ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 802 พาเธอไปส่งตาย
บทที่ 802 พาเธอไปส่งตาย
ผ่านไปเนิ่นนาน เสียงโทรศัพท์ข่ายสื้อลินดังขึ้น
มองดูเบอร์เรียกเข้า ข่ายสื้อลินก็เปลี่ยนอาการเป็นเคารพยำเกรงขึ้นมาทันที
“เจ้านาย ฉันได้ส่งรายงานการวิจัยไปที่อีเมล์ของท่านแล้ว”
เสียงเบอร์เกนที่อยู่ปลายสายหาวนอนเหมือนคนขี้เกียจ “อืม ฉันได้รับแล้ว ประวัติฝู้จิงเหวินมีปัญหาอะไรบ้างไหม ”
ได้ยินเนนั้น ข่ายสื้อลินก็ตอบตามตรงว่า “ไม่มีค่ะ ตามข้อมูลที่เราเคยตรวจสอบคราวก่อนเลยค่ะ เขาเกิดในครอบครัวฐานะร่ำรวย ทุ่มเทวิจัยด้านการแพทย์มาโดยตลอด ตอนนี้อยากเข้าร่วมกับพวกเรา เพื่อร่วมมือกัน ”
เมื่อเบอร์เกนได้คำตอบที่ชัดเจนแล้ว ถึงค่อยๆเปิดเมล์ออก“ขอฉันดูรายงานเขาก่อน……….อืม วิเคราะห์ได้ไม่เลวจริงๆ”
ทันใดนั้น เสียงตื่นเต้นดีใจของเบอร์เกนทางปลายสายดังขึ้น “เขาวิจัยเชื้อโรคชนิดใหม่ของเรามาได้ถึงขั้นนี้ สมกับที่เป็นหัวกะทิด้านการแพทย์จริงๆ วิจัยได้ดีมาก ลองให้เขาเข้าร่วมวิจัยกับเราได้
ดูจากข้อมูลรายงานของเขา เจียงสื้อสื้อคือหมากตัวสำคัญ ร่างกายของเธอมีเงื่อนไขที่ดีในการเพาะเลี้ยงเชื้อโรคนี้ หากสามารถพาเธอมาได้สำเร็จ ข่ายสื้อลินเอ๋ย เธอได้ทำความดีอย่างใหญ่หลวงต่อสถาบันวิจัยของเราเลยนะ ”
ได้ยินเช่นนั้น ข่ายสื้อลินก็ตกอยู่ในภวังค์ ผ่านไปสักพักถึงเอ่ยปาก “เกรงว่าอันนี้ค่อนข้างมีความยากเล็กน้อย ท่านก็รู้ ข้างกายเจียงสื้อสื้อมีจิ้นเฟิงเฉินเป็นเทพารักษ์ของเธออยู่ จิ้นเฟิงเฉินปกป้องเธอได้ค่อนข้างจะรัดกุม ความผิดพลาดหลายครั้งก่อนยืนยันได้ดีที่สุด ”
เบอร์เกนกล่าวอย่างรู้สึกสนใจว่า “เหอะเหอะ น่าสนใจจริงๆ ลงมือกับผู้หญิงคนนี้ก่อน ข่ายสื้อลิน เธอมีข้อเสนอดีๆหรือเปล่า”
“ต้องเพิ่มกำลังคนในการไปจับตัวเจียงสื้อสื้อแล้ว เราไม่สามารถจะประเมินความสามารถของเขาได้ ฉันเคยประลองกันลูกน้องเขา ตอนนี้ฉันยังทำไม่ได้ จำเป็นต้องให้ท่านช่วยจัดคนมาด้วยตัวเองสักรอบแล้ว……….”
ข่ายสื้อลินกล่าวอย่างลังเล ที่จริงเธออาจจะพูดโน้มน้าวฝู้จิงเหวินได้ ให้ฝู้จิงเหวินเป็นคนคิดหาวิธี
แต่ชีวิตของเธอ ตอนนี้ก็อยู่ในกำมือฝู้จิงเหวิน ดังนั้น เธอไม่กล้าพูดความจริงกับเบอร์เกนหมด
“ได้ เมื่อถึงเวลานั้นฉันจะจัดคนไปต่างหาก”
น้ำเสียงเบอร์เกนรู้สึกเสียดายเล็กน้อย ไม่นานก็เป็นปกติ “แค่นี้ก่อนแล้วกัน มีปัญหาอะไร รีบรายงานทันที ”
“ค่ะ เจ้านาย ”
เมื่อข่ายสื้อลินรับคำแล้ว ทั้งสองก็วางสายลง
เช้าวันรุ่งขึ้น ข่ายสื้อลินนัดฝู้จิงเหวินออกมา
การแต่งตัววันนี้ก็เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่ว่าฝู้จิงเหวินชินกับการเปลี่ยนแปลงของเธอแล้ว
หลังจากรอฝู้จิงเหวินนั่งลงแล้ว ข่ายสื้อลินก็พูดตรงไปตรงมาว่า “เจ้านายยินยอมแล้ว”
“อ๋อ ไวขนาดนี้เลยหรือ ” ฝู้จิงเหวินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย
ข่ายสื้อลินยกกาแฟตรงหน้าขึ้นจิบไปหนึ่งคำ แล้วกล่าวต่อ “อืม แต่ว่า คุณคิดจะพาเจียงสื้อสื้อไปด้วยกันไหม”
“ไม่คิด”
ฝู้จิงเหวินตอบแบบไม่รอช้า พาเจียงสื้อสื้อไปด้วย มันอันตรายเกินไป
ข่ายสื้อลินลองพูดโน้มน้าวเขา“คุณจะไม่พาเจียงสื้อสื้อไปจริงๆหรือ คุณปล่อยเธอไปได้หรือ”
ถึงแม้เธอจะพูดกับเบอร์เกนแล้วว่าเธอไม่มีปัญญาจับตัวเจียงสื้อสื้อมาได้
หากสามารถพาเจียงสื้อสื้อไปด้วยได้ สำหรับเธอ คือการรับประกันแพ็คคู่เลย
ตอนนี้ชะตากรรมของเธอตกอยู่ในมือฝู้จิงเหวิน ทันทีที่ฝู้จิงเหวินพาเจียงสื้อสื้อไปที่สถาบันวิจัยในอิตาลีของพวกเขา อำนาจต่อรองก็จะเป็นของเธอทันที
เมื่อถึงเวลานั้น อาจใช้ชีวิตเจียงสื้อสื้อมาข่มขู่ฝู้จิงเหวินให้ยาถอนพิษกับเธอ หรือไม่ก็ …….เอาเจียงสื้อสื้อส่งมอบให้กับเบอร์เกนด้วยมือของเธอเอง เพื่อทำความดีไถ่ความผิด
ฝู้จิงเหวินเอียงคอมองเธอ กล่าวเสียงเย็นชา “แล้วอย่างไงล่ะ พาเธอไปส่งตายหรือ”
ข่ายสื้อลินยิ้ม แล้วทำท่าทางแบบตรงไปตรงมาแล้วพูด “ฉันไม่ได้มีความหมายอื่น ชีวิตฉันตอนนี้อยู่ในกำมือของคุณ ต้องคิดเผื่อคุณอยู่แล้ว ฉันรู้ความกังวลใจของคุณ คุณวางใจได้ หลังจากที่คุณพาเจียงสื้อสื้อไปแล้ว ฉันจะไม่ให้เจ้านายฉันรู้
อีกอย่าง สถานการณ์เชื้อโรคในกายของเจียงสื้อสื้อ คุณรู้ดีกว่าฉัน ว่าเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนทุกรูปแบบ หากปล่อยไว้ทางนี้ วันใดวันหนึ่งเกิดกำเริบขึ้นมา ไม่สามารถระงับได้ทัน คุณจะทำเช่นไร ดังนั้น ฉันเสนอว่า ให้คุณพาเธอไปด้วย เมื่อได้ยาถอนพิษแล้ว ก็ช่วยเธอได้ก่อน ”
คำพูดของเธอ จี้จุดความกังวลที่สุดของฝู้จิงเหวินอย่างง่ายดาย
ฝู้จิงเหวินระงับอารมณ์ในใจไว้ มองดูเธออย่างพินิจพิจารณา “เฮ้ย คุณกลายเป็นคนดีตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย หรือว่า คุณกำลังวางแผนอะไร คุณควรรู้นะ เรื่องของสื้อสื้อ สำหรับผม เป็นเรื่องที่ใหญ่กว่าฟ้า คุณว่า ผมจะเสี่ยงกับอันตรายนี้ไหม ”
เขาไม่ใช่คนโง่ และจะยังไม่เชื่อใจข่ายสื้อลินมากนักในขณะนี้
แทนที่จะพาเจียงสื้อสื้อไปเสี่ยง เขายอมให้จิ้นเฟิงเฉินคอยดูแลปกป้องความปลอดภัยของเธอยังจะดีกว่า
พูดจบ ทั้งสองต่างก็นิ่งเงียบ
ผ่านไปสักพัก ข่ายสื้อลินยังไม่ตายใจ พูดอย่างไม่แยแสว่า “ในเมื่อคุณตัดสินใจเช่นนี้แล้ว ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดอีกแล้ว เพียงแต่ หากวันใดเกิดอะไรขึ้นมา หรือว่าเธอต้านไม่ไหวแล้วตายไป คุณก็อย่ามาโทษว่าฉันไม่เตือนคุณก็แล้วกัน”
ได้ยินเช่นนั้น สีหน้าฝู้จิงเหวินเปลี่ยนไปทันที
ที่จริง ที่ข่ายสื้อลินพูดก็มีเหตุผล หากปล่อยให้เจียงสื้อสื้ออยู่ทางนี้ หากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน เขาดูแลไม่ถึง
เมื่อคิดถึงชีวิตของสื้อสื้อ นิ่งเงียบไปเนิ่นนาน แล้วกัดฟันตอบตกลง
“ได้ แต่ผมต้องการการสนับสนุนจากพวกคุณ ช่วยจัดเตรียมเครื่องบินพิเศษหนึ่งลำ และต้องรับประกันความปลอดภัยของเราด้วย”
เห็นเขายินยอม ข่ายสื้อลินก็ตอบตกลงข้อเรียกร้องของเขา
จากนั้น ถือกระเป๋าเดินออกจากร้านกาแฟไป
เหลือเพียงฝู้จิงเหวินที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม นั่งเหม่อมองตรงหน้าที่ไม่มีใครสักคน
หลังจากผ่านเรื่องการวางยาคราวที่แล้ว ไม่แน่ว่าเจียงสื้อสื้ออาจจะไม่ตอบรับคำเชิญของตัวเองอีกแล้ว
ลองต่อสายเธอดู สถานะติดสายตลอดเวลา เห็นได้ชัดว่า เบอร์โทรของเขาถูกเธอบล็อกไปนานแล้ว
คิดจะทำการโดยไม่ให้จิ้นเฟิงเฉินรู้ แล้วยังต้องนัดเจียงสื้อสื้อไปในที่ที่สะดวกลงมือ ฝู้จิงเหวินคิดได้วิธีการเดียว ก็คือต้องไหว้วานแม่ของตัวเอง
ทันใดนั้น ฝู้จิงเหวินก็ตัดสินใจกลับบ้านไปขอความช่วยเหลือจากแม่ฝู้
พอได้ยินว่าเขาเป็นฝ่ายจะขอพบเจียงสื้อสื้อ แม่ฝู้ก็ดีใจ และตบไหล่เขาเบาๆ “ลูกชาย ในที่สุดแกก็คิดได้ แม่จะไปจัดการให้เดี๋ยวนี้เลย”
ตอนที่เจียงสื้อสื้อได้รับสายจากแม่ฝู้ นึกถึงอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นคราวที่แล้ว ตอนนี้ในใจยังรู้สึกกลัวไม่หาย แต่จากการเกลี้ยกล่อมของแม่ฝู้ ในทุกสุดก็ตอบตกลง
ที่สำคัญ แม่ฝู้บอกกับเธอว่า ฝู้จิงเหวินไม่อยู่บ้าน
น่าจะไม่เกิดเรื่องอะไรขึ้นได้ อย่างไรก็ตาม แม่ฝู้ดีกับเธอมาตลอด
ที่ตระกูลฝู้
ด้านหนึ่งแม่ฝู้ก็ตักกับข้าวให้เจียงสื้อสื้อไป และพูดคุยไปอย่างห่วงใย “สื้อสื้อกินกับเยอะๆ ช่วงนี้แกผอมลงไปเยอะมาก ไม่แข็งแรงเหมือนตอนอยู่บ้านเลย”
“ขอบคุณค่ะ”เจียงสื้อสื้อตอบด้วยรอยยิ้ม
พอทานข้าวกันถึงครึ่ง ฝู้จิงเหวินก็เดินลงมาจากชั้นบน ทันใดนั้นเจียงสื้อสื้อรู้สึกว่า ตัวเองถูกเขาสองแม่ลูกหลอกแล้ว
อารมร์เสียขึ้นมาทันที และก็ไม่อยากสนใจฝู้จิงเหวินที่กำลังคุยกับเธอ
“ตอนนี้สุขภาพคุณดีขึ้นบ้างไหม”
……
ฝู้จิงเหวินมองดูเจียงสื้อสื้อที่เห็นตัวเองเป็นอากาศ แล้วรู้สึกไม่สบอารมณ์
ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนช่วยชีวิตเธอคืนมา แต่วันนี้ตัวเองกับเป็นกระบอกไม้ไผ่ตักน้ำ ที่ว่างเปล่า ไม่ได้อะไรเลย
สุดท้ายแล้วเอาคนรักไปประเคนให้คนอื่น
มองดูทั้งสองเหมือนบรรยากาศอึมครึม แม่ฝู้จึงพูดว่า “สื้อสื้อจ๋า แม่จะบอกให้นะ อาหารวันนี้ ส่วนใหญ่จิงเหวินลงครัวทำเองกับมือเลยนะ รู้ว่าแกจะกลับมา เขาใช้ความพยายามเต็มที่แล้ว แกรีบชิมดูซิว่ารสชาติถูกปากหรือเปล่า”
พูดจบ แม่ฝู้ก็คีบผักให้เจียงสื้อสื้อ
ถึงแม้ว่าอาหารตรงหน้าจะทำให้รู้สึกน้ำลายไหล แต่เจียงสื้อสื้อกลับรู้สึกว่าร่างกายเธอไม่มีเรี่ยวแรงขึ้นมา
อาจจะเป็นเพราะว่าร่างกายเธอยังฟื้นตัวไม่ดี เขามองฝู้จิงเหวิน แล้วรู้สึกเสียใจเล็กน้อยว่า ไม่ควรจะตอบตกลงการเชื้อเชิญในวันนี้เลย
สิบนาทีผ่านไป ในที่สุดอาหารกลางวันที่ไม่ต่างจากห้องจัดเลี้ยงของภัตตาคารของเจียงสื้อสื้อก็ได้สิ้นสุดลง
ใครจะคาดคิดว่า พอเธอลุกขึ้น กลับรู้สึกวิงเวียน แม่ฝู้รีบประคองเธอไว้
“สื้อสื้อ รู้สึกง่วงแล้วใช่ไหม ชั้นบนมีห้องนอนของเธอ ยังคงสภาพเหมือนก่อนที่เธอจะจากไป ขึ้นไปพักผ่อนก่อนไหม ”
“ไม่ต้อง……”
ทันทีที่คำปฏิเสธออกมาจากปาก เจียงสื้อสื้อรู้สึกตาพร่ามัว โคมไฟบนหัวก็หมุนติ้วขึ้นมา
ในที่สุดก็ฝืนไม่ไหว เจียงสื้อสื้อล้มฟุบอยู่บนเก้าอี้
แม่ฝู้ตกใจกับสถานการณ์นี้อย่างมาก มองดูฝู้จิงเหวินอย่างประหม่าแล้วถาม “จิงเหวิน แกว่าสื้อสื้อเป็นอะไร ”
ฝู้จิงเหวินที่รู้ว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ล่วงหน้าอยู่แล้ว อุ้มเจียงสื้อสื้อขึ้นด้วยสีหน้าไม่เปลี่ยนแปลง
“ ไม่เป็นไร เมื่อสองวันก่อนเธอไม่สบาย อาจจะยังไม่หายดี”
พูดจบแล้วอุ้มเจียงสื้อสื้อขึ้นชั้นบนไป