ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 791 เสน่ห์ของผมยังดีอยู่
บทที่ 791 เสน่ห์ของผมยังดีอยู่
เมื่อสัมผัสได้ถึงแขนของผู้ชาย เธอก็โน้มตัวลงซบบนหน้าอกของฝู้จิงเหวิน เครื่องแต่งกายบางๆบนตัว ในตอนนี้ยากที่จะปกปิดร่างกายได้
เธอก้มหน้าลง แล้วจูบลงบนริมฝีปากของเขา แต่ฝู้จิงเหวินขยับตัวไปข้างหลังเล็กน้อย จนหัวชนเข้ากับหัวเตียงไม้
ความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นชั่วพริบตาทำให้เขามีสติเล็กน้อย เขาจ้องมองผู้หญิงเบื้องหน้าอย่างมึนงง และเมื่อรู้ตัวว่าไม่ใช่เจียงสื้อสื้อก็เปลี่ยนสีหน้าทันที
“เธอเป็นใคร?”
“ฉัน……” แอดไลน์พูดไม่ออกอยู่สักพัก ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามเขาว่ายังไง
“เธอเข้ามาได้ยังไง?”
ฝู้จิงเหวินดึงสติกลับมา แล้วพลิกตัวบีบคางของแอดไลน์ไว้
“ใครให้การ์ดห้องกับเธอหรอ?”
แอดไลน์คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีสติกลับมา เลยนิ่งอึ้งชั่วขณะ จากนั้นก็ยิ้มและพูดว่า “พี่จิงเหวิน พวกเรากำหนดงานแต่งงานแล้ว……ฉันก็ถือเป็นภรรยาในอนาคตของพี่แล้ว”
วินาทีต่อมาจู่ๆก็รู้สึกว่าลำคอของตัวเองเจ็บปวด เพราะผู้ชายที่อยู่เบื้องหน้ากำลังบีบคอตัวเองอยู่
“ใครส่งเธอมาบนเตียงของฉัน? พูดมา!”
ฝู้จิงเหวินบีบคอเธออย่างแรง จนแอดไลน์หายใจลำบาก และมีสีหน้าแดงก่ำ เพราะกลั้นหายใจ
“เห่อเห่อ…..พี่จิงเหวิน พี่ฟังฉันพูด…..ก่อน……”
ฝู้จิงเหวินขวางเธอทิ้งลงบนเตียงอย่างแรง แล้วพูดว่า “ไม่ว่าใครจะส่งเธอมา แต่ตอนนี้เธอไสหัวออกไปให้พ้น!”
หัวชนเข้ากับผนังกำแพงอย่างแรง จนแอดไลน์เบิกตากว้าง และหายใจลำบาก
วินาทีที่ฝู้จิงเหวินปล่อยมือและหายใจหอบเดินลงจากเตียงนั้น เธอก็หยิบเสื้อผ้ามาปกปิดร่างกายที่เปลือยกาย จากนั้นก็วิ่งออกจากห้องด้วยน้ำตาคลอเบ้า
ณ เมืองเป่ย
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินกลับมาได้หลายวันแล้วการท่องเที่ยวครั้งนี้สำหรับเธอแล้ว ถือเป็นประสบการณ์ที่ไม่ธรรมดา
เมื่อเห็นเด็กสองคนกำลังเล่นในห้องของเล่นนั้น ก็นึกขึ้นได้ว่ากลับมาหลายวันแล้ว ถึงเวลากลับประเทศฝรั่งเศสแล้ว
ตอนกลางคืน เจียงสื้อสื้อเอาแต่ครุ่นคิดเรื่องนี้
เธออยู่ในห้องน้ำเป็นเวลานานมาก จนกระทั่งจิ้นเฟิงเฉินเคาะประตูเรียกเธอ สุดท้ายเธอดึงสติกลับมาได้
เธอเช็ดหัวให้แห้งพลางและค่อยๆเดินไปหาจิ้นเฟิงเฉินพลาง แต่เธอก็กำลังจะเปิดประตูชั่วขณะ
“จิ้นเฟิงเฉิน ฉันมีเรื่องอยากจะบอกคุณ ฉันรู้สึกว่าพวกเรากลับมานานเกินไปหรือเปล่า?”
“อยากกลับประเทศฝรั่งเศสแล้วหรอ?”
จิ้นเฟิงเฉินวางไอเพดในมือ แล้วเหลือบตาเรียวยาวจ้องมองเธอ
เจียงสื้อสื้อกะพริบตาเล็กน้อย และมือที่กำลังเช็ดหัวก็ค่อยๆเช็ดช้าลง เธออ่านความคิดของเขาไม่ออก และลังเลไม่รู้จะพูดยังไง
“มานี่”
จู่ๆจิ้นเฟิงเฉินก็โบกมือเรียกหาเธอ
เมื่อเห็นมือที่เห็นข้อต่อกระดูกอย่างชัดเจน เจียงสื้อสื้อก็ค่อยๆเดินเข้ามา
จิ้นเฟิงเฉินหยิบไดร์เป่าผมบนโต๊ะแต่งหน้าขึ้นมาช่วยเป่าผมให้กับเธอ “นอนตอนเวลาผมเปียกทำให้ป่วยง่ายนะ”
จิ้นเฟิงเฉินถือไดร์เป่าผมอยู่ และช่วยเป่าผมให้แห้งอย่างอดทน
เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าการลูบเส้นผมของเขาเหมือนกับการนวด จนทำให้เธอหลับไปอย่างไม่รู้ตัว
วันต่อมา หลังจากกินข้าวเช้าเสร็จ จิ้นเฟิงเฉินก็จ้องมองพ่อแม่ของตัวเอง และพูดว่า “พ่อครับ แม่ครับ พวกเราเตรียมตัวจะกลับประเทศฝรั่งเศสแล้วครับ น่าจะอีกสองวันข้างหน้านี้ครับ”
“ทำไมกะทันหันขนาดนี้? อยู่อีกสักหน่อยไม่ได้หรอ?”
แม่จิ้นที่กำลังอยู่ในห้วงอารมณ์มีความสุขกับการอยู่กับครองครัวพร้อมหน้าพร้อมตาอยู่นั้น คิดไม่ถึงเลยว่าพวกเขาจะจากไปเร็วขนาดนี้
แม่จิ้นจ้องมองเด็กที่เฉลียวฉลาดสองคน และอดใจไม่ไหวถามว่า “เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนชอบบ้านของคุณย่าไหมคะ?”
เด็กน้อยทั้งสองคนตอบพร้อมกันอย่างน่าประหลาดใจว่า “ชอบ”
ทันใดนั้นจิ้นเฟิงเหราก็ประคองส้งหวั่นชีงออกมา เมื่อได้ยินบทสนทนาของพวกเขา ก็รีบพูดเกลี้ยกล่อมว่า “พี่ชาย พี่สะใภ้ ผมกับหวั่นชีงกำหนดวันจดทะเบียนสมรสกันแล้ว เป็นวันมะรืน พวกคุณอยู่ต่อไม่กี่วันอีกไม่ได้หรอ?”
เจียงสื้อสื้ออดใจไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจที่กำหนดวันเร็วมากขนาดนี้
การจดทะเบียนสมรสของทั้งสองคนถือเป็นเรื่องใหญ่ ดังนั้นพวกเขายังไม่คงไม่สามารถไปจากที่นี่ก่อนได้
หลังจากตัดสินใจอยู่ต่อ แม่จิ้นก็เริ่มจัดการจัดงานเลี้ยงขนาดเล็กขึ้น ถึงยังไงก็ไม่สามารถละเลยส้งหวั่นชีงได้
ใกล้ถึงวันที่กำหนดแล้ว ดังนั้นบ้านตระกูลจิ้นจึงถูกประดับตกแต่งอย่างสวยงาม
สนามหญ้าของคฤหาสน์ถูกเรียงรายด้วยโต๊ะอาหารสีขาว และในสวนดอกไม้ด้านข้าง ได้เชิญนักดนตรีมาเตรียมเล่นงานโดยเฉพาะด้วย
เสียงดนตรีเบาสบายบรรเลงดังขึ้น แม่จิ้นสวมชุดที่นักออกแบบชุดส่วนตัวของตระกูลจิ้นจัดทำเดินออกมาที่ใจกลางสวนดอกไม้ จากนั้นทุกคนก็เดินรวมตัวกัน
แม่จิ้นชูแก้วไวน์ขึ้น แล้วพูดเสียงดังว่า “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณทุกคนที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ด้วย วันนี้เชิญทุกคนมางานเลี้ยง เพราะต้องการประกาศข่าวดีเรื่องหนึ่ง”
แล้วหยุดนิ่งชั่วขณะ จากนั้นก็พูดต่อว่า “เรื่องแรก ลูกชายคนโตของฉันพาลูกสะใภ้และหลานสาวหลานชายกลับมาแล้ว พวกเราได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาเป็นครอบครัวแล้ว”
เรื่องที่สอง ลูกสะใภ้คนที่สองของฉันก็กำลังตั้งท้องเหมือนกัน วันนี้เชิญทุกคนมาเป็นพยาน และงานแต่งงานก็จะจัดขึ้นในอีกไม่นานนี้แล้ว”
สิ้นสุดเสียง ข้างล่างก็ปรบมือเสียงดังขึ้น
ในท่ามกลางเสียงปรบมือ เจียงสื้อสื้อได้ยินเสียงผิดหวังเล็กน้อย
“ทำไมทั้งบ้านมีเจ้าของหมดแล้วล่ะ ฉันนึกว่าจิ้นเฟิงเฉินกลับมาอย่างไม่ง่ายดายครั้งนี้ ฉันจะมีโอกาส ใครจะไปรู้ว่ากลับพาภรรยาและลูกกลับมาด้วย!”
เด็กสาวน่ารักสวมชุดเดรสสีชมพูก็เอ่ยปากพูดด้วยสีหน้าผิดหวังว่า “คุณชายรองตระกูลจิ้นก็จะแต่งงานแล้ว ทำไมโชคชะตาของฉันขืนข่มขนาดนี้……”
เจียงสื้อสื้อแอบหัวเราะเบาๆ โดยที่มุมปากยิ้มขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
ขณะที่เหม่อลอยนั้นก็เงยหน้าสบตากับจิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็ก้มหน้ากระซิบข้างหูเธอ
“เห็นหรือยังว่าเสน่ห์ของผมยังดีอยู่”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินแบบนี้ก็มองบนใส่เขาอย่างหมั่นใสหนึ่งที “แล้วทำไมคุณไม่ไปหาพวกเธอล่ะ มายั่วโมโหฉันทำไมหรอ?”
พูดจบก็เดินจากไป จิ้นเฟิงเฉินรีบเดินตามไปพูดอธิบาย
คิดไม่ถึงว่าผู้หญิงไม่กี่คนด้านข้างกำลังจับจ้องอยู่
“โอ้มายก๊อต พวกเขาหวานกันมาก็เลย!”
“เห้อ ไม่รู้ว่าเธอเอาบุญมาตั้งแต่ชาติไหน”
เจียงสื้อสื้อกำลังตั้งใจฟังบทสนทนาของผู้หญิงรอบข้างอย่างสนุกสนานอยู่ คิดไม่ถึงว่ามีไฟดวงหนึ่งส่องมาที่บนตัวเธอ
แม่จิ้นพูดแนะนำว่า “นี่เป็นลูกชายคนโตและลูกสะใภ้คนโตของฉันค่ะ”
เป็นครั้งแรกที่อยู่ภายใต้แสงในงานแบบนี้ ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกทำตัวไม่ถูก
จิ้นเฟิงเฉินที่อยู่ด้านข้างโอบเอวของเธอเบาๆเพื่อเรียกสติ จากนั้นเตียงสื้อสื้อก็ดึงสติกลับมา และทักทายกับคนรอบข้าง
ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงตกใจขึ้น เมื่อหญิงสาวหลายคนเห็นเสี่ยวเป่าที่เจียงสื้อสื้อจูงอยู่ด้านข้างต่างพากันมาห้อมล้อม และร้องอุทานตกใจออกมา
“โอ้ เด็กน้อยสองคนนี้ช่างน่ารักจังเลย”
ในตอนนี้เด็กน้อยทั้งสองคนก็ทักทายต่อคนในงานอย่างมีมารยาท
นี่เป็นครั้งแรกที่เถียนเถียนเข้าร่วมงานเลี้ยงแบบนี้ แต่กลับไม่มีท่าทีตื่นกลัวเลย ในทางกลับกันยิ้มแย้มต่อผู้คนรอบข้าง
แขกในงานทั้งหมดต่างจับกลุ่มกันพูดคุย เจียงสื้อสื้อไม่รู้จักใครเลย จึงรู้สึกเก้อเขินเล็กน้อย
ไม่นานเธอก็เดินมาถึงข้างหลังของจิ้นเฟิงเฉิน แล้วดึงมุมเสื้อของเขาเล็กน้อย และพูดว่า “ฉันไปเดินเล่นที่สระน้ำข้างหลังหน่อยนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นทันที “เบื่อแล้วหรอ? เดี๋ยวผมไปเป็นเพื่อน”
เมื่อคนรอบข้างเห็นแบบนี้ก็พูดคุยกันว่า “คิดไม่ถึงว่าประธานจิ้นที่มีอิทธิพลมีมุมแบบนี้ด้วย”
เจียงสื้อสื้อรู้สึกเขินเล็กน้อย แล้วรีบพูดห้ามปรามเขาว่า “ไม่เป็นไร ฉันไปเดินเล่นคนเดียวได้ ถือเป็นการย่อยอาหารด้วย”
พูดจบก็ไม่รอจิ้นเฟิงเฉินพูดอะไรอีก แต่เดินจากไปทันที
ลมแผ่วเบายามค่ำคืนพัดบนผิวน้ำ เจียงสื้อสื้อมองดูคลื่นบนผิวน้ำในสระน้ำเงียบๆ ขณะเดียวกันก็โยนอาหารปลาที่ถืออยู่ด้านข้างให้กับปลาด้วย ไม่นานก็มีปลาว่ายลอยขึ้นมาบนผิวน้ำ