ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 763 เธอเป็นของฉัน
บทที่ 763 เธอเป็นของฉัน
ได้ยินอย่างนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็หัวเราะเยาะออกมา “ไม่ต้องถึงกับอวดหรอก ฉันเพียงแค่อยากจะบอกนาย เธอเป็นของฉัน ก็เท่านั้นเอง”
“ไม่ต้องการความหวังดีของนาย ฉันรู้ว่าตัวเองควรจะทำตัวยังไง”
พูดจบ ฝู้จิงเหวินก็ออกไป
แทนที่ถูกดูถูกอยู่ที่นี่ ยังไม่สู้ไปสร้างความวุ่นวายเล็กน้อยให้เขาที่บริษัท
มองหลังของฝู้จิงเหวินที่จากไป มุมปากของฝู้จิงเหวินก็ยกขึ้นเล็กน้อย
ในอีกด้านหนึ่งหลังจากป๋ายหลี่ออกไป ทางกู้เนี่ยนก็แอบส่งคนตามออกไป
ถูกขังมานานขนาดนี้ ได้รับอิสระอีกครั้ง ป๋ายหลี่ดีใจจนน้ำตาแทบจะไหล
ระหว่างทาง เขาติดต่อกับคนที่เคยเป็นสายลับ เพื่อสืบหาร่องรอยของจื่อเฟิง
เขานอนพลิกตัวไปมาตลอดทาง สุดท้าย มาถึงอิตาลี
แต่ว่า สายลับก็ไม่รู้ที่อยู่โดยละเอียดของจื่อเฟิง
ป๋ายหลี่สงสัยว่าสายลับกำลังโกหกเขา แต่ฝั่งตรงข้ามก็แสดงออกอย่างจริงใจ เขาเองก็กำลังหาจื่อเฟิง
ถ้าเกิดว่าหาเจอ จะติดต่อเขาในทันที
ป๋ายหลี่เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
แต่ตอนนี้ เขาเป็นเพียงแค่นักโทษคนหนึ่งที่ต้องไถ่โทษความผิด ไม่มีอำนาจอะไรติดตัว ทำได้เพียงเลือกที่จะเชื่อ
ทางด้านนั้น หลังจากนั้นสายลับก็ติดต่อจื่อเฟิง
………
อิตาลี บาร์ระดับไฮเอนด์
ในห้องเพรสซิเดนท์สูทชั้นสอง บนพื้นปูด้วยพรมที่ทอด้วยไหมราคาแพง เฟอร์นิเจอร์ในห้องสวยหรู
ชายหนุ่มจมูกโด่งดวงตาคมลึกคนหนึ่งเอนกายพิงอยู่บนโซฟา ในมือแกว่งแก้วไวน์สีแดงเข้ม
แสงไฟบนศีรษะสะท้อนบนแก้ว ยิ่งแสดงให้เห็นความลึกลับมีเสน่ห์อย่างชัดเจน
เขาเหลือบตาขึ้น มองไปทางหญิงสาวที่อยู่ตรงข้าม พูดว่า “จื่อเฟิง คุณพูดความจริงกับผม ป๋ายหลี่คนนั้น เป็นคนยังไง?”
เสียงเหมือนกับสิ่งของที่แหลมคมขีดข่วนบนกระจก เสียงแหบแห้งมากไม่น่าฟัง
หลังจากจื่อเฟิงคิดอยู่สักพักก็ตอบ “ป๋ายหลี่เป็นคนรอบคอบระมัดระวังตั้งแต่ไหนแต่ไรมา ฝีมือพอๆกับฉัน อย่างอื่นฉันก็ไม่รู้แล้ว”
เธอไม่ได้พูดสถานการณ์ที่แท้จริงของป๋ายหลี่ออกไป เธอเองก็ไม่รู้ว่าตัวเองเกิดความรู้สึกอะไรขึ้นมา
บางทีอาจจะเป็นเพราะเขามาช่วยตัวเธอออกมาอย่างไม่คำหนึ่งถึงอันตราย และอาจจะเป็นเพราะความทรมานใจจากความละอายของเขา
เบอร์เกนเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่
ชื่อนี้สำหรับเขาแล้ว ก็ได้ยินมาบ้าง
ในความเป็นจริง สองสามคนที่มักอยู่ข้างๆจิ้นเฟิงเฉินบ่อยๆ เขารู้หมด
เพียงเพราะความสามารถของคนเหล่านั้น ล้วนดูถูกไม่ได้
จะไม่พูดไม่ได้ คนที่ตระกูลจิ้นอบรมเลี้ยงดูออกมา ในขอบเขตของโลกล้วนอยู่บนสุดทั้งนั้น
แต่เขา สามารถดึงจื่อเฟิงเข้ามาได้ ตามธรรมชาติแล้วก็สามารถดึงคนที่สองเข้ามาได้
เบอร์เกนคิดอย่างลำพองใจ ถามออกมาอีกครั้ง “อ่อ งั้นเธอคิดว่า เขาเชื่อได้ไหม?”
ในตอนที่ถามคำถามนี้นั้น เขาจ้องมองไปที่จื่อเฟิง
หลังจากที่เขาช่วยจื่อเฟิงขึ้นมาจากในทะเลนั้น เขา ก็ไม่ได้เตรียมป้องกันเธอเหมือนเมื่อก่อนแล้ว
แต่พึงระวังคนคิดร้ายเรา ในเรื่องสำคัญเหล่านี้นั้น เขายังหวังว่าจะสามารถควบคุมไว้ในมือของตัวเองได้
จื่อเฟิงดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจถึงสายตาพินิจพิเคราะห์ของเขา ส่ายหัวพูดว่า “ฉันไม่แน่ใจ”
เบอร์เกนขมวดคิ้วขึ้นมา มองจื่อเฟิงอย่างละเอียดถี่ถ้วน ราวกับว่ากำลังอ่านความหมายในคำพูดของจื่อเฟิง
เขาจิบไวน์เบาๆ ทะลุขอบแก้วที่โปร่งแสง ไล่จับทุกการแสดงสีหน้าท่าทางของจื่อเฟิง
ถูกเขามอง จื่อเฟิงจำใจต้องตอบตามความเป็นจริง “คุณเบอร์เกน ป๋ายหลี่เคยจงรักภักดีต่อจิ้นเฟิงเฉิน เพราะเรื่องของฉันจึงถูกจำคุก ครั้งนี้ถูกปล่อยออกมาอย่างน่าประหลาดใจ ตามลักษณะนิสัยของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว นี่คงเป็นไปไม่ได้”
เบอร์เกนยักไหล่ เพื่อบอกใบ้ให้เธอพูดต่อ
จื่อเฟิงกัดริมฝีปาก ในดวงตาว่างเปล่า “ดังนั้น ฉันสงสัยว่าเขาเป็นไส้ศึกของจิ้นเฟิงเฉิน”
ได้ยินประโยคนี้ เบอร์เกนหัวเราะ พูดหยอกล้อว่า “คุณจื่อเฟิง คุณก็เคยเป็นลูกน้องที่ฝีมือดีที่สุดของจิ้นเฟิงเฉิน”
หน้าของจื่อเฟิงขาวซีด “ฉันซื่อสัตย์ต่อคุณเบอร์เกน ฟ้าดินเป็นพยานได้”
“โอเคๆ ฉันแค่ล้อเล่นเท่านั้น”
เบอร์เกนเห็นว่าพอหอมปากหอมคอแล้ว เอียงตัวไปด้วยตัวเอง เทไวน์ให้จื่อเฟิง
“ไม่ต้องกังวล ฉันรู้ นั่นมันผ่านไปหมดแล้ว ขาข้างนี้ของเธอฉันก็เป็นคนให้”
เบอร์เกนพูดและสายตามองไปที่ขาข้างขวาของเธอ แววตามืดมิดไม่สว่าง
ได้ยินอย่างนั้น หลังของจื่อเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะตั้งตรงขึ้น ไม่กล้าจะผ่อนคลายลงอย่างง่ายๆ
เบอร์เกนเป็นผู้ชายที่อารมณ์ขึ้นๆลงๆ ทั้งยังป่าเถื่อนและเหลี่ยมจัด ทำงานเป็นลูกน้องของเขา ลำบากกว่าทำงานเป็นลูกน้องของจิ้นเฟิงเฉินมาก
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม จิ้นเฟิงเฉินเคยเชื่อใจเธอมาก
คนที่อยู่ตรงหน้านี้ จนกระทั่งถึงตอนนี้อาจจะไม่ได้เปิดใจเชื่อตัวเองทั้งหมด
ดังนั้น ทุกก้าวย่างของเธอ จำเป็นจะต้องเดินด้วยความระมัดระวัง
เบอร์เกนกลับมาเอนหลังพิงโซฟา คิดไตร่ตรองและพูดอย่างผ่อนคลายว่า “เธอดู ในเมื่อเธอสามารถมาขอพึ่งฉันได้ งั้นป๋ายหลี่มา คงไม่ใช่เรื่องที่จะเข้าใจอะไรได้ยาก”
“คุณพูดถูก”
จื่อเฟิงก้มหัวต่ำ
เบอร์เกินลุกขึ้น เดินไปข้างหน้าต่าง มองสภาพการณ์ของกลุ่มคนเลวที่ออกอาละวาดด้านล่างตึก
สถานที่นี้ เป็นอสังหาริมทรัพย์ในชื่อของเขา
ปัจจุบันนี้ ทางด้านจิ้นเฟิงเฉินนั้นเริ่มมีท่าทาง บริษัทจำนวนมากของเบอร์เกนได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง มีเพียงที่นี่ที่ยังไม่โดนกระทบถึง
หลายปีขนาดนี้ เขายังไม่เคยได้รับความเสียหายใหญ่โตขนาดนี้ จากอังกฤษมาถึงอิตาลี เขาถูกคุกคามทุกก้าว
เขากับจิ้นเฟิงเฉิน เป็นความสัมพันธ์แบบไม่ตายไม่เลิกไปแล้ว เขาจำเป็นต้องจู่โจมตรงหน้าของเขา ทำลายผู้ชายคนนี้!
ในตาของเบอร์เกนโหดเหี้ยมในเวลารวดเร็ว
“ถ้าเกิดฉันเดาไม่ผิดหล่ะก็ ป๋ายหลี่ทำให้งานให้จิ้นเฟิงเฉินมากมายขนาดนั้น จะต้องรู้ความลับของเขาไม่น้อยอย่างแน่นอน ในเมื่อคนคนนี้ ส่งมาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ใช้คงน่าเสียดายแย่”
ถึงแม้ว่าเบอร์เกนจะพูดอย่างยิ้มๆ แต่น้ำเสียงกลับโหดเหี้ยมมาก
จื่อเฟิงปิดปากเงียบ คำพูดของเบอร์เกนใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
เธออดใจรอแทบไม่ไหวที่อยากจะแก้แค้น หวังเป็นอย่างมากว่าจะเอาชนะจิ้นเฟิงเฉินได้ในไม่ช้า หลีกเลี่ยงเวลานานอุปสรรคก็จะยิ่งมากขึ้น
มากขึ้นมาหนึ่งคน แผนการเอาชนะก็เพิ่มมากอีกหนึ่ง
เบอร์เกนเดินไปเดินมาในห้องมาสองนาทีแล้ว ท้ายที่สุดมาหยุดอยู่ตรงหน้าจื่อเฟิง และสั่งว่า “ไปสืบหาเจตนาของเขา ถ้ามีประโยชน์ ไว้ชีวิตเขา”
จื่อเฟิงพยักหน้าตอบ “ค่ะ คุณเบอร์เกน”
หลังจากนั้นสองนาที จื่อเฟิงเปลี่ยนเสื้อผ้า และโทรศัพท์หาสายลับไปด้วย
“บอกป๋ายหลี่ ฉันต้องการพบเขา”
ไม่นานสายลับก็ติดต่อป๋ายหลี่ บอกเขาว่าจื่อเฟิงมีข่าวคราว และยังต้องการจะพบเขาด้วย
ป๋ายหลี่ดีใจมาก
เขายังคิดว่า ออกมาคราวนี้ จะต้องกลับไปมือเปล่า
จื่อเฟิงยอมมาเจอตัวเอง หมายความว่าเขายังมีโอกาสใช่ไหม?
ป๋ายหลี่เหมือนกับวัยรุ่นที่ออกเดทครั้งแรก ตั้งใจไปซื้อเสื้อผ้าใหม่มาเปลี่ยนเป็นพิเศษ ผมก็ไปตัดมาใหม่
ทันทีหลังจากนั้น จิตใจที่รู้สึกประหม่า มาถึงสถานที่ที่จื่อเฟิงระบุ
จื่อเฟิงมาตรงเวลามาก ทั้งสองสบตากัน คนหนึ่งตื่นเต้น คนหนึ่งเยือกเย็น
ป๋ายหลี่ที่ตื่นเต้นมองจื่อเฟิงทั้งตัวอยู่หนึ่งรอบ สอบถามอย่างไม่หยุด “จื่อเฟิง คุณสบายดีไหม? ตอนนี้ไม่เป็นไรใช่ไหม?”
พูดจบ เขาก็มองจื่อเฟิงอย่างละเอียด พูดอย่างเป็นห่วงมากอีก “เหมือนว่าคุณผอมลง ได้รับความลำบากใช่ไหม?”
จื่อเฟิงเงียบกริบ มองดูรอบๆ พูดห้ามป๋ายหลี่ “คุณเบาๆหน่อย ฉันไม่เป็นไร สบายดี”
เพื่อตามมารยาท เธอก็ถามป๋ายหลี่ “งั้นคุณเป็นยังไงบ้าง?”