ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 740 แด๊ดดี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก
บทที่ 740 แด๊ดดี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก
บนใบหน้าของข่ายสื้อลินมีรอยยิ้มเย็นชาอยู่ตลอด สายตาที่มองไปที่ฝู้จิงเหวินเต็มไปด้วยการถามอย่างเจาะลึก
ได้ยินอย่างนั้น ฝู้จิงเหวินมองไปที่เธออย่างระแวง
ก่อนหน้านี้ผู้หญิงคนนี้บอกว่าแบคทีเรียจะทำอันตรายต่อเจียงสื้อสื้อ ตอนนี้มาบอกว่าผลกระทบน้อยอีก
เขาไม่รู้จริงๆว่าควรจะเชื่อประโยคไหนของเธอ
แต่ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ในใจของฝู้จิงเหวิน ร่างกายของเจียงสื้อสื้ออันตรายหรือปลอดภัยเป็นที่หนึ่งตลอดมา
นึกถึงเช้าวันนี้ที่ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่มีเลือดฝาด ฝู้จิงเหวินก็รู้สึกเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ
คำพูดที่พูดออกมาก็อดไม่ได้ที่จะเฉียบขาดมาก “แบบนี้ดีที่สุด ถ้าหากว่าเธอเป็นอะไรขึ้นมา ฉันจะให้ชดใช้เป็นสองเท่าอย่างแน่นอน!”
สีหน้าอึมครึมอารมณ์ไม่ดี สายตาที่มองไปที่ข่ายสื้อลินดุร้ายโหดเหี้ยมขึ้นมา
ยิ่งเขามีท่าทีแบบนี้ ข่ายสื้อลินก็ยิ่งพอใจ
คนที่ใจมีพันธนาการควบคุมได้ง่ายที่สุด
ข่ายสื้อลินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย มองไปที่ฝู้จิงเหวินอย่างแฝงความหมายไม่ชัดเจน มุมปากที่พราวเสน่ห์ยกขึ้นบางๆ พูดว่า “เป็นเรื่องจริงแน่นอน พวกเราเป็นพันธมิตรร่วมกัน โดยธรรมชาติแล้วเราต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน”
เส้นเลือดที่หน้าผากของฝู้จิงเหวินก็ขึ้นมาในทันที ชี้นิ้วไปที่ข่ายสื้อลิน พูดอย่างโหดเหี้ยมาว่า “ดีที่สุดเธอควรจะรับประกันว่าคำที่เธอพูดเป็นความจริง ถ้าหากว่าทำให้เจียงสื้อสื้อเจ็บปวดแม้แต่นิดเดียว ฉันจะให้เธอได้ชิม รสชาติของการตายทั้งเป็นอย่างแน่นอน!”
เรื่องนี้เขาสะเพร่าเองจริงๆ ไม่งั้นคงมีเหตการณ์อย่างในวันนี้
“วางใจเถอะ มันจะไม่เกิดขึ้นจริงๆ”
ข่ายสื้อลินรู้ว่าบังคับเขาอย่างรุนแรงจริงๆ เขาสามารถทำอะไรออกมาก็ได้
เมื่อถึงเวลาก็ทำแผนของตัวเองให้ยุ่งเหยิง ผลกำไรที่ได้รับไม่สามารถชดเชยความสูญเสียที่เกิดขึ้นได้
“จำคำพูดของเธอไว้”
ฝู้จิงเหวินมองข่ายสื้อลินอย่างโหดเหี้ยมอำมหิต และก็ก้าวเร็วๆออกไป
มองหลังของเขาที่ออกไป บนหน้าของข่ายสื้อลินก็แสดงความหมายลึกซึ้งออกมา
การแสดงกำลังจะเริ่มขึ้น ไม่มีใครหนีไปได้แม้แต่คนเดียว
เจียงสื้อสื้อที่อยู่ในบ้าน ไม่รู้ทำไมถึงมักจะรู้สึกอึดอัดใจ เหมือนมีคนบีบหัวใจของเธอเอาไว้อย่างนั้น
ผ่อนคลายอยู่นานก็ไม่ดีขึ้น คาดไม่ถึงว่ารู้สึกว่าแขนขาไม่มีแรงอย่างช้าๆ
แต่ว่า เพื่อไม่ให้แม่ฝู้มองออกว่ามีอะไรผิดปกติ จะได้ไม่ต้องกังวล
เจียงสื้อสื้ออยู่ในห้องครัว ยืนอยู่ข้างๆแม่ฝู้ พยายามทำเท่าที่จะทำได้
แม่ฝู้เห็นสีหน้าของเจียงสื้อสื้อไม่ค่อยจะดี ตามปกติที่เตรียมไว้ก็มากขึ้นกว่าเดิม
“สื้อสื้อ วันนี้เธอกินเยอะๆหน่อย ช่วงนี้เธอผอมลงไปมาก ไม่สามารถทำแบบนี้กับร่างกายต่อไปได้อีก”
เวลาทานข้าว แม่ฝู้คีบน่องไก่ไปวางไว้ในชามของเจียงสื้อสื้อ
“ขอบคุณค่ะ” เจียงสื้อสื้อยิ้มและพูด
เมื่อเผชิญหน้ากับการถามของแม่ฝู้ เจียงสื้อสื้อก็ไม่ได้พูดอะไร
แม่ฝู้เห็นเจียงสื้อสื้อเป็นแบบนี้ ก็เจ็บปวดใจเป็นอย่างมาก
ถามขึ้นมาในทันที “สุดสัปดาห์นี้เธออย่าไปไหน แม่จะทำอาหารอร่อยๆให้เธอ เถียนเถียนด้วย ให้ฉันดูและพวกเธอแม่ลูก ถ้าให้คนอื่นเห็นแบบนี้ จะคิดว่าพวกเราตระกูลฝู้โหดร้ายกับลูกสะใภ้”
รับรู้ได้ถึงความห่วงใยอย่างมากของแม่ฝู้ เจียงสื้อสื้อก็ลำบากที่จะปฏิเสธ ทำได้เพียงตอบว่า “ค่ะ งั้นต้องรบกวนคุณแม่แล้ว”
บนใบหน้าขาวผ่องรูปไข่ของเจียงสื้อสื้อ ในเวลานี้สีหน้าก็ไร้เรี่ยวแรง
แม่ฝู้ดูออกว่าเจียงสื้อสื้อมีเรื่องที่เก็บไว้ในใจ เหลือบมองอาหารในชามเธอก็ทานไปไม่มาก ก็พูดเสนอขึ้นมาว่า “ดูเธอเหนื่อยล้ามากขนาดนี้ ขึ้นไปนอนพักอีกสักหน่อยเถอะ”
คิดได้ว่ายังมีเรื่องที่ต้องไปจัดการ เจียงสื้อสื้อวางตะเกียบและพูดว่า “คุณแม่ไม่ต้องกังวลค่ะ หนูไม่เป็นไร อีกสักพักจะออกไปข้างนอก หนูขึ้นไปเก็บของก่อนนะคะ”
“โอเค งั้นเธอไปเถอะ” แม่ฝู้พูดตอบ
หลังจากพยักหน้าให้แม่ฝู้ เจียงสื้อสื้อก็ขึ้นไปข้างบน
กลับไปถึงห้องและเปิดคอมพิวเตอร์ อยากจะดูสักหน่อยว่าเรื่องราวพัฒนาไปถึงขั้นไหนแล้ว รายการแรกที่เด้งขึ้นมาก็คือข่าวที่บริษัทของจิ้นเฟิงเฉินถูกยกเลิกการร่วมมือ
แม้ว่าจะเตรียมใจมานานแล้ว แต่ในใจของเธอก็อดไม่ได้ที่จะตื่นตระหนก รีบกดเขาไปในทันที
คอมเมนต์ในข่าวนี้ก็มีคำวิจารณ์แตกต่างกันไป พูดอะไรก็มีหมด
แต่ส่วนมากก็คือตำหนิ
นิ้วมือคลิกอยู่บนเมาส์ มองคำด่าอย่างรุนแรงของคนในเน็ตทีละอันๆ ใจของ
เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกโศกเศร้าขึ้นมา
จิ้นเฟิงเฉินแถลงคำขอโทษออกไปต่อสังคมภายนอกในทันที และเรียกคืนไวน์
ล็อตนั้นกลับมา
แต่ว่า ก็ยังไม่สามารถหลีกเลี่ยงแรงกดดันของคำวิจารณ์ได้
เจียงสื้อสื้อยังเข้าไปเช็คราคาหุ้นของบริษัทด้วย ก็พบว่าหุ้นของJSกรุ๊ปตกลงไปในสถานภาพที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีมาก่อน
ความเสียหายของตลาดหุ้นไม่มีวิธีประมาณการได้
มือของเจียงสื้อสื้อที่จับเมาส์อยู่ก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย
คิดไม่ถึง จิ้นเฟิงเฉินเผชิญหน้ากับความกดดันที่มากขนาดนี้ เมื่อวานยังตั้งใจพูดกับเขาด้วยความผ่อนคลายว่าไม่เป็นไรอีก
เลี่ยงไม่ได้ที่จะปวดใจขึ้นมา
เขามักจะเคยชินที่เอาทุกเรื่องแบกไว้บนบ่าของตัวเอง
ทันใดนั้นเสียงประตูก็ดังขึ้นมา มองไปตามเสียง ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่เถียนเถียนยืนอยู่หน้าประตู
แต่ว่า เด็กน้อยเหมือนกลัวว่าจะรบกวนตัวเอง เพียงแค่ถือตุ๊กตายืนนิ่งอยู่ข้างๆ ไม่ได้ออกเสียง
คิดแล้วน่าจะเป็นแม่ฝู้ที่สั่งให้เธอมา เจียงสื้อสื้ออบอุ่นในใจทันที กวักมือเรียกเถียนเถียน
สายตาของเถียนเถียนจ้องมองเจียงสื้อสื้อ ก้าวเท้าเล็กวิ่งไปหาเธอข้างหน้า
มองใบหน้าเล็กที่ละเอียดงดงามของเด็กน้อย ใจของเจียงสื้อสื้อก็หลอมละลาย ชั่วพริบตาเดียวก็มีแรงขึ้นมา ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ไม่มีชีวิตชีวาขนาดนั้น
ยิ่งกว่านั้น เธอไม่อยากให้เถียนเถียนเห็นใบหน้าไร้เรี่ยวแรงของตัวเอง
เก็บอารมณ์ไม่สบายใจไว้
เจียงสื้อสื้อเข้มแข็งและยิ้มให้เถียนเถียน “ลูกรักมีอะไรจ๊ะ?”
เถียนเถียนนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเจียงสื้อสื้อ ชี้มือไปที่หน้าจอและถามว่า “หม่ามี๊กำลังดูอะไรคะ?”
เจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้น ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่มองไปที่คอมที่อยู่ด้านหน้า
บนหน้าจอคอมพิวเตอร์ มีใบหน้าด้านข้างของจิ้นเฟิงเฉินที่นักข่าวถ่ายโผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ลายเส้นเรียบลื่นและสวยงาม
ด้านล่างของรูป เป็นข่าวเกี่ยวกับการยกเลิกการร่วมมือครั้งนี้
แต่ว่าเถียนเถียนก็อ่านไม่ออก มองตามสายตาของเจียงสื้อสื้อไป ก็เห็นฝู้จิงเหวิน
เด็กน้อยก็ตะโกนออกมาด้วยความตื่นเต้นดีใจทันทีและพูดว่า “แด๊ดดี้หรอ! หม่ามี๊ แด๊ดดี้เป็นดาราหรอคะ? ทำไมบนอินเทอร์เน็ตถึงมีแต่รูปแด๊ดดี้หล่ะ?”
ได้ยินคำพูดของเด็กน้อย เจียงสื้อสื้อไม่รู้ควรจะอธิบายอย่างไร
ตะลึงไปครึ่งวิ เจียงสื้อสื้อพูดและยิ้มออกมา “แด๊ดดี้เป็นคนที่ยอดเยี่ยมมาก แต่ว่าไม่ใช่ดารา”