ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 738 คุณไม่ร้องไห้แล้วก็โอเค
บทที่ 738 คุณไม่ร้องไห้แล้วก็โอเค
แต่เมื่อวานที่เขาเรียกประชุมนักข่าวทั้งหมด อาจจะเรียกเร็วเกินไปสักหน่อย
เหมือนกับว่ารู้ล่วงหน้าได้ ชั่วพริบตาเดียวก็คิดวิธีตอบโต้ได้แล้ว
ไม่สนใจสีหน้าของเจียงสื้อสื้อที่อยู่ข้างๆ ฝู้จิงเหวินพูดเสนอขึ้นมา “ในเมื่อทุกคนตัดสินใจกันได้แล้ว งั้นพวกเรามาลงคะแนนเสียงกันดูเถอะ คนที่เห็นด้วยกับการยุติการร่วมมือยกมือขึ้นได้”
คนตำแหน่งสูงและบรรดาหุ้นส่วนที่นั่งอยู่รอบๆพากันลงความเห็นให้ยุติการร่วมมือ
ฝู้จิงเหวินมองกวาดสายตาไปรอบๆ มุมปากมีรอยยิ้มบางๆ
สายตาของเขาหยุดอยู่ที่เจียงสื้อสื้อ หยุดชะงักไป
เจียงสื้อสื้อสังเกตุเห็น เธอเหลือบตาขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ฝู้จิงเหวินด้วยสายตามืดครึ้มไม่สว่าง รู้สึกได้เพียงความอึดอัดอยู่ในอก
รู้สึกอย่างไม่ชัดว่ามีอะไรบางอย่างปิดบังความจริงเรื่องนี้อยู่ ปกคลุมดวงตาของทุกคน
คิดถึงสถานการณ์ของทางจิ้นเฟิงเฉิน ในใจก็รู้สึกวุ่นวาย
ก่อนที่ฝู้จิงเหวินจะอ้าปากพูด เธอก็ลุกขึ้นอย่างเงียบๆ เดินออกจากห้องประชุมไป
กระดูกสันหลังตรงดิ่ง แต่มองขึ้นไป แสดงออกคความเคร่งขรึมเล็กน้อย
ออกจากห้องประชุมแล้ว เจียงสื้อสื้อก็กลับไปที่ห้องทำงานของตัวเอง
แค่ชั่วพริบตาเดียว ก็เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้ เจียงสื้อสื้อยังไม่ทันจะได้พัก
ไตร่ตรองเรื่องที่พึ่งจะเกิดขึ้น เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะคลึงขมับ จิตใจยิ่งไม่เป็นสุข
สภาพการณ์แบบในตอนนี้ เป็นสิ่งที่พวกเขาทุกคนไม่ต้องการ
ถ้าหากว่าตอนนี้ยุติการร่วมมือ สำหรับฝู้กรุ๊ปแล้วเป็นทางเลือกที่ดีอย่างแน่นอน
ยุติการร่วมมือ ก็เป็นเพียงแค่การลดผลกระทบที่ไม่ดีต่อฝู้กรุ๊ปให้น้อยที่สุดเพียงเท่านั้น
ยืนอยู่ในตำแหน่งของบรรดาผู้ถือหุ้น เลือกยุติการร่วมมือ หยุดความเสียหายในทันทีไม่มีอะไรให้ติเตียนได้มากมายนัก เจียงสื้อสื้อก็ไม่มีคำไหนจะพูด
แต่ว่า เธอใจไม่แข็งพอที่จะทำจิ้นเฟิงเฉินได้ลง
ตอนนี้พวกเขาเดิมก็อยู่ในสถานที่ต่อสู้ทางสังคม ถ้าหากว่าตอนนี้จะยุติการร่วมมือ ผลกระทบต่อพวกเขานั้นต้องยิ่งใหญ่มากอย่างแน่นอน
เจียงสื้อสื้อโทษตัวเอง เดิมทีโครงการนี้ก็เป็นเขาที่รับผิดชอบมาโดยตลอด
แต่ตอนนี้เกิดเรื่องขึ้น เผชิญหน้ากับวิธีการที่กำหนดไว้แล้วของบรรดาหุ้นส่วน เธอกลับไม่มีวิธีแม้แต่นิดเดียว ช่วยอะไรจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้
คิดอยู่สักพัก เจียงสื้อสื้อมองเอกสารบนโต๊ะ รู้ว่าไม่สามารถนั่งอยู่เฉยๆแบบนี้ได้
หลังจากเธอทำงานในมือเสร็จ ก็ลุกขึ้นวางแผนว่าจะไปJSกรุ๊ป
นี่เป็นโครงการที่เธอรับผิดชอบ ถึงแม้ว่าจะยุติลงแล้ว เธอก็จำเป็นต้องพูดเหมือนกันทั้งสองฝ่าย
โดยเฉพาะทางด้านจิ้นเฟิงเฉิน
นั่งอยู่ในรถแท็กซี่ มองดูทิวทัศน์นอกหน้าต่างที่ผ่านไปเร็วปานลมกรด เธอก็อดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น
ไม่นานรถก็มาถึงJSกรุ๊ป หลังเธอลงจากรถ มองสิ่งปลูกสร้างใหญ่โตมโหฬารด้านหน้า ในใจก็อดไม่ได้ที่จะลุกลี้ลุกลนมาก
เจียงสื้อสื้อขึ้นตึกไป ยืนอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉิน สูดหายใจเข้าลึกๆ ยกมือไปเคาะประตู
เสียงที่ดังออกมาจากข้างในแหบเล็กน้อย “เข้ามา”
ผลักประตูเข้าไป เจียงสื้อสื้อเห็นเขายืนอยู่หน้าหน้าต่าง เบื้องหลังเงียบเหงาและยังอ้างว้างเป็นอย่างมาก
ไม่มีใครรู้ว่าบนบ่าของจิ้นเฟิงเฉินแบกรับภาระและความรับผิดชอบไว้หนักแค่ไหน
นานมากที่คนที่เข้ามาไม่พูด จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วและหันหลังมา
แต่ในตอนที่เห็นเธอ หว่างคิ้วก็คลายออกทันที สายตาอ่อนโยนที่เป็นของเธอโดยเฉพาะ ทำให้คนรอบข้างอิจฉา
เห็นความลังเลและโทษตัวเองในตาของเจียงสื้อสื้อ พอจะเดาออกว่าเพราะเรื่องอะไรเธอถึงมาหาตัวเอง
“ฉันผิดเองที่ทำให้เกิดเรื่องในขณะนี้ ขอโทษจริงๆ”
ในตอนที่พูดประโยคนี้ เจียงสื้อสื้อหลบตาลงเล็กน้อย ไม่กล้าจะสบตากับเขาโดยตรง ในใจเต็มไปด้วยความละอายใจ
จริงๆแล้วต่อให้เรื่องนี้เกี่ยวข้องหรือไม่เกี่ยวข้องกับเธอ จิ้นเฟิงเฉินก็จะไม่โทษเธอ
ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นใคร ก็จะตัดสินใจเลือกร่วมมือกับทางนี้
บนตลาดธุรกิจ เป็นเช่นนี้แต่ไหนแต่ไรมา
ไม่ต้องพูดถึงคำว่าเพื่อนพี่น้องโดยสิ้นเชิง ทุกความเอาใจใส่ความเป็นอยู่ของคนอื่นทั้งหมดก่อให้เกิดผลประโยชน์ทั้งนั้น
“ผมรู้ ผมเข้าใจ คุณไม่ต้องขอโทษผม”
จิ้นเฟิงเฉินเจ็บปวดใจกับท่าทางแบบนี้ของเธอ ลูบหัวของเธอเพื่อปลอบโยน
“ฉันรู้สึกผิดจริงๆ แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่รู้ว่าจะสามารถทำอะไรได้”
พูดจบ ดวงตาเจียงสื้อสื้อก็แดงเล็กน้อย
เห็นอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด พูดปลอบใจเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไร นี่ไม่ใช่ความผิดของคุณ ไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลย คุณไม่ต้องเอาใจใส่มากขนาดนี้ ไม่จำเป็นต้องเอาไปใส่ใจเข้าใจไหม? ผมจะจัดการเรื่องราวให้เหมาะสม หือ?”
จิ้นเฟิงเฉินเห็นเจียงสื้อสื้อมีท่าทีแบบนี้ เจ็บปวดใจมากจริงๆ
ถึงแม้ว่าเรื่องจะจัดการยากมากกว่านี้ก็จะมีวิธีแก้ไขได้
เขาเองก็ไม่หวังให้เรื่องนี้มาส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของคนสองคน
เรื่องทั้งหมดเขายังสามารถต้านทานไว้ได้ ไม่จำเป็นต้องดึงเธอเข้ามา
เขาเพียงแค่หวังว่า หญิงสาวในอ้อมกอดปลอดภัยและมีความสุข
อยู่ในอ้อมกอดของเขาได้ยินเสียงหัวใจของเขาเต้นอย่างมั่นคง เจียงสื้อสื้อรู้สึกถึงความสบายใจที่ไม่ได้พบเจอเสียนาน
หลังจากเจียงสื้อสื้อปรับอารมณ์ได้ ก็ถอยออกมาจากอ้อมกอดของเขา เห็นเสื้อเชิ้ตสีขาวของเขาถูกน้ำตาของเธอทำให้ชื้น เจียงสื้อสื้อก็มองเขาอย่างเขินอาย
จิ้นเฟิงเฉินมองตามสายตาของเธอไป ยิ้มเล็กน้อย “ไม่เป็นไร คุณไม่ร้องไห้ก็ดีแล้ว”
ฉับพลับนั้น เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าความเหนื่อยล้าหายไปอย่างไม่เหลือร่องรอยในทันที
ความรู้สึกแบบนี้จะมีก็ต่อเมื่อตอนที่จิ้นเฟิงเฉินอยู่ข้างๆเธอ
คิดได้ว่าจิ้นเฟิงเฉินยังมีเรื่องอีกมากมายให้ต้องจัดการ เจียงสื้อสื้อคุยกับเขาอีกสักพัก ก็ออกไป
เดินออกจากJSกรุ๊ป เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกว่าสิ่งที่กลัดกลุ้มอัดแน่นอยู่ในใจ เวลานี้ได้หายไปแล้ว ทั้งตัวก็รู้สึกผ่อนคลายลง
จิ้นเฟิงเฉินมักจะสามารถให้ความรู้สึกแบบนั้นกับเธอ ต่อให้ฟ้าพลังทลายลงมา เพียงแค่มีเขาอยู่ ก็ไม่ต้องกังวล
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลง เจียงสื้อสื้อมองสีของท้องฟ้าข้างนอกหน้าต่าง ทั้งหมดยังเหมือนกับเมื่อก่อน
รถวิ่งสวนกันไปมาเยอะแยะมากมาย ถนนเขตการค้าเอะอะวุ่นวาย
ทุกคนกำลังวิ่งเต้นบากบั่นเพื่อการดำรงชีวิต ไม่มีใครรู้ว่าพรุ่งนี้จะเกิดเรื่องอะไรขึ้น
เธอขี้เกียจจะเรียกรถ วางแผนว่าจะเดินกลับไป นานแล้วที่ไม่ได้เดินเล่นดีๆ
ลมเบาๆพัดมาโดนแก้มเธออย่างช้าๆ สบายใจเป็นพิเศษ
ในตอนที่เธอกลับมาถึงบ้าน เหงื่อก็ออกมาบางๆ
พอเปิดประตูบ้าน ก็เห็นฝู้จิงเหวินยืนอยู่ด้านใน นี่ทำให้เธอตั้งตัวไม่ทัน
อาจจะเป็นเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นสองวันนี้ ในตอนที่เจอเขา เจียงสื้อสื้อก็อยากจะหลบหนี
แต่ว่า ที่ไหนที่เธอหลบซ่อนได้ง่าย ฝู้จิงเหวินก็รอเธออยู่ตลอด
เขาเข้าใจดี ในการทำงาน เจียงสื้อสื้อสามารถแยกเรื่องส่วนรวมกับเรื่องส่วนตัวได้อย่างชัดเจน
เพียงแต่ เขายังคงเป็นห่วงว่าเจียงสื้อสื้อจะไม่สบายใจ ถึงอย่างไร นี่ก็เป็นโครงการที่เธอรับผิดชอบด้วยตนเอง
ฝู้จิงเหวินไม่ปรารถนาให้เป็นเพราะเรื่องนี้ ทำให้ระยะห่างของทั้งสองคนไม่สนิทกัน
แต่ในตอนที่พบว่าเจียงสื้อสื้อหลบเลี่ยงตัวเอง อารมณ์ของเขาก็ดิ่งลงทันที
ฝู้จิงเหวินเห็นเธอไม่คิดจะคุยกับตัวเอง ก็เป็นฝ่ายพูดก่อน “สื้อสื้อ”
เจียงสื้อสื้อเม้มปาก “มีอะไร?”
เท้าก็เหมือนถูกราดด้วยตะกั่ว อยู่ตรงนั้นไม่ขยับไปไหน
ฝู้จิงเหวินเดินไปทางเจียงสื้อสื้ออย่างสนใจแต่เรื่องของตัวเอง สายตาของทั้งสองคนจ้องมองซึ่งกันและกัน มีความรู้สึกที่แฝงไว้ด้วยความหมายไม่ชัดเจน
“ผมทำแบบนี้ คุณจะโทษผมไหม?”
เขาพูดอย่างไม่มีหัวไม่มีหาง แต่ว่า เจียงสื้อสื้อแทบจะเข้าใจได้ในทันทีว่าเขากำลังถามอะไร
คือโครงการที่ร่วมมือกับ JS กรุ๊ป