ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 724 ลางสังหรณ์
บทที่ 724 ลางสังหรณ์
“ค่ะ แล้วฉันจะรอนะ” เจียงสื้อสื้อลูบไปที่ศีรษะน้อยๆของเขาแล้วยิ้มออกมา
เมื่อพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็เดินหันหลังจากไปโบกแท็กซี่และขึ้นรถ
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ในชุดลำลองสีดำยืนอยู่ที่หน้าต่างสไตล์ฝรั่งเศส มือของเขาล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ดวงตาอันลึกซึ้งมองไปยังเจียงสื้อสื้อที่จากไป
แสงแดดอันอบอุ่นส่องมายังร่างกายของเขา ปัดเป่าความเยือกเย็นออกไปจนสิ้น
เมื่อพบว่าเขาไม่ขยับตัวไปไหนสักที เสี่ยวเป่าจึงได้มองดูจิ้นเฟิงเฉินและพูดขึ้นว่า “แด๊ดดี้ครับ หม่ามี๊ไปแล้วนะ”
จิ้นเฟิงเฉินจึงได้สติกลับคืนมา เขาก้มหน้ามองดูเสี่ยวเป่าแล้วยิ้มด้วยความอบอุ่นว่า “ครับ แด๊ดดี้รู้แล้ว”
อีกฝั่งหนึ่ง หลังจากที่เจียงสื้อสื้อชำระเงินค่าแท็กซี่เรียบร้อย เธอก็ลงจากรถและเดินเข้าไปยังลิฟต์ของโรงพยาบาล หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูข่าวอย่างทุกที
เมื่อได้ยินเสียงดัง “ติ๊ง!” ประตูลิฟต์ก็เปิดออก เจียงสื้อสื้อถึงได้เงยหน้าแล้วเดินออกไป
เพียงแต่ในใจของเธอมีความวิตกกังวลเล็กน้อย
เมื่อคืนนี้ฝู้จิงเหวินคงไม่ได้มาใช่ไหม……
ไม่อย่างนั้นถ้าหากว่าหาเธอไม่เจอ ฝู้จิงเหวินคงจะติดต่อกับเธอแน่
หลังจากนั้นเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดดู และไม่พบข้อความจากฝู้จิงเหวิน
เธอคิดไปพลางเดินมาจนกระทั่งถึงหน้าห้องพักผู้ป่วยของเธอ
งที่ดึงดูดสายตาที่สุดนั่นก็คือภาพที่พยาบาลกำลังก้มลงกวาดพื้น
เดิมทีเจียงสื้อสื้อนั้นยังไม่ทันได้สังเกต เพียงแต่ว่าเมื่อเดินเข้าไปใกล้และมองดูพยาบาลที่สวมหน้ากากอนามัยเอาไว้เธอก็ขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย
ทำไมเธอไม่คุ้นตาเลย?
เธออดที่จะสงสัยไม่ได้
พยาบาลคนนั้นเงยหน้ามองดูเธอแล้วพยักหน้าเล็กน้อยเป็นการทักทาย
แม้ว่าเจียงสื้อสื้อเองจะงุนงง แต่เธอก็พยักหน้ากลับอย่างสุภาพ จากนั้นถอดรองเท้าขึ้นไปนอนบนเตียง
ความสนใจของเธอยังคงจับจ้องอยู่ที่พยาบาลคนนั้น เธอรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป
หลังจากที่พยาบาลจัดการธุระของตัวเองเรียบร้อยแล้ว เธอจึงได้เงยหน้าแล้วถามขึ้นว่า “คุณเหมือนไม่ใช่คนก่อนหน้านี้ พยาบาลคนนั้นไปไหนแล้วล่ะคะทำไมถึงเปลี่ยนคนเร็วจัง?”
พยาบาลคนนั้นราวกับไม่ได้ยินคำถามของเจียงสื้อสื้อ เธอหยิบไม้กวาดเดินออกไป
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความงงงวย แต่ก็ไม่ได้คิดมาก
หลังจากที่เธอตั้งใจจะนอนพักผ่อนสักหน่อยแต่ยังไม่ทันจะได้เอนตัวลงนอน พยาบาลคนที่เดินออกไปเมื่อสักครู่ก็กลับมาอีกครั้งหนึ่ง
“คุณเจียงจะหลับแล้วเหรอคะ?”
พยาบาลสาวพูดขึ้นและตามด้วยประโยคว่า “เมื่อสักครู่ฉันออกไปเก็บไม้กวาดค่ะ”
เจียงสื้อสื้อส่ายหัวแล้วหยิบหมอนมา 2 ใบอิงไว้ที่หลังก่อนจะอธิบายว่า “ตอนแรกฉันคิดว่าคุณยุ่งอยู่ ก็เลยจะนอนพักสักหน่อยค่ะ”
พยาบาลคนนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความแปลกหน้า เธอย้ายเก้าอี้ไปตรงเตียงของเจียงสื้อสื้อ
หลังจากที่ถอดหน้ากากอนามัยออก ก็พบว่าเธอมีหน้าตาสวยงามและเป็นสไตล์ตะวันตก
เธอนั่งลงตรงข้างๆเตียงของเจียงสื้อสื้อ ก่อนหันไปยิ้มแล้วตอบคำถามเมื่อสักครู่ว่า “พยาบาลคนก่อนหน้านี้ถูกย้ายไปห้องผู้ป่วยอื่นแล้วค่ะ เนื่องจากมีเรื่องอื่นที่จำเป็นต้องให้เธอไปทำ ตอนนี้เปลี่ยนให้ฉันมาดูแลคุณแทน ฉันชื่อว่าไคทลินนา”
ยังไม่ทันพูดจบเธอก็ยื่นมือออกไปและทักทายอย่างใจดี
เจียงสื้อสื้อเองก็ไม่ได้รังเกียจ เธอยื่นมือออกไปจับและยิ้มขึ้นเล็กน้อยเผยให้เห็นลักยิ้มสองแก้ม “สวัสดีค่ะ ฉันชื่อเจียงสื้อสื้อ”
เดิมทีเสียงของเธอก็น่าฟังอยู่แล้ว แต่ตอนนี้เสียงของเธอแหบแห้งเล็กน้อยเนื่องจากอาการเจ็บป่วยยิ่งทำให้น่าฟังมากขึ้น
“เสียงของคุณเจียงไพเราะจริงๆค่ะ”
ไคทลินนาเอ่ยชม ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยยิ้ม
เนื่องจากถูกชม ดังนั้นเจียงสื้อสื้อจึงได้ยิ้มอย่างเขินอาย “คุณไคทเองก็สวยงามมากเลยนะคะ ช่วงนี้คงต้องรบกวนคุณด้วยนะคะ”
แม้จะบอกว่าในใจเธอยังคงสงสัยอยู่บ้างเล็กน้อย เนื่องจากผู้หญิงอย่างไคทลินนานี้ไม่น่าจะมาเป็นพยาบาลได้
ดูจากการแต่งตัวและวิธีการพูดของเธอไม่เหมือนกับคนธรรมดาทั่วไปอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่เรื่องที่เธอจะจัดการได้
แสงแดดนอกหน้าต่างสาดส่องเข้ามา ทำให้รอยยิ้มของเจียงสื้อสื้องดงามมากขึ้น
ไคทลินนาลุกขึ้นยืนแล้วตอบว่า “นี้เป็นหน้าที่ของฉันที่ควรทำค่ะ”
หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไปรับยาและเข็มฉีดยาเข้ามา หลังจากไล่อากาศออกจากหลอดเรียบร้อยแล้วเธอก็อธิบายกับเจียงสื้อสื้อว่า “นี่เป็นยาต้านการอักเสบ ในวันนี้ฉีดให้คุณเข็มหนึ่งจะช่วยให้ฟื้นตัวได้”
ใบหน้าของเธอไม่ได้หัวเราะอย่างที่เคยแต่กลับดูจริงจังขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าบาดแผลของเธอกำลังอักเสบ ดังนั้นจึงไม่ได้คิดอะไรมาก ยืดแขนของเธอออกไปทันที
แล้วตาจ้องมองไปที่เข็มฉีดยาจากนั้นหลับตาลงโดยอัตโนมัติ เพื่อเป็นการปิดกั้นความกลัวเอาไว้ในดวงตา
ประมาณ 10 วินาทีผ่านไป ไคทลินนาก็ดึงเข็มฉีดยาออกและพูดด้วยน้ำเสียงอันน่าฟังว่า “เรียบร้อยแล้วค่ะ”
ท่าทางของเธอดูคล่องแคล่วมากจนเจียงสื้อสื้อไม่รู้สึกถึงความเจ็บ
จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เสร็จแล้วเหรอคะ?”
พยาบาลที่มาใหม่คนนี้ฝีมือเยี่ยมขนาดนี้เชียว?
เธอไม่มีความรู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ……
เจียงสื้อสื้อมองไปทางไคทลินนาด้วยความเหลือเชื่อ ดวงตาของเธอแสดงออกถึงความชื่นชมอย่างสุดซึ้ง
อาจจะเป็นเพราะถูกเธอจ้องมองเสียจนเขินอาย ไคทลินนาจึงได้ยิ้มออกมา ดวงตากลมโตของเธอกะพริบขึ้น
“ตอนที่ฉันฝึกงาน ฉันได้เรียนรู้วิธีการฉีดยามาอย่างดี ดังนั้นหลายๆคนที่ฉีดยากับฉันมักจะบอกว่าไม่เจ็บเลย”
“อ้อ เหรอคะ” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าตอบรับ
“เดี๋ยวฉันออกไปข้างนอกสักครู่นะคะ” ไคทลินนาพูดแล้วหันหลังเดินจากไป
เมื่อตอนที่เดินไปถึงประตู มุมปากของเธอก็ขยับขึ้นเล็กน้อยแสดงออกถึงรอยยิ้มอันชั่วร้าย
การที่อยู่คนเดียวในห้องคงหลีกเลี่ยงกับความเหงาไปไม่ได้ ภายในห้องเต็มไปด้วยกลิ่นของน้ำยาฆ่าเชื้อ
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเข้าหากัน และมองออกไปยังนอกหน้าต่าง
แสงแดดในห้องนั้นค่อนข้างดีทีเดียว แต่ตรงหน้าต่างถูกต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่งขวางเอาไว้
ใบไม้ที่หนาแน่นปิดกั้นแสงอันเจิดจ้า ดังนั้นแสงแดดที่ส่องเข้ามาจึงค่อนข้างอ่อนโยน
ทันใดนั้นโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น ทำให้สติของเธอกลับคืนมา
เธอก้มหน้าลงมองโทรศัพท์มือถือในมือที่ดังขึ้น
เธอเห็นชื่อของคนที่โทรเข้าคือ จิ้นเฟิงเฉิน
ในใจลึกๆของเธอนั้นตื่นเต้นเล็กน้อย
เธอเลื่อนลงไปกดปุ่มรับสายและพูดด้วยน้ำเสียงอันเบาว่า “สวัสดีค่ะ?”
ฝ่ายตรงข้ามเงียบไปสักครู่ก่อนจะเอ่ยพูดขึ้นว่า “ถึงโรงพยาบาลแล้วใช่ไหมครับ?”
“ค่ะ ถึงได้สักพักแล้ว”
“การตรวจร่างกายวันนี้ตรวจเสร็จหรือยังครับ?”
“เรียบร้อยแล้วค่ะ วันนี้ฉีดยาแก้อักเสบไป 1 เข็ม”
ทั้งสองคนคุยกันไปมาด้วยบทสนทนาอันน่าเบื่อ ทันใดนั้นทั้งคู่ก็นิ่งเงียบลง
อากาศคล้ายกับหยุดลงอยู่กับที่ เจียงสื้อสื้อกำลังคิดว่าเขาวางสายไปแล้วหรือเปล่า แต่จู่ๆเสียงโทรศัพท์อีกฝ่ายหนึ่งก็ดังขึ้นมาว่า
“ไม่มีอะไรผิดปกติใช่ไหม?”
น้ำเสียงอันแหบแห้งนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใย
วินาทีนี้เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าหัวใจของเธอเต้นโครมครามผิดจังหวะไปหลายครั้ง แต่เธอก็ยังคงตอบอย่างนิ่งเงียบว่า
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ คุณวางใจได้”
“ครับ”
เมื่อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่างก็วางสายลง แววตาของเขาจับจ้องไปที่ด้านหน้า
ตาขวาของเขากระตุกอยู่หลายที เขารู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ดีกำลังจะเกิดขึ้น
จึงได้โทรศัพท์หาเจียงสื้อสื้อ
ในเมื่อเธอไม่เป็นอะไร เขาเองก็โล่งอกเช่นกัน เพียงแต่ไม่รู้ว่าลางสังหรณ์นี้เขาคิดมากเองไปหรือเปล่า
หลังวางสายลง เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเบื่อจนงีบหลับไป
ในขณะที่เธอกำลังหลับฝันอยู่นั้น ก็รู้สึกว่ามีบางอย่างกำลังเคลื่อนไหว เธอจึงได้พยายามลืมตาขึ้นอย่างลำบาก และเมื่อลืมตาขึ้นก็พบหน้าอันกลมเหมือนตุ๊กตาของเถียนเถียน
ความง่วงเหงาหาวนอนหายไปในทันที
“เถียนเถียน มาได้ยังไงกันคะ?”
น้ำเสียงของเธอดูกระตือรือร้น ฝู้จิงเหวินที่นั่งอยู่ข้างๆรีบลุกขึ้นแล้วเดินไปหาเธอ
“อย่าตื่นเต้นมากสิครับ ระวังจะ โดนแผลนะ”
น้ำเสียงอันสง่างามแต่กลับดูห่างเหิน