ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 769 จดหมายเชิญ
บทที่ 769 จดหมายเชิญ
มองเห็นความกังวลในดวงตาของเจียงสื้อสื้อ ท่าทีเหมือนกับกลัวว่าเขาจะไม่เห็นด้วย สีหน้าท่าทางของจิ้นเฟิงเฉินจากปกปิดก็ค่อยๆหายไปในทันที
ทันทีหลังจากนั้น เขาพยักหน้าอย่างไม่ใส่ใจ “ผมไม่มีความคิดเห็นอะไร ยังมีเสี่ยวเป่ากับผมไง เถียนเถียนคุณไม่ต้องกังวล”
ในใจของเขาจริงๆแล้วไม่มีทางเลี่ยง ไม่อยากให้เธอไป ยิ่งกว่านั้นคือไม่อยากให้เธอไปเจอฝู้จิงเหวิน แต่ก็ไม่มีวิธีอะไรอีก
ตอนนี้เจียงสื้อสื้อคิดอะไรไม่ออก เขาก็คงไม่อยากใช้ฐานะของสามีไปผูกมัดเธอ
ดังนั้นไม่ว่าจะคิดที่จะมัดเธอไว้ข้างกายอย่างโจ่งแจ้งยังไง ทำได้เพียงกดความคิดนี้ไว้ในก้นบึ้งของหัวใจชั่วคราว
เดิมทีเสี่ยวเป่าก็ไม่อยากให้เจียงสื้อสื้อไป แต่เห็นท่าทีของจิ้นเฟิงเฉินแล้ว ก็แสดงออกอย่างเฉลียวฉลาดว่าจะดูแลน้องสาวให้ดี
พอเป็นเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อได้รับการสนับสนุนจากคนส่วนใหญ่ ยิ้มอย่างไม่ตั้งใจ
เธอมองลงไปถามเด็กน้อย “เถียนเถียน ได้ไหม?”
เด็กน้อยยังโกรธอยู่ เงียบคนเดียวอยู่สักพัก
ในความรู้สึกของเธอ เพียงแค่เจียงสื้อสื้อไม่อยู่ด้วยกันกับเธอ ก็คือไม่ชอบเธออีกแล้ว
เห็นปากของเด็กน้อยเบะสูงมาก เสี่ยวเป่าวิ่งไป กอดเด็กน้อยไว้ พูดเหมือนเป็นผู้ใหญ่ “น้องสาว ไม่ต้องกลัว พี่จะอยู่เป็นเพื่อนเธอเอง หม่ามี๊ยังมีเรื่องที่สำคัญยิ่งกว่าต้องทำ พวกเรารอหม่ามี๊กลับมาดีไหม?”
พูดจบ สองพี่น้องก็ซุบซิบคุยกันอีกสองสามประโยค เด็กน้อยถึงหมุนตัวกลับมา
จริงๆแล้วเธอก็ไม่ได้ตั้งใจจะดึงเจียงสื้อสื้อไว้ ดวงตาโตๆจ้องมองไปทาง
เจียงสื้อสื้อ ปล่อยปากพูด “งั้นก็โอเคค่ะ หม่ามี๊ต้องรีบกลับมานะคะ”
เจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้น ก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งใจ ลูบหัวสองพี่น้องอย่างอ่อนโยน
ถ้าหากไม่ใช่เป็นเพราะยังเป็นหนี้บุญคุณ เจียงสื้อสื้อก็ไม่อยากจะแยกกับเด็กน้อยน่ารักสองคนนี้
หลังจากทานข้าวเสร็จ เจียงสื้อสื้อก็ออกไปอย่างรีบร้อน
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนมองอยู่ที่ประตูอย่างรอคอย ไม่ยอมเข้ามาอยู่นาน
มองเงาของเล็กของทั้งสองคน ฟางเสว่มั่นพูดเกลี้ยกล่อมอยู่นาน ทั้งสองคนถึงยอมกลับเข้าบ้าน
เข้ามาให้บ้านแล้ว เถียนเถียนดึงมือของฟางเสว่มั่นถามว่า “คุณยายคะ ทำไมหม่ามี๊ยังต้องออกไปอีก เป็นเพราะพวกเราที่นี่ไม่ดีหรอคะ?”
ในตอนนั้น เถียนเถียนเปลี่ยนที่นี่ให้เป็นบ้านของตัวเองทั้งหมดแล้ว ทางบ้านตระกูลฝู้กลายเป็นบ้านคนอื่นโดยธรรมชาติ
ได้ยินอย่างนั้นฟางเสว่มั่นก็ยิ้มออกมา ลูบผมของเถียนเถียนและพูดว่า
“เถียนเถียนเด็กดี หม่ามี๊เป็นผู้ใหญ่ มีวงจรชีวิตของตัวเอง แน่นอนว่าไม่สามารถที่จะอยู่ข้างๆเถียนเถียนได้ตลอดเวลาเหมือนคุณยาย ดังนั้นพวกเราต้องให้เวลาและพื้นที่ให้หม่ามี๊ไปจัดการเรื่องของตัวเอง รอเถียนเถียนภายหลังโตขึ้น ก็จะรู้โดยธรรมชาติ”
“อ้อ โอเคค่ะ” เถียนเถียนตอบอย่างไม่ค่อยเข้าใจ
หลังจากนั้นก็โดนเสี่ยวเป่าลากไปในห้องของเล่นอย่างสนุกสนาน
เห็นเด็กน้อยทั้งสองเล่นกันอย่างมีความสุข ในใจของฟางเสว่มั่นก็เต็มไปด้วยความดีใจ
ทางด้านจิ้นเฟิงเฉิน ผ่านมาเป็นเวลานาน ท้ายที่สุดก็ออกไปบริษัท
พอเข้ามาในห้องทำงาน ก็ถามถึงสถานการณ์ของเบอร์เกน ก็ไม่มีเรื่องอะไรที่เกินไปเกิดขึ้น
ทำได้แต่เพียงให้กู้เนี่ยนจ้องมองทางนั้นอย่างต่อเนื่อง
ต่อมาก็ต้องจัดการงานทั้งหมดที่เขาหมักหมมไว้ ในตอนที่เขาเป็น ‘ทรราช’
ในกำหนดการเต็มไปด้วยการจัดการหลากหลาย จิ้นเฟิงเฉินปวดหัวเล็กน้อยในทันที
ชีวิตความเป็นอยู่ที่ไม่มีเจียงสื้อสื้อ เขาได้แต่ปลุกวิญญาณมาทำงาน ได้ย้อนคืนกลับไปเป็นประธานจิ้นที่เย็นชา
หลังจากนั้นสองวัน บัตรเชิญของตระกูลฝู้ส่งมาถึงJSกรุ๊ป
ทันทีที่กู้เนี่ยนได้รับ จึงถือจดหมายเชิญเข้าไปในห้องทำงานประธานจิ้นเพื่อรายงาน
“คุณชาย จดหมายเชิญของตระกูลฝู้ บอกว่าเป็นงานฉลองวันเกิดของพ่อฝู้”
เดิมทีจิ้นเฟิงเฉินกำลังมองลงไปจัดการเอกสารในอีเมลอยู่ ได้ยินอย่างนั้น ก็ลุกขึ้นรับจดหมายเชิญมาในทันที
งานเลี้ยงวันเกิดของพ่อฝู้จัดในคืนวันพรุ่งนี้ ไม่คิดว่าทางนั้นจะยังส่งบัตรเชิญมาให้เขา
จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงเจียงสื้อสื้อ มุมปากก็กระตุกขึ้นเบาๆ
สองวันนี้เจียงสื้อสื้อยุ่งมาก เพียงแค่หาเวลาว่างมาวิดีโอคอล พูดคุยกับสองเด็กน้อยเสร็จก็โดนเรียกไปอีกแล้ว
กลัวว่าจะรบกวนเธอ จิ้นเฟิงเฉินยับยั้งทุกๆความคิดของตัวเองไว้
เห็นสีหน้าที่แสดงออกมาของจิ้นเฟิงเฉิน กู้เนี่ยนก็เดาความคิดของเขาไม่ออก ถามไปประโยคหนึ่ง “คุณชาย คุณจะไปเข้าร่วมไหม?”
ตามประสบการณ์ในอดีต การเชิญมางานเลี้ยงแบบนี้ จิ้นเฟิงเฉินจะไม่ไปร่วมงานอย่างแน่นอน
แต่ว่า จิ้นเฟิงเฉินในวันนี้ดูแล้วอารมณ์ดีมาก ปิดเอกสารในมือเข้าหากันและถามว่า “ทำไมไม่หล่ะ? น่าสนใจดีออก”
เขาถือจดหมายเชิญดูแล้วดูอีก และยังยิ้มอย่างเย็นออกมาโดยไม่รู้ตัว กู้เนี่ยน
มองแล้วก็ขนลุกซู่ไปทั้งตัว
สามารถทำให้คุณชายของตัวเองผิดปกติได้ขนาดนี้ ก็มีเพียงแค่คุณหญิงที่ทำได้
กู้เนี่ยนยิ้มอย่างจำใจ อิจฉาอย่างไม่รู้ตัว
วันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินเลิกงานล่วงหน้า รีบขับรถกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลจิ้น
เพราะเรื่องนี้เคยบอกไว้ล่วงหน้าแล้ว ว่าจะพาเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนไปร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน ตอนนี้ฟางเสว่มั่นจึงกำลังแต่งตัวอย่างเลิศหรูให้กับเด็กน้อยสองคน
เถียนเถียนเปลี่ยนเป็นชุดกระโปรงเจ้าหญิงสีหวาน และยังถักผมเปียเล็กๆที่ละเอียดและงดงาม
คนเราเป็นดั่งชื่อ ยิ้มออกมาหวานเป็นอย่างยิ่ง เหมือนกับเจ้าหญิงตัวน้อย ขาวและนุ่มๆ
ตอนนี้เสี่ยวเป่าก็เปลี่ยนเป็นชุดสูทตัวเล็กสีดำที่สั่งทำขึ้น ดูแล้วเหมือนเป็นจิ้นเฟิงเฉินฉบับย่อส่วน เท่สง่ามาก
เถียนเถียนตบมือล้อมเสี่ยวเป่าอย่างดีใจ ชมพี่ชายว่าเท่มากๆ
จิ้นเฟิงเฉินผลักประตูเข้ามา เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนเข้าไปล้อมรอบทันที
เขายิ้มและอุ้มเด็กน้อยชึ้นมาหอมหน้าผากอย่างเอ็นดู
ดวงตาสองข้างของเสี่ยวเป่าเป็นประกาย รีบถามจิ้นเฟิงเฉินว่า “แดดดี๊ครับ พวกเราจะไปหาหม่ามี๊ตอนไหน?”
แม่เจียงเห็นท่าทีตื่นเต้นที่ใจของสองเด็กน้อย ก็ตามไปผูกหูกระต่ายให้เสี่ยวเป่าอย่างไม่มีทางเลี่ยง
จิ้นเฟิงเฉินวางเด็กน้อยลง ลูบหัวเล็กๆของทั้งสองคน ยิ้มบางๆและพูดว่า
“ไปตอนนี้เลย เสี่ยวเป่า หนูให้ความร่วมมือกับคุณยายก่อน ผูกหูกระต่ายให้ดี”
“ครับ!”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินว่าจะได้เจอหม่ามี๊แล้ว ก็เงยหัวเล็กๆขึ้นในทันที ให้ความร่วมมือกับการกระทำของแม่เจียง
หลังจากนั้นห้านาที จิ้นเฟิงเฉินจูงเด็กน้อยทั้งสองขึ้นรถ รีบไปสถานที่ที่จัดงานเลี้ยง
แสงสีในยามราตรีมาถึงอย่างเงียบๆ ท้องฟ้ามืดสลัว
สำผัสแสงสีในยามราตรี ทั้งสี่คนค่อยๆเดินเข้าไปในสถานที่จัดงาน
งานเลี้ยงวันเกิดครั้งนี้ ฝู้จิงเหวินเลือกจัดงานที่คฤหาสน์ส่วนตัวบนภูเขาที่เป็นที่รู้จักแห่งหนึ่ง
พื้นฐานที่เชิญมาล้วนเป็นคนที่เคยร่วมมือกับในวงการธุรกิจ
ในตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเดินทางมาถึง ในสถานที่จัดงานคนก็ทยอยมากันมากแล้ว
เดินอยู่ข้างนอกก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศคึกคักด้านใน
ใกล้ๆทางเข้ายังมีการรวมตัวกันของสื่อนักข่าวที่ได้รับการเชิญมา แสงไฟระยิบระยับ ละลานตาเป็นอย่างมาก
ในตอนที่จิ้นเฟิงเฉินนำเด็กน้อยทั้งสองปรกฏตัวออกมา นักข่าวที่อยู่ในงานมีคนจำเขาได้
ตอนแรกมึนงง มีสีหน้าประหลาดใจปรากฏออกมาให้เห็น
ดีใจเป็นอย่างมาก เตรียมยกกล้องถ่ายภาพขึ้นมาถ่ายอย่างเต็มที่ทันที
ในเลนส์กล้อง จิ้นเฟิงเฉินทำหน้าตึงมองมา ดวงตาสีดำขลับกลืนไปด้วยความเย็นชาที่ไม่ค่อยอ่อนโยน
นักข่าวคนนั้นรู้สึกหนาวไปทั้งตัว ลืมกดชัตเตอร์กล้อง ยืนแข็งอยู่ที่เดิม มองจิ้นเฟิงเฉินเดินไปข้างในอย่างทำอะไรไม่ถูก
ใต้แสงไฟสปอตไลท์ จิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนจะโดดเด่นเป็นพิเศษ
เขาสวมชุดสูทสีดำ บุคลิกดีมาก ดวงตาสีดำขลับกวาดสายตาไปรอบด้าน ราวกับว่ากำลังตามหาอะไรบางอย่าง