ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 776 เธอเนี่ยนะ?
บทที่ 776 เธอเนี่ยนะ?
เสียงหายใจที่หนักหน่วงเล็กน้อยของจิ้นเฟิงเฉินดังขึ้นที่ข้างหูของเธอ เธอพยุงตัวเขาไว้ เจียงสื้อสื้อดูหนักที่ต้องแบกเขา
แต่เธอยังคงเรียกชื่อจิ้นเฟิงเฉินไม่หยุดหย่อน
หัวของจิ้นเฟิงเฉินมึนงงมาก สายตาของเขาเริ่มเบลอมากขึ้น มีเพียงเสียงที่กังวลอย่างมากของเจียงสื้อสื้อดังก้องเข้ามาในหู
“ผมถูกวางยา”
เขาพยายามอดทน และพูดประโยคนี้ออกมา
เขาอยากจะบอกกับเจียงสื้อสื้อว่าไม่ต้องเป็นห่วง เขาพักผ่อนก็คงดีขึ้น
เพียงแต่ยาเริ่มออกฤทธิ์ เขาไม่ทันได้พูดอะไรมากมายก็สลบไป
เมื่อ เจียงสื้อสื้อได้ยินคำว่า “ยาสลบ” เธอก็ตกตะลึงอย่างมาก
ไม่จำเป็นต้องพูดว่าเธอเองก็รู้ว่า ผู้หญิงคนนั้นวางยาสลบเขาทำไม
เธอคิดได้ว่าฝู้จิงเหวินเป็นหมอ เธอจึงรีบเรียกฝู้จิงเหวินเจ้ามาช่วย “ฝู้จิงเหวิน ทำยังไงดี จิ้นเฟิงเฉินถูกผู้หญิงคนนั้นวางยาสลบ ตอนนี้เราต้องทำยังไงดี เขาจะเป็นอะไรไหม?”
เสียงของเจียงสื้อสื้อสั่นเล็กน้อย ฝู้จิงเหวินเห็นสีหน้าที่กระวนกระวายของเธอแล้ว เขารู้สึกเจ็บปวด
ที่จริงเขารู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่เป็นอะไร แต่เขาต้องแสร้งทำเป็นตกใจ เขาเดินเข้าไปและแสร้งทำเป็นตรวจสอบอาการของจิ้นเฟิงเฉิน
ในเวลานี้จิ้นเฟิงเฉินแค่สลบก็เท่านั้นเอง
ยานั้นคงไม่ใช่ยาเสน่ห์ แต่เป็นเพียงยาสลบที่ข่ายสื้อลินใช้เพื่อไม่ให้จิ้นเฟิงเฉินตุกติก
มิฉะนั้น ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินก็คงจะไม่อยู่ในสภาพแบบนี้
เมื่อเห็นฝู้จิงเหวินขมวดคิ้ว ใจของเจียงสื้อสื้อเองก็กังวลขึ้นมา
เจียงสื้อสื้อมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินที่หมดสติไป ความคิดของเธอว่างเปล่า เธอพูดด้วยความตื่นตระหนก “เป็นยังไงบ้าง? ต้องไปโรงพยาบาลไหม? ฉันไปขับรถมาดีกว่า”
ริมฝีปากของเธอขาวซีดเพราะวิตกกังวลมากเกินไป เธอหันหลังเตรียมออกไป
ฝู้จิงเหวินเอ่ยปากตะโกนห้ามเธอไว้ ” ไม่ต้องไปแล้ว ไม่เป็นไรหรอก อาการแบบเขา แค่นอนหลับสักพักก็จะดีขึ้น ถ้าวุ่นวายขึ้นมา งานเลี้ยงก็จะพังเอานะ”
เมื่อคิดได้ว่าแขกของงานเลี้ยงยังไม่ได้เลิกงาน มันเป็นไปไม่ได้ที่ฝู้จิงเหวินจะไปจากห้องโถงจัดงาน
บวกกับเรื่องนี้ของจิ้นเฟิงเฉินไม่สามารถให้คนอื่นรับรู้ได้ มิฉะนั้นอาจจะทำให้เป็นปัญหาต่อตระกูลฝู้ได้
เมื่อ เจียงสื้อสื้อได้เช่นนี้ เธอก็หยุดเดินทันที
เธอเดินกลับไปอย่างไม่ค่อยเชื่อเขา แล้วถามอย่างไม่แน่ใจว่า ” จริงเหรอ? จะไม่มีผลข้างเคียงอะไรตามมาใช่ไหม?”
“ไม่เป็นไรหรอก ส่งเขากลับไปที่ห้องก่อน”
เมื่อเขาพูดประโยคนั้น ฝู้จิงเหวินก็หอแห้งอย่างร้อนตัว เขาเลี่ยงสายตาของเจียงสื้อสื้อเล็กน้อย
จากนั้นเขาก็ช่วยพยุงจิ้นเฟิงเฉินเข้าไปในห้อง
ร่างกายของจิ้นเฟิงเฉินหนักมาก แม้ว่าฝู้จิงเหวินจะมาช่วยเธอ เธอเองก็ยังรู้สึกหนักมากเช่นกัน
เมื่อไปถึงห้อง ฝู้จิงเหวินก็ปล่อยมือทันที
ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาตั้งใจหรือไม่
เจียงสื้อสื้อทรงตัวไม่อยู่แล้วล้มลงบนเตียงกับจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อเช่นนี้ ฝู้จิงเหวินก็รีบมาดู และถามราวกับคนมีน้ำใจว่า “สื้อสื้อไม่เป็นไรใช่ไหม มือผมลื่นเลยจับเขาไม่อยู่”
คำแก้ตัวของเขาช่างดูไม่จริงจังเอาเสียเลย
เจียงสื้อสื้อสะบัดมือของเขาออก เมื่อสักครู่นี้เขาจงใจทำแบบนั้นอย่างเห็นได้ชัด
ถ้าเธอไม่พยายามพยุงไว้ จิ้นเฟิงเฉินคงจะไปชนกับขอบเตียงแล้ว
เธอรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
“ฉันไม่เป็นไร คุณควรไปดูแลงานเลี้ยงนะ ฉันอยู่ดูจิ้นเฟิงเฉินตรงนี้ก็พอ”
เมื่อพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็ไม่สนใจเขาอีกต่อไป เธอหันกลับไปปลดกระดุมเม็ดบนสุดของจิ้นเฟิงเฉินออก เพื่อที่เขาจะได้หายใจสะดวก
คำพูดของเธอนั้นแฝงไปด้วยคำว่าไล่ และแน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้ที่ฝู้จิงเหวินจะฟังไม่ออก
เขาเหลือบมองชายบนเตียงอย่างเย็นชา จากนั้นก็ออกไปจากห้อง
หลังจากออกจากห้องไป โทรศัพท์มือถือของฝู้จิงเหวินก็ดังขึ้นมา
เมื่อมองไปที่เนื้อหาของข้อความ ฝู้จิงเหวินก็รีบมาที่อีกห้องด้วยสีหน้าที่ดุดัน
ในห้องนั้นมีคนอีกหนึ่งคน เมื่อเธอเห็นว่าฝู้จิงเหวินเดินเข้ามา ผู้หญิงคนนั้นก็ถอดหน้ากากผิวหนังมนุษย์บนใบหน้าออก
นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมคนอื่น ๆ ถึงไม่รู้ว่านั่นเป็นเธอ นอกเธอจะแต่งหน้าจัดแล้ว เธอยังสวมหน้ากากผิวมนุษย์อีกด้วย
ตรงไหล่ของเธอแดงและบวมไปอยู่จุดใหญ่ๆ ดูออกเลยว่าเมื่อสักครู่นี้จิ้นเฟิงเฉินใช้แรงไปมาแค่ไหน
ดวงตาของข่ายสื้อลินเต็มไปด้วยความคับแค้น เธอพูดอย่างโหดเหี้ยม “ฉันต้องฆ่าจิ้นเฟิงเฉินให้ได้ มิฉะนั้นฉันจะไม่ชื่อข่ายสื้อลิน! ”
หลังจากได้ยินเช่นนี้ ฝู้จิงเหวินมองไปที่ข่ายสื้อลินอย่างเยาะเย้ย และพูดอย่างเหยียดหยามว่า
“เธอเนี่ยนะ? จะฆ่าจิ้นเฟิงเฉิน? ช่างไร้เดียงสาเสียจริง”
ตอนแรกฉันคิดว่าคุณมีความสามารถมากเสียอีก แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าก็มีแค่นี้แหละ รีบไปเถอะ ถ้าคนอื่นมาเห็นเข้า มีแต่จะทำให้เสียเรื่อง”
เมื่อถูกฝู้จิงเหวินเยอะเย้ย ข่ายสื้อลินก็เผยกลิ่นอายของความเยือกเย็นออกมา
เธอจ้องตรงไปที่ฝู้จิงเหวินและพูดว่า ” ตอนนี้แม้แต่นายยังกล้าที่จะเยอะเย้ยฉันงั้นหรือ? หึ คอยดูแล้วกันว่าฉันมีความสามารถมากแค่ไหน! ”
น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความโกรธแค้น และตอนนี้ข่ายสื้อลินโกรธขึ้นมาจริงๆ แล้ว
หลังจากที่พูดจบ สิ่งที่เธอได้กลับมาคือเสียงดูถูกของฝู้จิงเหวิน
ฝู้จิงเหวินเดินออกไปข้างหลังโดยไม่สนใจข่ายสื้อลินที่อยู่ด้านหลัง
หลังจากจัดการกับอาการบาดเจ็บบนร่างกายแล้ว ข่ายสื้อลินก็สวมหน้ากากขึ้นมาอีกครั้ง
หลังจากที่เธอแต่งหน้าเรียบร้อย เธอจึงได้เดินออกจากห้องไป
ทั้งสองคนเดินจากกันไปอย่างต่อเนื่อง โดยไม่ได้สนใจแววตาที่คอยจ้องมองอยู่ในความมืด
และก็เห็นกู้เนี่ยนค่อยๆ เดินออกจากมุมหนึ่งของทางเดิน สีหน้าของเขาไม่ค่อยดีนัก
เขาไม่คาดคิดว่าฝู้จิงเหวินจะเกี่ยวข้องกับเรื่องครั้งนี้ด้วย ถ้าเป็นเช่นนี้ คงจะมีส่วนเกี่ยวข้องกันอีกมากมาย
เมื่อสิบนาทีก่อน เขาส่งเถียนเถียนและเสี่ยวเป่าให้เจียงสื้อสื้อเรียบร้อยแล้ว เขาคิดอยู่ในใจว่าจะกลับไปเอารถ แต่กลับเห็นฝู้จิงเหวินเดินเข้าไปในห้องห้องหนึ่งอย่างรวดเร็ว
กู้เนี่ยนจึงเดินตามเขาไปด้วยความสงสัย แต่ไม่คาดคิดว่าตนจะได้ทราบเรื่องเช่นนี้
อีกด้านหนึ่ง เจียงสื้อสื้อและหนูน้อยสองคนเฝ้าอยู่ข้างเตียงของจิ้นเฟิงเฉิน
เถียนเถียนมองไปที่จิ้นเฟิงเฉินที่หลับอยู่บนเตียง อดไม่ได้ที่จะกระซิบถามด้วยความเป็นห่วง
” หม่ามี๊ แด๊ดดี้เป็นอะไรไปคะ? ทำไมถึงยังไม่ตื่นขึ้นมา”
เจียงสื้อสื้อทำท่าทางให้เงียบๆ แล้วกอดเถียนเถียนไว้ในอ้อมแขน และกระซิบว่า ” ตอนนี้แด๊ดดี้เหนื่อยมากค่ะ เพราะฉะนั้นเราอย่าไปรบกวนแด๊ดดี้นะคะ ถ้าเถียนเถียนง่วงนอน หม่ามี๊จะอุ้มหนูให้หนูนอนนะคะ”
เถียนเถียนกระโดดลงจากตัวเจียงสื้อสื้อ เธอนอนลงข้างลำตัวจิ้นเฟิงเฉินอย่างเชื่อฟัง
จากนั้นก็ยกนิ้วชี้ขึ้นมาทาบกับปากและกระซิบเบา ๆ ว่า ” หนูจะนอนกับแด๊ดดี้ และหนูจะเชื่อฟังนะคะ”
ขณะพูดเธอก็หลับตาลง เธอดูเหมือนผู้ใหญ่ตัวน้อยเลย
เจียงสื้อสื้อเห็นเช่นนี้ก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะเบา ๆ
แล้วก็ปล่อยให้เธอนอนไป
เธอมองไปที่เสี่ยวเป่า เสี่ยวเป่าเข้าใจทันทีว่าเจียงสื้อสื้อหมายถึงอะไร เขารีบส่ายหน้าและพูดว่า
“หม่ามี๊ ผมสบายดี ถ้าหม่ามี๊เหนื่อยก็พักผ่อนเถอะครับ ผมดูแลแด๊ดดี้อยู่ครับ”
เสี่ยวเป่ารู้ว่าคืนนี้เจียงสื้อสื้อเหนื่อยมามากแล้ว ดังนั้นเขาจึงเป็นเด็กดีอย่างมาก
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวเป่าใส่ใจเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็ยิ้มและลูบหัวเสี่ยวเป่าแล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นหม่ามี๊ขอพักผ่อนจะสักครู่นะ มีเรื่องอะไรอย่าลืมเรียกหม่ามี๊นะคะ”
หลังจากพูดจบ เจียงสื้อสื้อก็หมอบลงข้างเตียงของจิ้นเฟิงเฉิน
สองสามวันมานี้เธอไม่ค่อยได้นอนพักผ่อนดีๆ เลย เพราะเอาแต่ยุ่งเรื่องเตรียมงานวันเกิดของพ่อฝู้
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองแม่ลูกก็ส่งเสียงหายใจดังๆ ออกมา
เมื่อเห็นเช่นนี้ เสี่ยวเป่าก็ถอดชุดสูทตัวน้อยของเขาออกและวางไว้บนตัวเจียงสื้อสื้อ และยังปรับอุณหภูมิในห้องให้อบอุ่นขึ้นอีกด้วย
เมื่อเขาทำเรื่องพวกนี้เสร็จ เสี่ยวเป่าเองก็ง่วงขึ้นมาเล็กน้อย แต่เขาก็พยายามทนเพื่อไม่ให้หลับ
“แต่ว่า เด็กก็ยังคงเป็นเด็ก สุดท้ายเขาก็ทนต่อความง่วงไม่ไหว และนอนหลับไปด้วยความงุนงง