ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 674 ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย?
บทที่ 674 ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยเล็กน้อย?
“ถ้าอย่างนั้น ต่อไปนายก็รับผิดชอบเรื่องรับส่งสื้อสื้อ นายเป็นสามีประสาอะไร ปกติสื้อสื้อไปไหนยังต้องขับรถเองอีก!” ยังไม่ทันได้รอเจียงสื้อสื้อเอ่ยปาก แม่ฝู้ก็ตัดสินใจแล้ว หากเธอปฏิเสธก็จะเก้อกระดากเล็กน้อย
วันนี้แม่ฝู้ดูกระตือรือร้นกว่าปกติอยู่มาก หลังกินข้าวเสร็จเธอก็ดึงแขนของเจียงสื้อสื้อไว้แล้วคุยกันเยอะมาก
วันรุ่งขึ้น เธอตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและพบว่าเถียนเถียนไม่ได้มีชีวิตชีวาเหมือนปกติ แต่กำลังคำครวญอยู่บนเตียง
เธอจึงรู้ว่าเถียนเถียนป่วย จากนั้นก็ตบเธอเบาๆ อยากจะเรียกเธอตื่นมากินข้าว
แต่เมื่อสัมผัสเธอก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิร่างกายที่เปลี่ยนไป
เธอรีบอุ้มเถียนเถียนขึ้น แล้วใช้หน้าผากของตนสัมผัสหน้าผากของเถียนเถียน ร้อนเล็กน้อย “เบบี้ หนูเป็นไข้”
เถียนเถียนนอนในอ้อมแขนของเจียงสื้อสื้ออย่างอ่อนแอ แล้วกระซิบว่า “หม่ามี๊ หนูปวดหัวค่ะ”
เมื่อเห็นใบหน้าแดงก่ำของหนูน้อย เจียงสื้อสื้อก็ตำหนิตัวเอง
“มันเป็นความผิดของหม่ามี๊เอง เบบี้เราจะไปโรงพยาบาลกันเดี๋ยวนี้เลย”
ไม่คิดว่าเมื่อเถียนเถียนได้ยินว่าไปโรงพยาบาล เธอดิ้นจะลงมาให้ได้ และยังโวยวายว่า “ไม่ไปโรงพยาบาล เถียนเถียนไม่ได้โรงพยาบาล”
เจียงสื้อสื้อพูดอย่างใจเย็นว่า “ไปโรงพยาบาลนะ แล้วความเจ็บปวดจะบินหนีไป”
“ไม่ไปไม่ไป ไม่ไปค่ะ”
เถียนเถียนรู้เพียงว่าถ้าไปโรงพยาบาลก็จะโดนฉีดยา จะเจ็บ และยังต้องกินของที่ขมๆ ให้ตายยังไงเธอก็ไม่ยอมไป
แม้ว่าเธอจะตัวเล็ก แต่เมื่อโวยวายขึ้นมาพลังไม่น้อยเลย เจียงสื้อสื้อเองก็กลัวว่าจะทำเธอเจ็บ เธอแทบจะอุ้มไว้ไม่อยู่
ขณะที่เธอกำลังเครียด โทรศัพท์ที่วางอยู่บนโต๊ะน้ำชาก็ดังขึ้น
เจียงสื้อสื้อรับสาย เสียงใสๆ ของเสี่ยวเป่าก็ดังขึ้น
“หม่ามี๊ครับ วันนี้หม่ามี๊กับน้องสาวเป็นไงบ้างครับ”
พอพูดจบ ดูเหมือนว่าเขาจะได้ยินเสียงจากโทรศัพท์มือถือและถามด้วยความสงสัยว่า “หม่ามี๊ ทำไมผมถึงได้ยินน้องสาวร้องไห้ล่ะครับ?”
เจียงสื้อสื้อมองดูเถียนเถียนที่อ้าปากสีชมพูแล้วร้องไห้คร่ำครวญ จากนั้นก็กุมขมับ
ใช่กำลังร้องไห้ และร้องอย่างรุนแรงราวกับน้ำตาจะท่วมแล้วด้วย
“เสี่ยวเป่า วันนี้น้องสาวไม่ค่อยสบาย ไม่ยอมไปฉีดยาที่โรงพยาบาล หนูพูดกล่อมเธอหน่อยได้ไหม?”
เด็กสื่อสารกับเด็กได้ดีกว่า และเถียนเถียนเชื่อฟังคำพูดของเสี่ยวเป่าอยู่แล้ว เจียงสื้อสื้อหวังว่าครั้งนี้เขาจะช่วยได้
เสี่ยวเป่าได้ยินเช่นนี้ ก็ร้อนรนใจเล็กน้อย “ได้ครับ ผมจะพูดกล่อมน้องเองครับ หม่ามี๊ให้น้องสาวรับโทรศัพท์หน่อยครับ”
เจียงสื้อสื้อเปิดลำโพงโทรศัพท์มือถือ แล้วเกลี้ยกล่อม “เถียนเถียน พี่ชายอยากคุยกับหนูนะ หนูอยากคุยกับพี่ชายไหม?”
เถียนเถียนหยุดร้องไห้ไปเล็กน้อย จากนั้นก็กอดโทรศัพท์มือถือไว้แล้วร้องไห้ครวญครางกล่าวว่า
“พี่ชายคะ เถียนเถียนไม่สบายตัวมากๆ ค่ะ”
เสี่ยวเป่าฟังเสียงเล็ก ๆ นี้แล้ว หัวใจของเขาแทบแตกสลาย
เขาเกลียดตัวเองที่ไม่มีปีก ไม่สามารถบินไปอยู่ข้างๆ เถียนเถียนได้ เขาใช้เสียงที่อ่อนโยนที่สุดเพื่อปลอบโยนน้องสาว “น้องสาว ถ้ารู้สึกไม่สบายตัวก็ต้องไปหาหมอนะ หลังจากไปหาหมอแล้วก็จะไม่รู้สึกไม่สบายแล้ว”
“เถียนเถียนกลัวฉีดยา ไม่อยากไปโรงพยาบาล” เถียนเถียนพูดพร้อมสะอื้น
เสี่ยวเป่าพูดเกลี้ยกล่อมอย่างใจเย็นว่า “ถ้าอย่างนั้นกินยาดีไหม? ยาที่หวานๆ ”
“พี่ชายโกหก ยามันขม”
เถียนเถียนขมวดจมูกไว้
จากนั้นเสี่ยวเป่าบอกเธอว่า มียาแบบหวานเหมือนกัน
ถ้าเธอเป็นเด็กดี หลังจากกินยาก็จะไม่รู้สึกปวดแล้ว
เจียงสื้อสื้อเองก็ถือโอกาสนี้ หายาแก้หวัดออกมาสองสามห่อ แล้วชงใส่น้ำป้อนให้เถียนเถียน
เถียนเถียนจิบไป1คำ หวานจริงๆ ด้วย จากนั้นก็ถือแก้วไว้แล้วดื่มจนหมด
รอจนเถียนเถียนดื่มยาเสร็จ ก็หลับไปอีกครั้ง เสี่ยวเป่าถึงได้ถอนหายใจโล่งอก
เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน และกล่าวขอบคุณเสี่ยวเป่า จากนั้นก็วางสายไป
จากนั้นหลายวัน เสี่ยวเป่าจะโทรมาตรงเวลาทุกรอบ เพื่อเฝ้าเถียนเถียนกินยา
ไข้ของเถียนเถียนค่อยๆ ลดลง แต่เธอกลับเปราะบางกว่าเมื่อก่อนไปมาก
ตอนที่กินยา อาหารที่เจียงสื้อสื้อให้เธอกินนั้นจืดชืดมาก ของหวานก็ไม่ได้กิน เพราะฉะนั้นหลังจากหายป่วย เธอก็รีบโวยวายว่าอยากกินของหวาน
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าครั้งนี้เธอทำได้ดีมาก จึงสัญญาว่าจะซื้อกลับมาให้เธอกิน
ในร้านขนมหวาน เจียงสื้อสื้อหยิบของหวานที่เถียนเถียนชอบกินมาสองสามชิ้น แล้วไปชำระเงินที่แคชเชียร์
แต่เธอรู้สึกว่ามีคนกำลังจ้องมองเธออยู่ เธอหันกลับไปมอง กลับไม่มีอะไร
สองวันมานี้เธอเหนื่อยจนเกิดภาพหลอนเหรอ? เจียงสื้อสื้อส่ายหน้าอย่างหงุดหงิด
เจียงสื้อสื้อไปจ่ายเงินที่แคชเชียร์ จากนั้นก็หยิบของแล้วออกจากร้านขนมหวาน
ผู้หญิงแต่งตัวธรรมดาๆ หยุดเธอไว้ และกล่าวด้วยความอ้อนวอนว่า “คุณผู้หญิงที่ใจดีคะ โทรศัพท์และกระเป๋าสตางค์ของฉันถูกขโมยไป ฉันไม่ได้กินอะไรมาสามวันแล้ว คุณเลี้ยงข้าวฉันสักมื้อได้ไหมคะ?”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาถอยหลังไปหนึ่งก้าว และมองไปที่ผู้หญิงที่ผมยุ่งเหยิงอย่างระแวง
เธอเจอกับกลหลอกลวงแบบนี้มามากแล้ว และไม่เชื่อมัน
“ข้าไม่ใช่นักตุ้มตุ๋นจริงๆ ข้าแค่อยากกินข้าว คุณเมตตาหน่อยได้ไหม คิดเสียว่าเป็นการทำความดีของวันนี้เถอะนะ”
ผู้หญิงคนนี้มองตรงไปที่เจียงสื้อสื้อผ่านเส้นผมของเธอ
เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ในขณะเดียวกันก็รู้สึกสงสัยเช่นกัน ทำไมเธอถึงรู้สึกคุ้นเคยกับคนนี้?
แต่จำไม่ได้ว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน
แววตานี้ให้ความรู้สึกเสแสร้ง
ขณะที่เธอกำลังขมวดคิ้วและไตร่ตรอง ผู้หญิงก็พูดอะไรไปตั้งมากมาย
สรุปแล้วล้วนเป็นคำพูดที่น่าสงสารมาก พูดเกี่ยวกับสามีกับลูกๆ ที่เสียไป เหลือเพียงเธอคนเดียวอะไรประมาณนี้
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าใจ คิดไปคิดมาหากเป็นเรื่องจริง ช่วยเธอหน่อยก็คงไม่เป็นไร
มันจะดีกว่านี้ถ้ามันไม่ใช่เรื่องจริง เพราะประสบการณ์ของเธอแย่มากจริงๆ
เมื่อคิดได้เช่นนั้น เจียงสื้อสื้อก็ล้วงเอาเงินเหรียญให้เธอไปหนึ่งกำมือ แล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “เงินพวกนี้มากพอที่จะให้คุณกินข้าวได้หลายมื้อ เอาไปหางานทำเถอะ”
ผู้หญิงรับเงินไป แต่ไม่ได้จากไปทันที แต่กล่าวว่า “คุณผู้หญิงใจดี คุณไปกินข้าวเป็นเพื่อนฉันสักมื้อได้ไหม ไม่ต้องใช้เงินมากมายขนาดนี้หรอก”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เมื่อสักครู่เพิ่งบอกว่าขอกินข้าวแค่มื้อเดียว ตอนนี้จะให้ไปเป็นเพื่อน เธออดไม่ได้ที่จะสงสัยอีกครั้ง
เห็นเจียงสื้อสื้อแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา ผู้หญิงคนนี้ก็ยิ้มอย่างขมขื่น กล่าวด้วยความเสียใจว่า “ในความเป็นจริงแล้ว คนอย่างฉัน ร้านค้าจะไม่ปล่อยให้ฉันเข้าไปอย่างแน่นอน ดังนั้นแม้ว่าจะมีเงิน ฉันก็ไม่สามารถกินข้าวได้”
เจียงสื้อสื้อได้ยินเธอพูดเช่นนี้ สีหน้าก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
เมื่อมองดูเธอแล้ว ผู้หญิงคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่น่าสงสารจริงๆ และที่สำคัญที่สุดคือเธอไม่สะอาด
บางร้านที่พิถีพิถันหน่อยคงไม่ปล่อยให้คนแบบนี้เข้าไป เพราะกลัวว่าจะส่งผลกระทบต่อลูกค้าคนอื่นๆ
เธอถอนหายใจอยู่ในใจ ช่างมันเถอะ ช่วยคนก็ช่วยให้ถึงที่สุด
เธอมองซ้ายมองขวา และเห็นร้านแฮมเบอร์เกอร์ร้านหนึ่งแล้วกล่าวว่า “ฉันจะไปซื้อชุดแฮมเบอร์เกอร์ร้านนั้นให้คุณนะ”
“ไม่เอา!” ผู้หญิงกลับปฏิเสธเธอ
เจียงสื้อสื้อหยุดเดิน “คุณไม่ชอบกินแฮมเบอร์เกอร์เหรอ?”
ผู้หญิงยิ้มอย่างเขินอาย “ไม่ใช่ค่ะ แฮมเบอร์เกอร์ราคาแพงเกินไป ฉันกินสปาเกตตีเรียบง่ายก็พอแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพูดเสียงเรียบๆ ว่า “ไม่เป็นไร ฉันเลี้ยงเอง เงินที่ฉันให้เธอเก็บไว้ได้ อาหารชุดนี้คุณไม่ต้องจ่ายเงิน”
ผู้หญิงกลับส่ายหัวซ้ำๆ และพูดอย่างกังวลว่า “ไม่เป็นไรจริงๆ นะคะ แค่คุณช่วยฉันก็ดีมากแล้ว ฉันไม่อยากให้คุณต้องเสียเงินไปมากกว่านี้ ตรงนั้นมีร้านอาหารตะวันตกที่ธรรมดาๆ ไปที่นั่นดีกว่าค่ะ”
เธอหมายถึงร้านค้าเล็ก ๆ ที่มุมตรงข้ามถนน
เจียงสื้อสื้อมองดูของหวานในมือ แล้วนึกถึงเถียนเถียนที่อยู่ในบ้าน เธอไม่อยากเสียเวลาไปมากกว่านี้ จึงพูดตรงๆ ว่า “ก็ได้ ไปร้านนั้นเถอะ”