ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 739 ป่วยใช่ไหม?
บทที่ 739 ป่วยใช่ไหม?
ถึงแม้ว่าวิธีการจัดการเรื่องนี้ เจียงสื้อสื้อจะไม่ค่อยพอใจ แต่เธอก็รู้ว่าโทษฝู้จิงเหวินไม่ได้
เขาเป็นคนวางแผนกลยุทธ์ของบริษัท ควรจะพิจารณาเพื่อบริษัท
กำลังคิดอยู่ เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า ตอบว่า “ฉันไม่ได้โทษคุณ ฉันรู้ว่าคุณก็ไม่มีวิธี ยิ่งกว่านั้นคุณก็คิดเพื่อบริษัท ไม่ผิดอยู่แล้ว”
ได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อไม่โกรธเขาอย่างชัดเจน แต่ฝู้จิงเหวินฟังแล้ว ในใจกลับอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเจ็บปวด พูดไม่ออกในทันที
ถึงแม้ว่าปากเธอจะพูดแบบนั้น แต่ในใจของเธอต้องไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
เธอไม่ต้องการผลลัพธ์แบบนี้
แต่ตอนนี้ภาพรวมคงที่แน่นอน ก็ไม่ใช่เขาคนเดียวที่สามารถเปลี่ยนแปลงได้
“พรุ่งนี้ก็เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์แล้ว พาเถียนเถียนไปเดินเล่นบ้างไหม? จะได้ถือโอกาสผ่อนคลายจิตใจ ช่วงนี้คุณก็เหนื่อยพอดี จะได้พักผ่อนสักหน่อย”
พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็มองเจียงสื้อสื้ออย่างรอคอย
อยากจะถือโอกาสวันหยุดสุดสัปดาห์ เพื่อลดระยะห่างกับเจียงสื้อสื้อ และก็ไม่อยากเห็นเธอกลัดกลุ้มอยู่ในใจ
เพราะเรื่องงานพวกเขาสองคน นานแล้วที่ไม่ได้พูดคุยกัน
ตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าเจียงสื้อสื้อกำลังคิดอะไร พยายามอยากจะเข้าใจ
เจียงสื้อสื้อฟังฝู้จิงเหวินอย่างไม่ได้ให้ความสำคัญ ไม่ได้เอามาใส่ใจเลยทั้งสิ้น
ในตอนที่ได้ยินว่าเถียนเถียน ในใจก็ลังเลเล็กน้อย
แต่ว่า สำหรับเธอในตอนนี้แล้ว ไม่มีอารมณ์จะออกไปเที่ยวเล่นแม้แต่นิดเดียวจริงๆ
คิดไปคิดมา ก็พูดปฏิเสธ “ช่างมันเถอะ ช่วงนี้เหนื่อยเกินไป ฉันอยากจะพักผ่อน”
ในใจคิดไตร่ตรองถึงเรื่องการร่วมมือของจิ้นเฟิงเฉินที่โดนยุติอยู่ตลอด ความกลัดกลุ้มในดวงตาตรงไปสู่ส่วนลึกของหัวใจ
เห็นฝู้จิงเหวินชะงักไปสักพัก ไม่ได้พูดอะไร เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร ทำได้เพียงพูดว่า “คุณรีบไปพักผ่อนเถอะ ช่วงนี้คุณเองก็เหนื่อย”
พูดจบ เธอก็เดินขึ้นข้างบนไปอย่างไม่หันกลับมามอง
มองเห็นหลังของเจียงสื้อสื้อ ในใจของฝู้จิงเหวินก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะเจ็บปวดและจนปัญญา
เขาอยากจะไปคุยกับเธอมาก แต่ท่าทางแบบนี้ในตอนนี้ เธอน่าจะไม่อยากคบค้าสมาคมกับตัวเองมากเกินไป
เขาถอนหายใจออกมาเบาๆ ส่ายหัว ดูแล้วน่าจะต้องรอให้ผ่านช่วงนี้ไป
ดวงตาสีดำมืดที่เข้มลึกจนมองไม่เห็น เงียบเหงาและรอคอยอยู่เคียงคู่กัน
เขารู้ว่าการรอคอยนี้น้อยนิดมาก แต่ถึงแม้ว่าเป็นแบบนี้ เขาก็เต็มใจที่จะพนันสักตั้ง ไปสู้
อย่างน้อยที่สุดก็ไม่ทำผิดต่อหัวใจของตัวเอง ไม่เสียดายมากเกินไป
แต่พูดจริงๆแล้ว ฝู้จิงเหวินกลับไม่เสียใจทีหลังกับทางเลือกของตัวเอง แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เธอไม่มีความสุข
จริงๆแล้วเขาไม่ได้สนใจกำไรและขาดทุนของโครงการ เพียงแค่ไม่อยากให้เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินใกล้ชิดกันมากเกินไป
เดินขึ้นข้างบนไป เห็นประตูห้องของเธอปิดแน่น ฝู้จิงเหวินยกมือขึ้นและก็เอาลง
ทั้งสองคนมีความคิดเป็นของตัวเอง
เจียงสื้อสื้อกลับมาถึงในห้องของตัวเอง อาบน้ำและเอนกายอยู่บนเตียง แม้แต่นิ้วก็ยังไม่อยากจะขยับ
มองเพดาน ในใจร้อนไม่เป็นสุข คิดถึงปฏิกิริยาของจิ้นเฟิงเฉินในวันนี้ ความทุกข์ทรมานใจของเธอนับวันยิ่งเลวร้ายขึ้น
ไม่ได้นอนทั้งคืน คล้ายๆว่าเหมือนจะหลับ แต่ก็เหมือนไม่ได้หลับ
เช้าตรู่วันต่อมา แสงแดดบางๆผ่านร่องหน้าต่างสาดเข้ามา เจียงสื้อสื้อหรี่ตา ลืมตาขึ้นมา ใต้ตาเป็นสีคล้ำ
หลังจากล้างหน้าบ้วนปากเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็เปลี่ยนเสื้อผ้าลงไปข้างล่าง
แม่ฝู้เห็นเจียงสื้อสื้อดูไม่ค่อยมีชีวิตชีวา ก็ถามอย่างเป็นห่วง “สื้อสื้อ เป็นอะไร นอนไม่หลับหรอ? ฉันเห็นสีหน้าเธอไม่ค่อยดี”
เห็นในตาของแม่ฝู้เต็มไปด้วยความกังวล เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มและพูดว่า “หนูไม่เป็นไร แค่เหนื่อยนิดหน่อย คุณแม่ไม่ต้องเป็นห่วงค่ะ”
เธอพยายามให้ตัวเองดูผ่อนคลายลงเล็กน้อย ไม่อยากให้แม่ฝู้คิดมาก
“สื้อสื้อ อย่าให้เป็นเพราะงานทำให้ร่างกายตัวเองได้รับบาดเจ็บ เธอเป็นลูกสะใภ้ของพวกเราตระกูลจิ้น ไม่ต้องทุ่มเทอย่างสุดชีวิตขนาดนี้ ยิ่งในตอนนี้จิงเหวินก็ไปบริษัทแล้ว บางเรื่องก็ส่งให้พวกเขาที่เป็นผู้ชายทำก็ได้ เธออยู่ที่บ้านพักผ่อนเยอะๆเถอะ”
บทสนทนาของทั้งสองคนดึงดูดฝู้จิงเหวิน ในตอนที่ได้ยินแม่ฝู้ถามเจียงสื้อสื้อว่าไม่สบายใช่ไหม ใจของเข้าตึงเครียดขึ้นมาในทันที
ระยะห่างของเวลาที่ข่ายสื้อลินพูดไว้ก่อนหน้าที่ทั้งหมดก็พอสมควรแล้ว
ฝู้จิงเหวินพูดขึ้นมา “ป่วยใช่ไหม? ผมไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนคุณไปตรวจสักหน่อย ไม่สนใจร่างกายตัวเองไม่ได้”
พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็เริ่มเก็บของ วางแผนจะพาเธอไปโรงพยาบาล
เจียงสื้อสื้อรู้ร่างกายของตัวเอง ตอนนี้ที่ดูเหมือนไม่มีแรง น่าจะเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่พอ
เธอไม่อยากให้เป็นเพราะตัวเอง ไม่อยากให้คนในครอบครัวทุกคนมีใจตื่นกลัวไม่เป็นสุข
เธอดึงแขนของฝู้จิงเหวินไว้ พูดอย่างจำใจ “ฉันไม่เป็นไรจริงๆ คุณไม่ต้องกังวลมากเกินไป ถึงแม้จะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่บริษัทก็ยังมีเรื่องต้องการให้คุณจัดการ คุณรีบไปเถอะ”
พูดพร้อมกันดันให้ฝู้จิงเหวินออกไปด้านนอก
เห็นเธอเป็นแบบนี้ ฝู้จิงเหวินก็ไม่พูดอะไรอีก
ก่อนออกไปเขาก็ยังกำชับอย่างไม่วางใจว่า “สื้อสื้อ ถ้าเกิดว่าร่างกายของคุณไม่สบาย ต้องบอกผม อย่าฝืนตัวเอง วันนี้คุณก็พักผ่อนอยู่ที่บ้านเถอะ อย่าไปบริษัทเลย”
“โอเค งั้นคุณก็อย่าเหนื่อยเกินไป”
ได้ยินดังนั้น ฝู้จิงเหวินจึงออกไปอย่างวางใจ
ก่อนออกไป ฝู้จิงเหวินก็ยังมอบหมายงานให้กับพ่อบ้าน
สีหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่ดีตั้งแต่เช้า ถึงว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าสาเหตุเพราะอะไร แต่
ฝู้จิงเหวินรู้
ดูแล้วตัวเองมีความจำเป็นจะต้องไปหาข่ายสื้อลิน
หลังจากออกจากบ้านมา ฝู้จิงเหวินไม่ได้ไปบริษัท มุ่งตรงไปที่โรงพยาบาล
ข่ายสื้อลินเห็นว่าฝู้จิงเหวินมาหาตัวเอง ก็ไม่แปลกใจ ยุ่งอยู่แต่กับเรื่องของตัวเองที่อยู่ในมือ
เหลือบมองชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าอย่างเยือกเย็นเป็นบางครั้ง รอให้เขาเปิดปาก
ฝู้จิงเหวินเจอเธอ ไม่มีสีหน้าที่ดีอย่างแน่นอน พูดด้วยเสียงหนาวเหน็บ “สำหรับเรื่องแบคทีเรียอันนั้นเธอปกปิดอะไรอยู่? จะมีผลกระทบอะไรกับเจียงสื้อสื้อ?”
ข่ายสื้อลินมองเขา การเคลื่อนไหวที่มือก็ไม่ได้หยุด
“อย่าอารมณ์ฉุนเฉียวขนาดนี้ แบคทีเรียจะไม่ทำอันตรายกับเธอมากนัก มากสุดก็แค่แรงต้านทานของร่างกายลดน้อยลง ฉันแค่ต้องการรับประกันว่าคุณจะไม่จากไปกลางคันอย่างแน่นอน”