ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 735 ราคาหุ้นตก
บทที่ 735 ราคาหุ้นตก
ฝู้กรุ๊ป
มองหน้าจอโทรศัพท์ที่ดับลงไปแล้ว ฝู้จิงเหวินโยนโทรศัพท์ออกไปอย่างโหดร้าย
ในตอนนี้ ผู้ช่วยถือเอกสารเดินเข้ามา เห็นฝู้จิงเหวินมีท่าทีฉุนเฉียวเช่นนี้ ก็ตกใจกลัวไปชั่วขณะ พูดอย่างเกรงกลัวว่า “ประธานฝู้……นี่คือตารางงานต่อไปครับ”
หันตัวกลับมามองตารางงาน สั่งว่า “งานหลังสองทุ่มยกเลิกให้หมด ฉันมีธุระ”
ผู้ช่วยได้รับคำสั่งก็รีบออกไปทันที เขาไม่ยากได้รับความหายนะ
คิดถึงเจียงสื้อสื้อตอนนี้กำลังมีท่าทีฉันๆคุณอยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน ฝู้จิงเหวินก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้
ชัดเจนว่าตัวเองสิ้นเปลืองแรงกายแรงใจก็ไม่สามารถเป็นคนได้รับ จิ้นเฟิงเฉินแค่ปรากฏตัวก็สามารถทำได้อย่างง่ายได้
ไม่ ใครก็ไม่สามารถแย่งเจียงสื้อสื้อไปได้!
หลังจากที่ตัดสินใจอยู่ในใจแล้ว ฝู้จิงเหวินหยิบเสื้อสูทขึ้นมาและลุกออกไป
บ้านพักตระกูลจิ้น
เจียงสื้อสื้อกำลังเล่นอยู่กับลูกทั้งสองอย่างมีความสุข กระโปรงสีขาวบนตัวดูสีเดิมไม่ออกแล้ว
ครั้งนี้เจียงสื้อสื้อปล่อยตามใจตัวเองอย่างไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยนัก
เล่นกับลูกๆ ทำให้เธอลืมเรื่องวุ่นวายในชีวิตไปชั่วคราว
เล่นจนเหนื่อยแล้ว เธอและลูกทั้งสองคนนั่งอยู่บนพื้นในลานบ้าน
เงยหน้ามองท้องฟ้า มองภาพพระอาทิตย์ตกดิน
แสงอาทิตย์สาดมาบนตัวของเจียงสื้อสื้อ มีแสงอบอุ่นนุ่มนวลเคลือบอยู่บนผิวของเธอ
ในตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเดินมา ก็มองเห็นภาพที่ทั้งสามคนกำลังนั่งอยู่ที่พื้นด้วยกัน
สีหน้าอบอุ่นมากยิ่งขึ้น “อาหารทำเสร็จแล้ว”
“โอเค”
เจียงสื้อสื้อส่งเสียงตอบรับ พาลูกทั้งสองคนลุกขึ้น
หลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็จะพาเถียนเถียนกลับบ้าน
เสี่ยวเป่าดึงมุมเสื้อของเถียนเถียนไว้ด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์ พูดอ้อนวอนว่า “หม่ามี๊ครับ น้องไม่ไปได้ไหม? ผมก็ดูแลเธอได้นะครับ”
ดวงตาคู่โตของเถียนเถียนก็เต็มไปด้วยความทำใจไม่ได้ เขย่าข้อมือของเจียงสื้อสื้อ “หม่ามี๊ เถียนเถียนไม่อยากแยกจากพี่ชาย”
เห็นทั้งสองคนมีท่าทีอาลัยอาวรณ์ที่จะจากไป เจียงสื้อสื้อก็ถอนหายใจออกมา “เสี่ยวเป่า ตอนนี้เถียนเถียนต้องกลับบ้านถึงจะถูก แต่ว่า พอมีเวลาหม่ามี๊จะพาเธอมาเล่นกับเสี่ยวเป่า โอเคไหมครับ?”
เสี่ยวเป่าได้ยินอย่างนั้น ปล่อยมือน้อยๆออกไปอย่างเข้าใจ “งั้นโอเคครับ หม่ามี๊ต้องจำไว้ว่าต้องพาน้องมาแน่นอนนะครับ”
“แน่นอน”
พูดจบ เจียงสื้อสื้อก็อุ้มเถียนเถียนขึ้นมา ไปทางจิ้นเฟิงเฉิน “ขอบคุณที่หลายวันมานี้คุณดูแลเถียนเถียน”
“ไม่เป็นไร เป็นหน้าที่ที่ผมควรจะทำอยู่แล้ว” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างไม่ใส่ใจ
ยังไงเถียนเถียนก็เป็นลูกสาวของผม
ประโยคนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้พูดออกมา ตอนนี้ความทรงจำของเธอยังไม่กลับมา จิ้นเฟิงเฉินก็กลัวว่าจะไปกระตุ้นเธอ
วินาทีต่อมา เขาอุ้มเถียนเถียนจากในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อมาและพูดว่า “ดึกขนาดนี้แล้วคุณอย่าเรียกรถกลับไปเลย ผมจะไปส่งพวกคุณแม่ลูกเอง”
เดิมทีเจียงสื้อสื้ออยากจะปฏิเสธ แต่ยังไม่รอให้เธออ้าปากจิ้นเฟิงเฉินก็เดินไปไกลแล้ว
เถียนเถียนกอดต้นคอของจิ้นเฟิงเฉินอย่างเบิกบานใจ ภาพนี้ทำให้เจียงสื้อสื้อกลืนไม่เข้าคายไปออกไปชั่วขณะ
ถึงตอนนี้ เด็กน้อยคนนี้กลัวว่าจะลืมการมีอยู่ของเธอที่เป็นแม่แท้ๆ
ความเร็วรถของจิ้นเฟิงเฉินไม่เร็วนัก หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมงก็ถึงบ้านตระกูลฝู้
ฝู้จิงเหวินที่อยู่ข้างบนมองเห็นรถที่ขับเข้ามา คิ้วขมวดแน่น
วางแก้วไวน์ในมือลง และเดินลงไปข้างล่าง “คุณจิ้น ไม่เจอกันนานนะครับ ขอบคุณมากที่ส่งสื้อสื้อกลับมา”
พูดจบ ฝู้จิลงเหวินก็มาหยุดยืนอยู่ข้างๆเจียงสื้อสื้อ โอบไหล่ของเธอ ลักษณะเป็นเจ้าของ
รู้สึกได้ถึงสัมผัสของฝู้จิงเหวิน เจียงสื้อสื้ออยากจะดิ้นให้หลุดออก แต่แรงของผู้ชายเธอไม่สามารถสู้ได้
เห็นมือของเขาวางอยู่บนบ่าขอบเจียงสื้อสื้อ สายตาของจิ้นเฟิงเฉินก็เคร่งขรึมขึ้นมาในทันที พูดด้วยน้ำเสียงต่ำๆ “ดูแลเธอให้ดี”
พูดประโยคนี้จบ จิ้นเฟิงเฉินก็หมุนตัวออกไป
พอรถเคลื่อนไปไกล มือของฝู้จิงเหวินก็ค่อยๆปล่อยออก
เจียงสื้อสื้อมองไปทางฝู้จิงเหวินด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง ไม่ได้พูดอะไร
กลับมาถึงมา ทั้งสองคนก็ไม่ได้พูดอะไร
แต่ว่า ฝู้จิงเหวินรู้สึกได้ว่าเจียงสื้อสื้อต่อต้านเขา
เปลวไฟแห่งความอิจฉากำลังเผาไหม้อยู่ในใจ
วันต่อมา ข่าวการร่วมมือกันของจิ้นกรุ๊ปและฝู้กรุ๊ปเรื่องโรงไวน์ก็ถูกประกาศออกไป
ครั้งนี้นับเป็นการร่วมมือครั้งใหญ่ที่ไม่เคยมีมาก่อน
JSกรุ๊ปแทบจะผูกขาดธุรกิจทั้งหมดของไร่องุ่นฝู้ซื่อ
ดึงดูดความต้องการของตลาดมาได้มากมายในทันที
กู้เนี่ยนเองก็รู้ว่าควรจะมีลูกเล่นอะไรเพื่อทำให้ยิ่งใหญ่
มองใบสั่งสินค้าที่ค่อยๆเพิ่มพูน จิ้นเฟิงเฉินก็สั่งให้มิรันดีไปยืนยันเรื่องการนำเข้าสินค้า
เขาเป็นผู้จัดการแผนกจำหน่ายสินค้า สำหรับความสามารถของเขาแล้ว จิ้นเฟิงเฉินยังคงวางใจได้
JSกรุ๊ปทำไวน์ระดับไฮเอนด์มาโดยตลอด ดังนั้นพอออกสู่ตลาด ก็ได้รับความชมเชยอย่างเป็นเอกฉันท์ในทันที ยอดขายเป็นไปตามเป้าหมาย
คืนวันนี้ มิรันดีทำโอทีอยู่ที่บริษัท จู่ๆโทรศัพท์ก็มีเสียง “ติ้ง” ดังออกมา
เห็นเนื้อหาแวบหนึ่ง มิรันดีก็อยู่ไม่สุขแล้ว
มองรอบด้านไม่มีใครอยู่ เขาหยิบกระเป๋าเอกสารขึ้นมาและเดินออกไป
มาถึงร้านอาหารร้านหนึ่ง มองเห็นคนคนหนึ่งที่ปิดหน้ามิดชิดกำลังกวักมือเรียกเขาจากมุมหนึ่ง
มิรันดีเดินไปอย่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง คนคนนั้นหยิบถุงกระดาษสีน้ำตาลออกมาสามอัน พูดว่า “นี่สามแสนหยวน เป็นเงินเดือนที่คุณต้องทำงานอย่างยากลำบากเป็นครึ่งปีถึงจะหามาได้ คุณเอาไปก่อน รอหลังจากที่เรื่องสำเร็จ ยังมีของขวัญชิ้นใหญ่รอคุณอยู่”
มองเห็นถุงกระดาษสีน้ำตาลหนาๆที่อยู่ข้างหน้า มิรันดีขมวดคิ้วถาม “จะให้ผมทำอะไร?”
“ง่ายมาก ฉันแค่ต้องการให้JSกรุ๊ปสูญเสียทรัพย์สินเงินทองนิดหน่อยเท่านั้นเอง เพิ่มสิ่งนี้เข้าไปในสินค้าล็อตนี้ ก็นับว่าสำเร็จ”
คนคนนั้นพูดและหยิบกล่องหนึ่งกล่องออกมาจากหน้าอกวางไว้บนโต๊ะ
รู้ว่ามิรันดีกำลังลังเลอะไร คนคนนั้นก็พูดเสริมต่ออีกว่า “รอคุณทำเรื่องนี้เสร็จ ฉันรับรองว่าจะให้เงินที่น่าพอใจกับคุณก้อนหนึ่ง และก็รับรองความปลอดภัยของคุณด้วย
แม้คุณทำงานกับจิ้นเฟิงเฉินที่นี่ทั้งชีวิต ก็เป็นได้เพียงแค่ผู้จัดการฝ่ายขายตัวเล็กๆเท่านั้น แต่พอมีเงินก้อนนี้ คุณสามารถเอาไปทำในสิ่งที่ตัวเองอยากทำได้”
ชายหนุ่มค่อยๆโน้มน้าวตามลำดับอย่างมีขั้นตอน มิรันดีลังเลอยู่สักพัก ก็นำของเก็บเข้าไปในหน้าอก
“วางใจได้ ผมจะทำเรื่องนี้อย่างนี้”
พูดจบ เขาก็หยิบห่อบนโต๊ะและออกไปจากร้านอาหาร
มองเงาของมิรันดีเดินออกไปไกล ชายหนุ่นก็ปรากฏรอยยิ้มออกมา
ไวน์ของJSกรุ๊ปทำยอดขายได้น่าพอใจ แต่ในขณะเดียวกันก็เกิดปัญหา
ในไวน์ล็อตใหม่ที่ออกสู่ตลาดถูกพบว่ามีสารอันตราย มีลูกค้าคนหนึ่งหลังจากดื่มเข้าไป ปรากฏอาการแพ้ ถูกส่งไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล
ไวน์เกิดปัญหา ทันทีที่ทางจิ้นเฟิงเฉินได้รับแจ้ง
ในคืนเดียวกันนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็รีบเรียกประชุมทันที เรียกคืนไวน์ล็อตนี้ทั้งหมด
เพื่อลดความเสียหายให้น้อยที่สุด
เรื่องคราวนี้ส่งผลกระทบกับJSกรุ๊ปเป็นอย่างมาก ยังไงไวน์ก็ถูกจำหน่ายออกไปทั้วโลกภายใต้ชื่อของJSกรุ๊ป
วันต่อมาก็เริ่มมีคนมาเรียกร้องค่าเสียหาย ชั้นล่างของJSค่อยๆมีคนรวมตัวมากขึ้น
มองลงไปที่คนด้านล่าง จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว
กู้เนี่ยนนำตัวเลขสถิติส่งให้จิ้นเฟิงเฉินและถามว่า “บอสครับ หุ้นของบริษัทเราตกลงอย่างรวดเร็ว คุณดูนี่จะต้องแก้ไขปัญหายังไงครับ?”