ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 720 งั้นคุณนอนเป็นเพื่อนผมไหม
บทที่ 720 งั้นคุณนอนเป็นเพื่อนผมไหม
ข้ออ้างที่ไม่ค่อยมีคุณภาพแบบนี้ของฝู้จิงเหวิน ทำไมเจียงสื้อสื้อจะดูไม่ออก?
ดูเหมือนว่าระหว่างเขาสองคนจะมองหน้ากันไม่ค่อยติด สองคนมองเห็นได้ยิน แต่ไม่มีทางที่จะใกล้ชิดกันได้
เธอตอบว่า “โอเค ฉันไม่ไปส่งคุณนะ”
ฝู้จิงเหวินพยักหน้า หมุดตัวและออกไปจากโรงพยาบาล
เห็นฝู้จิงเหวินออกไป เสี่ยวเป่าเอียงหัวคิด แต่ยังคงจับต้นสายปลายเหตุไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ก็เลยถามออกไปเลย “หม่ามี๊ เมื่อกี้หม่ามี๊กับคุณลุงกำลังคุยอะไรกันเหรอครับ?”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น เม้มปากยิ้ม ดวงตาโค้งงอ เหมือนกับพราะจันทร์เสี้ยวบนท้องฟ้าในตอนกลางคืน อบอุ่นและงดงาม
กุมมือเล็กๆของเสี่ยวเป่าและตอบว่า “ไม่มีอะไรครับ คุณลุงแค่มาพูดคุยกับหม่ามี๊นิดหน่อยก็เสร็จแล้ว”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ มองไปทางที่ฝู้จิงเหวินเดินออกไปไม่หยุด
สองสามวันหลังจากที่ฝู้จิงเหวินมา จิ้นเฟิงเฉินที่มักจะมาพูดคุยกับเจียงสื้อสื้อที่โรงพยาบาลก็ไม่มีแม้แต่เงา
เจียงสื้อสื้อไม่คุ้นเคยกับการหายไปของจิ้นเฟิงขึ้นมาในทันที ยุ่งเหยิงอยู่นานถึงถามออกมา “เสี่ยวเป่า ช่วงนี้แด๊ดดี๊ของหนูไม่มา หนูรู้ไหมว่าเขาไปไหน?”
“สองสามวันนี้มาเหมือนว่าแด๊ดดี๊จะไม่สบาย พักผ่อนอยู่ที่บ้านตลอด ดังนั้นมาหาหม่ามี๊ที่โรงพยาบาลไม่ได้” เสี่ยวเป่าพูดอย่างนุ่มนิ่ม
พอเจียงสื้อสื้อได้ฟัง ก็เริ่มหายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมา
ทุกวันนี้จริงๆแล้วร่างกายของเธอดีขึ้นไม่น้อย แต่อยู่ดีๆในตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินก็ไม่สบายอีก จะให้เธอวางใจได้อย่างไร?
เพราะเรื่องนี้ทำเธอร้อนใจตลอดเวลาในช่วงเช้า ในที่สุดก็ตัดสินใจไปดูสถานการณ์ของฝู้จิงเหวินด้วยตัวเอง
เมื่อถึงเวลาอาหารเที่ยง เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนถูกคนขับรถมารับตัวไป หลังจากที่เปลี่ยนชุดในห้องน้ำเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ออกจากโรงพยาบาลไปอย่างรีบร้อน
จิ้นเฟิงเฉินทิ้งเงินไว้ให้เล็กน้อย เดิมทีให้เสี่ยวเป่าไว้ซื้อขนม ตอนนี้ได้นำมาใช้ประโยชน์พอดี
เจียงสื้อสื้อโบกรถแท็กซี่คันหนึ่ง ขึ้นไปนั่งบนรถและพูดว่า “คนขับคะ ไปถนนป๋อซางค่ะ”
ไม่ถึงยี่สิบนาที รถแท็กซี่ก็จอดลงที่ข้างถนน
เจียงสื้อสื้อลงจากรถอย่างรีบร้อน เดินตรงเลียบถนนไป สุดท้ายก็หยุดลงที่หน้าวิลล่าหลังหนึ่ง
เธอจำได้รหัสที่จิ้นเฟิงเฉินเคยบอกกับเธอได้ลางๆ อ้างอิงจากความทรงจำที่เลือนราง เจียงสื้อสื้อทดลองใส่รหัสผ่าน คิดไม่ถึงว่าประตูจะถูกเปิดโดยไม่คาดคิด
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปในบ้าน พบว่าในห้องรับแขกและห้องครัวไม่มีแม้แต่เงาของจิ้นเฟิงเฉิน
ตะโกนออกไปก็ไม่มีใครตอบกลับมา เหลือบเห็นประตูที่ชั้นสองไม่ได้ปิด
เจียงสื้อสื้อจึงเดินขึ้นไป
หลังของเขาพิงอยู่ที่หน้าต่าง แสงแดดที่อบอุ่นตกกระทบที่ตัวของเขา บนบ่ามีบาดแผลที่น่ากลัวปรากฏให้เห็นอยู่
ในมือถือยาและคอตตอนบัดไว้ เหมือนกับว่าวางแผนจะทำแผลให้ตัวเอง
เพราะช่วงนี้จิ้นเฟิงเฉินวิ่งไปวิ่งมาเพื่อเจียงสื้อสื้อตลอด จึงไม่ค่อยได้สนใจอาการบาดเจ็บของตัวเอง
ในตอนนี้อักเสบแล้ว
เมื่อเห็นเงาของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินนิ่งไปสักพัก
เธอตะลึงอยู่ที่เดิม เขาบาดเจ็บโดยไม่คาดคิด?
รีบก้าวไปหยิบยาและคอตตอนบัดในมือของจิ้นเฟิงเฉินมาในทันที ขมวดคิ้วและมองไปที่แผลที่น่ากลัว เงยหน้าเล็กน้อยขึ้นมาถาม “คุณบาดเจ็บได้ยังไง?”
เผชิญหน้ากับการซักถามของเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็เหมือนเด็กที่ทำความผิดและโดนจับได้
ดูเหมือนตระหนกวุ่นวายจนทำอะไรไม่ถูก รีบเปลี่ยนเรื่องถาม “แล้วคุณหล่ะ? ทำไมคุณถึงออกมาจากโรงพยาบาล ตอนนี้แผลของคุณยังไม่หายเป็นปกติเลย”
รู้ว่าเขากำลังหลบหลีกประเด็นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมา
จุ่มคอตตอนบัดลงไปในยา และทาลงไปตรงแผล
พูดด้วยน้ำเสียงตำหนิ “ฉันไม่เป็นอะไรมากแล้ว แต่คุณหน่ะ ได้รับบาดเจ็บแล้ว
ทำไมไม่บอกฉัน”
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินดังนั้นก็อยากจะใส่เสื้อขึ้น พูดอย่างไม่ค่อยสนใจว่า “ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ผมทายาเองก็ดีขึ้นแล้ว”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว ขัดขวางการกระทำของเขาในทันที ต่อต้านเพื่อจะทายาให้เขา
“นี่คุณทำยังไง? แผลลึกขนาดนี้”
“ไม่มีอะไร คุณไม่ต้องใส่ใจ อีกไม่นานก็หายเป็นปกติแล้ว แต่คุณไม่อยู่พักผ่อนที่โรงพยาบาลดีๆ ยังจากมาหาผมที่นี่อีก”
จิ้นเฟิงเฉินโกหกออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ เพื่อปกปิดเรื่องราว
ก็จริงอยู่ที่ จริงๆเขาก็เป็นห่วงร่างกายของเจียงสื้อสื้อ แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกอบอุ่นและหอมหวาน
เขากำลังดีใจ ที่เจียงสื้อสื้อใส่ใจเขา
ในตอนนี้เสี่ยวเป่าพาเถียนเถียนเข้ามาจากข้างนอกพอดี ก็ได้ยินประโยคที่เมื่อกี้
จิ้นเฟิงเฉินพึ่งพูดเป็นธรรมดา
เสี่ยวเป่าทนไม่ไหวจริงๆ แด๊ดดี๊พูดอย่างใจเย็นทั้งที่ตัวเองบาดเจ็บรุนแรงขนาดนั้น รีบไปข้างๆและยุยงทันที “ถ้าเกิดว่าหม่ามี๊อยู่ที่นี่ แผลของแด๊ดดี๊ต้องดีขึ้นเร็วแน่นอนครับ”
เขาเบะปากเล็กๆ ยืนอยู่ข้างๆอย่างเชื่อฟัง
ฟังจบ หูของเจียงสื้อสื้อก็แดงขึ้นมาอย่างรวดเร็ว พูดเบาๆว่า “เสี่ยวเป่า อย่าพูดมั่วซั่ว”
จิ้นเฟิงเฉินมองเจียงสื้อสื้อที่เขินอายเช่นนี้ เป็นอย่างที่เสี่ยวเป่าพูดจริงๆ ราวกับว่าแผลบนตัวไม่เจ็บแล้ว
แต่เพื่อทำให้บรรยากาศที่เก้อเขินอยู่นี้ลดลง เขากระแอม มองไปที่เสี่ยวเป่าด้วยไปหน้าที่เคร่งขรึม น้ำเสียงเด็ดขาด
“เสี่ยวเป่า หนูและเถียนเถียนออกไปก่อน แด๊ดดี๊และหม่ามี๊มีเรื่องต้องคุยกัน”
เสี่ยวเป่าแสดงออกว่า “ผมเข้าใจ” ในตอนที่วิ่งไปถึงประตูยังไม่ลืมที่เสริมมาประโยคนึง “แด๊ดดี๊ หม่ามี๊ พูดถึงเรื่องในอดีตกันดีๆนะครับ”
เสียงของเด็กน้อยพึ่งจบ เงาของเด็กน้อยที่ประตูห้องก็ไม่อยู่แล้ว
เถียนเถียนยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น หลังจากแค่เห็นก้นของเสี่ยวเป่าก็วิ่งไปแล้ว
เจียงสื้อสื้อเหลือบตาขึ้นมา รู้สึกว่าที่แก้มยังร้อนอยู่เล็กน้อย มองซ้ายขวาและพูดกับเขาว่า “คุณใส่เสื้อก่อนเถอะ ฉันจะไปเทน้ำให้คุณ”
พูดและก็จะออกไป แต่จิ้นเฟิงเฉินกลับดึงมือเธอเอาไว้ พูดอย่างยอมแพ้ซึ่งหาได้ยาก “คุณบอกจะทายาให้ผมไม่ใช่เหรอ ทำไมตอนนี้จะไปแล้วหล่ะ?”
แรงของเขาค่อนข้างเยอะ เจียงสื้อสื้อไม่มีทางสู้ได้ แค่รู้สึกว่าบริเวณข้อมือร้อนขึ้นมาอย่างกะทันหัน
และยังสบตากับชายคนนั้นอย่างตรงไปตรงมาอีก เธอรู้สึกว่าอุณหภูมิทั้งร่างกายสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที
แต่ว่า เพราะอยู่ไม่ไกลกัน เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกได้ถึงลมหายใจที่ร้อนมากของเขา เธออดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ยกมือขึ้นไปลูบบนหน้าผากของเขา มือบางที่เย็นเจี๊ยบทำให้ในใจจิ้นเฟิงเฉินรู้สึกเย็นๆ
คนคนนี้เป็นไข้แล้ว ยังไม่ยอมรับอยู่แบบนี้
“เป็นขนาดขนาดนี้แล้ว ยังจะโอ้อวดอีก”
น้ำเสียงของเจียงสื้อสื้อทั้งเป็นห่วงและตำหนิ
พูดจบ ก็เก็บมือกลับมา พูดต่อว่า “ไม่เช่นนั้นคุณนอนพักสักหน่อย? ฉันจะไปต้มน้ำมาให้คุณ”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องมองหางตางอนที่งดงามของเจียงสื้อสื้อ เพราะไข้สูง เสียงก็แหบ ยิ่งดึงดูดใจคน
“งั้นคุณนอนเป็นเพื่อนผมไหม?”
สายตาสว่างวาบ เหมือนกับดาวในท้องฟ้าตอนกลางคืน
แค่ประโยคธรรมดาๆ ก็ทำให้ใจของเจียงสื้อสื้อเต้นผิดจังหวะได้
ใบหน้าที่เมื่อกี้ยังเป็นสีซีดแก้มแดงเป็นเลือดฝาดเพิ่มขึ้นมาหนึ่งชั้นในฉับพลัน สัมผัสได้ถึงความร้อนบนใบหน้า เจียงสื้อสื้อหันหน้าไปอย่างเขินอาย แกล้งทำเป็นโมโห “ไม่อยู่!”
น้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมั่นคง ต่อรองไม่ได้
จิ้นเฟิงเฉินทายผลสุดท้ายได้นานแล้ว แต่ในตอนที่ประโยคนี้ออกมาจากปากของเจียงสื้อสื้อจริงๆนั้น ในใจก็ยังมีความหดหู่ทะลักออกมาอยู่ดี ดวงตามืดมน
วินาทีต่อมา เขาเหลือบตาขึ้น ดวงตาจ้องมองไปที่ผู้หญิงตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง มุมปากยกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ หัวเราะเย้ยหยันและพูดว่า “ผมล้อเล่น คุณไปนอนที่ห้องข้างๆก็ได้”