ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 667 ผลตรวจดีเอ็นเอ
บทที่ 667 ผลตรวจดีเอ็นเอ
อาการของเสี่ยวเป่าค่อยๆดีขึ้นมา เจียงสื้อสื้อสบายใจขึ้นมาก
แต่เพราะยังรู้สึกผิดและเป็นห่วง จึงดูแลเสี่ยวเป่าดังเดิม
แม่ฝู้นอนอยู่บนเตียงคนไข้ หลังจากที่เธอจัดการเรียบร้อย ร่างกายดีขึ้นเยอะมาก
ในใจยังคงจดจำแต่เรื่องของเจียงสื้อสื้อ มองดูลูกชายของตัวเองที่รู้จักการแย่งชิง กูรู้สึกอุ่นใจ
“จิงเหวิน ฉันไม่ได้ว่าอะไรแกนะ แต่แกควรจะไปดูสื้อสื้อบ้าง!”
ฝู้จิงเหวินชะงักไป นึกถึงแววตาของเจียงสื้อสื้อที่เธอรู้สึกผิดและสับสนในวันนั้น
เขาฝืนยิ้มแล้วพูดขึ้น “แม่ ช่วงนี้สื้อสื้อกำลังยุ่งเรื่องอาการของเสี่ยวเป่าอยู่ ผมไม่อยากไปรบกวน…”
แม่ฝู้มองค้อนฝู้จิงเหวินที่ออกตัวแทน
ผลักลูกชายตัวเองแล้วพูดขึ้น “เธอกำลังเลี้ยงลูกให้คนอื่นอยู่ เธอจะตามคนอื่นไปแล้ว แกก็อย่ามัวแต่อยู่ที่นี่ รีบตามเธอไปสิ!”
“แม่…”
ฝู้จิงเหวินยิ้มด้วยความจนปัญญา จึงทำได้แค่เดินไปยังห้องพักของเสี่ยวเป่า
ภาพที่เขาเห็นคือชายหนู่มในชุดสูท ร่างสูง กำลังมองหญิงสาวผมยาวอยู่
ถึงแม้ว่าจะเป็นเสี้ยวเดียว แต่ก็ทำให้ใจเต้นแรงได้ ถึงกับทำให้เขาเหงื่อตกเลยทีเดียว
ฝู้จิงเหวินชะงักฝีเท้า กำลังจะก้าวถอยออกมา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะมองเข้าไปในห้อง
จิ้นเฟิงเฉินจัดการธุระของบริษัทเรียบร้อย ยังไม่ทันได้เปลี่ยนเสื้อผ้า ก็รีบมาโรงพยาบาลทันที
พยายามให้ได้อยู่กับเจียงสื้อสื้อมากที่สุด
จนอดนึกถึงเรื่องตรวจดีเอ็นเอของเจียงสื้อสื้อไม่ได้ ถ้าหาก…ถ้าหากเสี่ยวเป่าเป็นลูกแท้ๆของเจียงสื้อสื้อคงจะดีมาก
แอบมีความหวังในใจแต่ก็แอบกลัว
จิ้นเฟิงเฉินที่เจิดจ้าในวงการธุรกิจ กลับไม่กล้าคิดต่อ เพราะกลัวว่ายิ่งมีความหวัง จะยิ่งผิดหวัง
เขาลูบผมของเสี่ยวเป่าด้วยความรักและเอ็นดู ทำเป็นบังเอิญพูดขึ้นมา
”สื้อสื้อ เสี่ยวเป่าเชื่อฟังเธอขนาดนี้ เธอเป็นแม่แท้ๆของเขารึเปล่าเนี่ย?”
”หืม?”
เจียงสื้อสื้อไม่เข้าความหมายที่เขาต้องการจะสื่อ คิดว่าเขาแค่เป็นห่วงเสี่ยวเป่าเท่านั้น
จึงตอบกลับ “ไม่ว่าจะมีความสัมพันธ์ทางสายเลือดกับเสี่ยวเป่าหรือไม่ ฉันก็จะดูแลเขาเหมือนกับลูกแท้ๆ”
ไม่เห็นว่าเธอพูดอะไรต่อ จิ้นเฟิงเฉินจึงพยักหน้า ไม่ได้ถามต่อ
ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่กลับสัมผัสได้ถึงความรู้สึกแปลกๆ
ฝู้จิงเหวินที่เป็นผู้สังเกตการณ์ เห็นทุกอย่างในนี้ ค่อยๆข่มตาลงด้วยความรู้สึกเศร้า
เขาจึงปลีกตัว ขับรถออกจากโรงพยาบาลไป
……
บ้านครอบครัวจิ้น
แม่จิ้นรู้ว่าเจียงสื้อสื้อตั้งใจดูแลเสี่ยวเป่าเป็นอย่างมาก ทำให้เธอรู้สึกเป็นห่วงสุขภาพของสื้อสื้อ
ขลุกตัวเรียนรู้เรื่องยาบำรุงกับป้าๆทั้งวัน ดังนั้นอาหารการกินของเจียงสื้อสื้อก็เปลี่ยนไปเช่นกัน
วันนี้เป็นซุปไก่ พรุ่งนี้เป็นซุปขิง
ไม่ซ้ำกันเลยสักวัน
ในขณะที่คุยกับเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉิน เป็นจังหวะที่แม่จิ้นยกซุปเข้ามาพอดี
“ช่วงนี้ลำบากหนูสื้อสื้อเลยนะจ้ะ นั่งแบบนี้ทุกวันคงจะไม่สบายตัว วันนี้ฉันและน้าหลี่ก็เลยทำซุปไก่มาให้ อร่อยมากเลยนะ!
“คุณแม่คะ… เกรงใจ…”
เจียงสื้อสื้อกำลังจะปฏิเสธ แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับรับกล่องอาหารมาด้วยความอารมณ์ดี
ดีใจมาก ที่แม่ของเขาช่วยเชียร์ขนาดนี้ จึงพูดขึ้น “สื้อสื้อนานขนาดนี้คงจะหิวแล้ว รีบทานเหอะ”
เจียงสื้อสื้อมองค้อนใส่จิ้นเฟิงเฉิน แล้วหันกลับมาถามคุณแม่ “คุณรีบอะไรกัน คุณแม่ทานยังคะ?”
แม่จิ้นรีบตอบ “ทานแล้วจ้ะ หนูรีบทานเหอะ เดี๋ยวจะไม่สดนะจ้ะ”
พูดจบก็ปล่อยให้ทั้งสองอยู่ในห้องกันตามลำพัง แล้วเดินออกจากห้องอย่างสบายใจ
ในห้องจึงเหลือเพียงเสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องนิทรา เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินค่อยๆตักปลาใส่ชาม
จากนั้นยื่นให้เจียงสื้อสื้อ ตอนแรกเธออยากจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นท่าทาง “ถ้าหากเธอไม่ทานเข้าไป ก็นั่งดูอยู่แบบนี้” ของจิ้นเฟิงเฉิน
เธอจึงต้องรับถ้วยมา แล้วรับเบาๆ “ขอบคุณค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเธอค่อยๆทาน ช่างดูอ่อนโยนเสียยิ่งกว่าอะไร
ชามแล้วชามเล่า จนกระทั่งเธออิ่มจนทานไม่ลง
ติดต่อกันมาสามวันแล้ว ที่แม่จิ้นดูแลอาหารการกินของเธอ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ อาหารการกินของจิ้นเฟิงเฉินก็จบลงที่ห้องพักผู้ป่วยนี้
วันนี้ จิ้นเฟิงเฉินและเจียงสื้อสื้อนั่งทานซุปร้อนๆกันอยู่ที่เก้าอี้
โทรศัพท์ในกระเป๋าพลันสั่นขึ้น เขาลังเล อยากจะตัดสาย แต่ก็เห็นว่าเบอร์ที่โทรมานั้นเป็นเบอร์ของหมอ
จิ้นเฟิงเฉินลังเลอยู่นาน
เจียงสื้อสื้อเห็นว่าเขาจ้องมองโทรศัพท์แต่ไม่ได้ขยับ ก็นึกว่าที่โทรศัพท์มีเรื่องให้ต้องจัดการชั่วคราว
เธอพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล “ที่บริษัทมีเรื่องหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าอัตโนมัติ แล้วก็ออกไปรับโทรศัพท์
“คุณจิ้นใช่มั้ยครับ? ผมคือหมอที่ทดสอบDNAในครั้งนี้นะครับ”
พอได้ยินหัวข้อนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ตื่นเต้นอย่างมาก
บางทีตอนที่เขากำลังเจรจาธุรกิจพันล้านยังไม่ได้กังวลขนาดนี้เลย เขาพยายามลดเสียงตัวเองให้ได้มากที่สุด พยายามคงเสียงให้เป็นเหมือนเดิมมากที่สุด
“อืม ใช่ครับ”
“ผลการตรวจ DNA ออกมาแล้วนะครับ ทั้งสองคนเป็นญาติพี่น้องกันทางสายเลือด คุณสะดวกมารับผลเมื่อไหร่ดีครับ?”
สิ่งที่หมอพูดนั้นเหมือนกับเป็นระเบิด ระเบิดอยู่ที่หูของจิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินอึ้งอยู่กับที่ การสั่งสอนและการเลี้ยงดูจากที่บ้านอย่างดีทำให้เขาสามารถรักษาความใจเย็นเอาไว้ได้
เขาตอบ “เดี๋ยวผมจะให้ผู้ช่วยไปรับ รบกวนด้วยนะครับ”
“ไม่รบกวนหรอกครับ ไว้เจอกันนะครับคุณจิ้น”
“ไว้เจอกันครับ”
หลังจากวางสายไปแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เหมือนจะเป็นบ้าเพราะมีความสุข
มิน่าล่ะเสี่ยวเป่าเจอเจียงสื้อสื้อครั้งแรกก็ชอบเธอแล้ว ตอนแรกเขาก็นึกว่าเพราะว่านิสัยของเจียงสื้อสื้อนั้นอ่อนโยน ทำให้เด็กน้อยชอบ
ตอนนี้ดูเหมือนว่า อาจจะเป็นแรงดึงดูดระหว่างสายเลือด
เขาคำนวณอายุของเสี่ยวเป่าอย่างเงียบๆ เท่ากับว่าท้องเมื่อเดือนสิงหาคม
เดิมทีชะตากรรมของจิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อนั้นมันเกี่ยวข้องกันมาตั้งนานแล้ว
ความหวาน ตื่นเต้น และความสุขเต็มไปทั้งหัวใจของเขา
อย่างไรก็ตามหลังจากความปิติยินดีจิ้นเฟิงเฉินก็ค่อยๆสงบลง จู่ๆเขาก็นึกถึงปัญหาหนึ่งขึ้นมาได้ ควรจะบอกความจริงกับสื้อสื้อยังไงดี?
ถ้าเกิดว่าเรื่องนี้ไม่ได้ถูกสืบหาความจริง สื้อสื้อก็ไม่มีทางรื้อฟื้นความทรงจำได้
หัวใจของเขาจมลงอย่างรวดเร็ว ประสบการณ์ที่เหมือนรถไฟเหาะนี้ทำให้จิ้นเฟิงเฉินได้ลิ้มรส
คิดไปคิดมา สุดท้ายจิ้นเฟิงเฉินก็ตัดสินใจ เอาเรื่องนี้เก็บไว้ในลึกๆในหัวใจของตัวเองเงียบๆก่อน
ตอนนี้สิ่งที่รีบร้อนที่สุดก็คือผลการตรวจ ขอแค่ผลออกมาแล้ว ทุกอย่างก็จะกระจ่าง
จิ้นเฟิงเฉินวางแผนทุกอย่างไว้อย่างดี กลับมาที่ห้องผู้ป่วยอีกครั้งก็เห็นว่าเจียงสื้อสื้อกินอาหารกลางวันเสร็จแล้ว
เมื่ออยู่กับเธอ เขาสามารถถอนความระมัดระวังทั้งหมดได้