ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 687 เปิดประตู!
บทที่ 687 เปิดประตู!
เห็นเขาแบบนั้น แม่จิ้นก็ได้มีสีหน้าเป็นห่วง
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ลูกกับสื้อสื้อทะเลาะกันเหรอ?”
ปกติแล้วจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนที่ยอมทำตามที่เจียงสื้อสื้อขอมาตลอด ดีจนไม่มีขอบเขต ตามหลักแล้วพวกเขาไม่น่าจะทะเลาะกันได้
ทำไมวันนี้ถึงได้เปลี่ยนไป?
ตอนที่ทุกคนต่างพากันเดาต่างๆ นานานั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พูดออกมาอย่างน่าประหลาด “เธอจะหย่ากับผม ไปแต่งงานกับฝู้จิงเหวินเดือนหน้า”
ข่าวนี้กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์แล้วก็เหมือนกับฟ้าผ่าลงมาอย่างไม่ต้องสงสัย
“อะไรนะ?!” จิ้นเฟิงเหราตะโกนออกมาอย่างตกใจ
ต่อให้คิดความเป็นไปได้อื่นๆ ออก แต่ก็คิดไม่ถึงว่าเจียงสื้อสื้อจะเป็นคนขอหย่าออกมาเอง
แบบนี้กับจิ้นเฟิงเฉินจะเสียใจขนาดไหน
จิ้นเฟิงเหราก็ได้มองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความเป็นห่วง
แม่จิ้นได้ตกใจ ก็ได้พูดไปว่า “งั้นทำยังไง? เธอเป็นคนบอกกับลูกเองเหรอ?”
“ครับ อีกอย่างเธอเต็มใจ”
น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินเรียบมาก ราวกับเครื่องจักร ไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย
หน้าตาของเขาเหมือนมีอะไรครึ้มๆ คลุกอยู่ แสงส่องเข้าไม่ได้
เหมือนว่าคิดอะไรออก จิ้นเฟิงเหราก็ได้กระโดดออกมาต่อหน้าจิ้นเฟิงเฉิน ถามด้วยอาการไม่อยากเชื่อว่า “งั้นตอนนี้พี่ได้ตกลงทำตามที่เธอขอ?”
จิ้นเฟิงเฉินขยับปาก พยายามอย่างหนักกว่าที่จะพูดคำนั้นออกมา “อืม”
พูดจบ ห้องรับแขกก็ได้เงียบไป
ข่าวนี้น่าตกใจเกินไป พวกแม่จิ้นก็ได้นิ่งไปหมด ไม่มีปฏิกิริยาอะไร
นี่มันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้นี่นา……
ทางบันไดอยู่ๆ ก็ได้มีเสียงแก้วแตกดังขึ้น
แม่จิ้นตกใจจนสะดุ้ง คนในห้องรับแขกสี่คนก็ได้หันไปดู เห็นเสี่ยวเป่าที่ใส่เสื้อยืดลายการ์ตูนยืนอยู่ที่หน้าบันได
เห็นได้ชัด คำพูดที่จิ้นเฟิงเฉินพูดเมื่อกี้เสี่ยวเป่าได้ยินแล้ว
เสี่ยวเป่าตาได้แดง ไม่สนใจผู้คน
หันตัว แล้วก็ใช้ขาสองข้างน้อยๆ วิ่งขึ้นบันได แป๊บเดียวก็ไม่เห็นตัวแล้ว
“เสี่ยวเป่า!” แม่จิ้นตะโกนออกมา
จิ้นเฟิงเฉินนิ่งไปสักพัก ก็ได้รีบตามไป
แม่จิ้นจับแขนของพ่อจิ้นแน่น ร้อนใจมากๆ ในปากพูดอะไรออกมานั้นตัวเองก็ไม่รู้
“เหล่าจิ้น ทำยังไงดี? ทำยังไงดี?! เมื่อกี้เสี่ยวเป่าต้องได้ยินที่พวกเราคุยกันแน่ๆ เขารู้ว่าเจียงสื้อสื้อจะหย่ากับเฟิงเฉิน! เสี่ยวเป่าชอบเจียงสื้อสื้อขนาดนั้น อยากจะให้เจียงสื้อสื้อเป็นหม่ามี๊ของเขามาโดยตลอด……นี่ควรทำยังไงดี?!”
“คุณใจเย็นๆ เฟิงเฉินได้ตามไปแล้ว เสี่ยวเป่าต้องเชื่อฟังเขาแน่” พ่อจิ้นพูดปลอบ
แต่ว่าตอนนี้แม่จิ้นร้อนใจจนได้ร้องไห้ออกมา ไม่มีอารมณ์สนใจอย่างอื่น
“ฉันจะใจเย็นได้ยังไง?! เสี่ยวเป่าพึ่งจะหายจากอาการปิดกั้นตัวเอง ถ้าเกิดเรื่องนี้ไปกระทบเข้าแล้วกลับไปเป็นอีกจะทำยังไง?”
ได้ยินแบบนั้น จิ้นเฟิงเหรากับพ่อจิ้นก็ตกใจ พวกเขาไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้
“พ่อ พ่ออยู่เป็นเพื่อนแม่ก่อน ผมไปดูหน่อย”
พูดจบจิ้นเฟิงเหราก็ได้รีบตามเข้าไป
ส้งหวั่นชีงก็ได้ห้ามแม่จิ้นที่จะตามไป พูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “แม่คะ ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ ตอนนี้เสี่ยวเป่าก็แค่รับความจริงไม่ได้ ก็แค่ไปอธิบายเรื่องนี้ให้เขาเข้าใจก็ไม่เป็นไรแล้ว”
ได้ยินที่ส้งหวั่นชีงพูด แม่จิ้นถึงได้ใจเย็นลงสักที
แต่ว่า นึกถึงท่าทางใจสลายของเสี่ยวเป่าเมื่อกี้ ใจของแม่จิ้นก็รับไม่ได้ น้ำตาก็ได้ไหลลงมาอย่างหนัก
“เสี่ยวเป่าเด็กคนนี้ทำให้คนปวดใจจริงๆ”
การมีหม่ามี๊ได้ทรมานกว่าการไม่มีหม่ามี๊อีก
อีกทาง จิ้นเฟิงเฉินได้ตามไป แต่ว่ารู้สึกตัวช้าไป ก็ถูกล็อกอยู่ด้านนอก
เสี่ยวเป่าได้ปิดม่านหน้าต่าง ตัวน้อยๆ ได้นั่งกอดเข่าที่มุมห้อง
ต่อให้จิ้นเฟิงเฉินเรียกยังไง ก็ทำเป็นไม่ได้ยิน
“เสี่ยวเป่า เปิดประตู!”
“เสี่ยวเป่า!”
“มาเปิดประตู!”
……
เห็นว่าเสี่ยวเป่าไม่เปิดประตูสักที จิ้นเฟิงเฉินก็หงุดหงิดเอามากๆ
เขาถอยไปไม่กี่ก้าว เตรียมที่จะพังประตูเข้าไป
แต่ว่าจิ้นเฟิงเหรามาได้ทันเวลา ห้ามจิ้นเฟิงเฉินไว้
ก็ได้พูดอย่างรวดเร็วว่า “พี่ พี่ใจเย็นก่อน อย่าพังประตู! พี่ลืมว่าเสี่ยวเป่ามีโรคกปิดกั้นตัวเองเหรอ? พี่ทำแบบนี้ เดี๋ยวเขาคิดสั้นแล้วกระโดดตึกทำยังไง?!”
ได้ยินที่จิ้นเฟิงเหราพูด อารมณ์ที่เดือดของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ผ่อนคลายลงไป “หรือว่าจะปล่อยเขาอยู่คนเดียวแบบนี้เหรอ?”
ก็ได้เอาโทรศัพท์ที่หยุดอยู่หน้าการโทร จิ้นเฟิงเหราพูดว่า “เมื่อกี้ผมติดต่อจิตแพทย์แล้ว ไม่นานก็มาถึง พี่อย่าใจร้อน”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้สูดหายใจเข้าไป บังคับตัวเองใจเย็นลง ยืนพิงกำแพง
เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินได้เก็บอารมณ์ของตัวเอง จิ้นเฟิงเหราก็ได้ถามเสียงเบาว่า “พี่ พี่จะยอมแพ้ไปแบบนี้เหรอ?”
“จะให้ทำยังไงล่ะ? เห็นเธอลำบากใจแบบนั้นเหรอ?” จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ถามออกไปอย่างเจ็บปวด
ตอนนี้นอกจากทำตามที่เธอต้องการแล้วมีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอ?
เขาคิดไม่ออก
เห็นท่าทางที่โคตรเศร้าแบบนั้นของเขา จิ้นเฟิงเหราก็หงุดหงิด จับไหล่ของจิ้นเฟิงเฉินแล้วก็เขย่า บังคับให้ตัวเองนั้นพูดเสียงเบา
“นี่มันจะลำบากใจยังไง พี่ดูท่าทางของเสี่ยวเป่าตอนนี้ หรือว่าอยากให้เขานั้นขังตัวเองอีกแบบนี้เหรอ? เขาไม่มีหม่ามี๊ไม่ได้นะ พี่!”
คำพูดของจิ้นเฟิงเหราก็มีเหตุผล แต่จิ้นเฟิงเฉินทำอะไรไม่ได้จริงๆ ……
ก็แค่มองประตูที่ปิดอยู่ไม่พูดอะไร
เสี่ยวเป่าที่อยู่ในห้องไม่มีส่งเสียงอะไรเลย สองพี่น้องก็เลยตัดสินใจนั่งเฝ้าที่ประตู
จนกระทั่งฟ้าได้มืด
มีเสียง ‘กริ้ง’ เสี่ยวเป่าก็ได้เปิดประตูจากข้างใน
จิ้นเฟิงเฉินกับจิ้นเฟิงเหราก็ได้ตกใจ
พวกเขารีบลุกขึ้น จิ้นเฟิงเหราก็ได้พูดด้วยความเป็นห่วง “เสี่ยวเป่า? ยังโอเคไหม? ก่อนหน้านี้ที่พวกเราพูดนั้นไม่เป็นความจริง ใช่ไหมพี่?”
จิ้นเฟิงเหราก็ได้ส่งสายตาให้จิ้นเฟิงเฉิน จิ้นเฟิงเฉินก็ได้พยักหน้า
“หม่ามี๊ก็แค่จะจัดพิธีกับคุณอาฝู้ ไม่ได้เหมือนที่เสี่ยวเป่าคิด”
“อืม ไม่เป็นไร”
พูดออกไปเรียบๆ เสี่ยวเป่าก็ได้ลงไป
ปฏิกิริยาแบบนี้ทำให้ชายหนุ่มที่อยู่ชั้นบนทั้งสองพากันงง
เสี่ยวเป่าเชื่อหรือไม่เชื่อกันแน่?
แต่ว่าพวกเขาหวังว่าเสี่ยวเป่าจะเชื่อ
วันที่สอง เสี่ยวเป่าก็ยังไปโรงเรียนเหมือนเดิม กลับมาตรงเวลา มองแล้วเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ
วันที่สาม ก็เหมือนเดิม
……
ทางตระกูลฝู้
เถียนเถียนก็รู้สึกว่าบรรยากาศที่บ้านแปลกๆ หม่ามี๊กับคุณพ่อฝู้ไม่พูดอะไรเลย
ขนาดคุณย่าก็เปลี่ยนไป บ้านนั้นไม่ได้เป็นบ้านแล้ว
เธออยากจะโทรหาพี่ชาย แต่ว่าทางพี่ชายก็ไม่มีคนรับ
แต่เธอก็โทรหาคุณพ่อไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเธอเรียกเขามาแน่
ก็ได้โยนโทรศัพท์ไปข้างเตียง หนูน้อยอารมณ์ไม่ดีเท่าไหร่
เวลาก็ได้ผ่านไป งานแต่งใกล้เข้ามา
วันนี้เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินก็ได้ไปทำเรื่องหย่าที่สำนักกิจการพลเรือนด้วยกัน ระหว่างทาง ทั้งสองไม่พูดอะไร
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขับรถเงียบๆ ปากได้เม้มแน่น ใบหน้าได้เย็นชาราวกับรูปปั้น
ในใจของเจียงสื้อสื้อก็ไม่โอเค มองไปนอกหน้าต่างไม่พูดอะไร
อยู่ๆ โทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้น
เขามองไปสักพัก ก็ได้รับ พูดไปแป๊บเดียว สีหน้าก็เปลี่ยนไป
ก็ได้เหยียบเบรกด้วยความรีบร้อน รถได้จอดอยู่ข้างทาง