดทุกทาง จิ้นเฟิงเฉินกุมขมับ พี่ชายเขาคงจะไล่เขาไปจริงๆ
ที่จริงเรื่องตรวจสอบก็สำคัญมาก แต่เมื่อเทียบกับความปลอดภัยของเสี่ยวเป่าแล้ว เขาก็เป็นห่วงเสี่ยวเป่ามากกว่า
“โอเค ถ้าหากเสี่ยวเป่าต้องการผม พี่ต้องรีบบอกผมนะ” จิ้นเฟิงเหราสั่งอย่างไม่วางใจ
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า แล้วตอบด้วยความรำคาญ “รีบไปเหอะ ที่บริษัทยังมีเรื่องให้แกจัดการอีกเยอะ อยากจะอยู่เสียเวลาที่นี่ไปจนถึงตอนไหน”
“ผมมาดูแลเสี่ยวเป่า จะเป็นการเสียเวลาได้ยังไงกัน?” จิ้นเฟิงเหราไม่พอใจ
จิ้นเฟิงเฉินขี้เกียจจะสนใจเขา จึงรีบไล่เขาไป
“ผมจะไปดูเสี่ยวเป่าอีกหน่อย””
ลากส้งหวั่นชีงไปยังห้องผู้ป่วย แต่เสี่ยวเป่าหลับแล้ว จิ้นเฟิงเหราจึงได้แต่พาส้งหวั่นชีงออกมา
มองดูหน้าเขาที่เป็นทุกข์ ส้งหวั่นชีงก็ปลอบด้วยเสียงที่อ่อนโยน “วางใจเถอะ เสี่ยวเป่าไม่เป็นอะไรหรอก”
จิ้นเฟิงเหราเข้าไปนั่งในรถ แล้วตัดพ้อ “ฉันก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้นนะ”
ช่วงนี้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมาย
ตอนแรกเป็นเสี่ยวเป่าโดนรถชน จากนั้นก็ข่าวที่คุณหมอบอก พวกเขายุ่งกันจนหัวหมุน
เห็นเขามีท่าทีซึมๆ ส้งหวั่นชีงจึงยื่นน้ำให้เขาดื่มขวดหนึ่ง ด้วยความเป็นห่วง
จิ้นเฟิงเหราพูดด้วยความซาบซึ้ง “หวั่นชีง มีแต่เธอที่เป็นห่วงฉัน”
มองค้อนเขาไปทีหนึ่ง แล้วส้งหวั่นชีงก็พูดติดตลกว่า “พอได้แล้ว ไปจัดการเรื่องกันอย่างจริงจังได้แล้ว”