ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 818 นายมาช่วยฉันได้ไหม
บทที่ 818 นายมาช่วยฉันได้ไหม
ฝู้จิงเหวินได้ขับรถ บนถนนในมิลาน ขับวนไปรอบแล้วรอบเล่า
ถึงขั้นได้เจอแผ่นหลังที่คลายกันหน่อย ก็ได้หยุดรถแล้วก็มอง
ไม่ใช่ไม่ใช่ ไม่ใช่ทั้งหมด
สีหน้าของฝู้จิงเหวินได้ตึงเครียดจนน่ากลัว มือที่จับพวงมาลัยก็ได้แน่นจนเริ่มซีด ริมฝีปากที่เรียวบางก็ได้เม้มแน่น ในใจเต็มไปด้วยความกลัว ยังเป็นความกังวลที่ไม่มีที่สิ้นสุด
มิลานใหญ่ขนาดนี้ เธอจะไปหลบที่ไหนได้?
เธอไม่มีเงิน จะไปไหนได้
กระหายแล้ว ขนาดเงินซื้อน้ำก็ไม่มี
ฝู้จิงเหวินขอแค่คิดถึงเรื่องพวกนี้ ก็อยากตบหน้าของตัวเอง
ที่นี่เธอไม่คุ้นเคยเลยสักนิด ขอความช่วยเหลือไม่มีทาง
ถ้าเกิดเจอคนเจตนาไม่ดีเข้า เกิดเรื่องอะไรขึ้น ชีวิตที่เหลือของเขาก็ได้อยู่อย่างทรมานแน่ๆ
แต่ว่า ต่อให้รู้ว่าจะต้องลำบาก แต่เจียงสื้อสื้อก็ไปจากเขาอย่างไม่สนใจอะไร ไปจากที่แห่งนั้น
ตัวเองก็ไม่ทำร้ายเธอนะ!
เธอไม่อยากที่จะอยู่กับเขาขนาดนี้เลยเหรอ?
ตอนที่เสียใจนั้น ในใจของฝู้จิงเหวินก็ได้มีความรู้สึกหดหู่ที่เข้มข้นมากๆ ทำให้เขานั้นแทบจับพวงมาลัยไม่ได้
ก็เลยทำได้แค่จอดรถข้างถนน ออกแรงตีไปที่พวงมาลัย เอาหัวพิงบนนั้น
เหมือนปีศาจที่ได้เหนื่อยแล้ว ไม่มีท่าทางที่อ่อนโยนเหมือนเคยอีกต่อไป
เวลานี้ โทรศัพท์ที่อยู่บนช่องเล็กๆ ในรถก็ได้ดังขึ้นอย่างสนุกสนาน
ฝู้จิงเหวินไม่ขยับ เสียงโทรศัพท์ก็ได้ดังจนหยุดลง ไม่นาน ก็ได้ดังขึ้นมาอีกครั้ง
คราวนี้ ฝู้จิงเหวินไม่ได้หยุดคิด เอาโทรศัพท์ขึ้นมาโดยไม่ต้องมอง แล้วกดรับ
มือก็ได้กระชากเนคไท ออกแรงเยอะไป ทำให้กระดุมสองเม็ดบนได้หลุด แล้วก็ตกไปที่พรมบนรถแบบไม่มีเสียง
ฝู้จิงเหวินนั่งบนรถอย่างหมดอาลัยอาวรณ์ มือข้างหนึ่งก็ได้ปิดตาไว้ ถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่เหนื่อยว่า “ใครครับ?”
“ฉันเอง เมื่อกี้นายทำไมไม่รับสายฉัน?” อีกด้านเป็นข่ายสื้อลินที่พูดอย่างอารมณ์ไม่ดี
ฝู้จิงเหวินก็ได้พูดด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก “ไม่ได้ยิน”
ข่ายสื้อลินก็ไม่ได้จุกจิกเรื่องนี้กับเขาต่อ แต่เป็นการบอกข่าวที่ไม่ดีมากๆ ข่าวหนึ่ง
“จิ้นเฟิงเฉินได้หาที่ที่นายกักขังเจียงสื้อสื้อเจอแล้ว พวกเราจำเป็นต้องเคลื่อนไหวให้เร็วกว่าเขา หาคนให้เจอ นาย……”
“ไม่ใช่กักขัง!” ฝู้จิงเหวินเน้นย้ำ
“เวลานี้นายก็ไม่ต้องจับผิดคำพูดฉันแล้ว นายเอาคนเขาไปขังแล้ว ยัง……”
ฝู้จิงเหวินก็ได้ขัดเธอ พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันพูดอีกครั้ง นั่นไม่ได้เรียกว่ากักขัง!”
ข่ายสื้อลินไร้คำพูดไปช่วงขณะ พูดอย่างหมดหนทางว่า “ก็ได้ๆๆ ไม่ใช่ก็ไม่ใช่ งั้นสิ่งที่ฉันพูดไปเมื่อกี้นายได้ยินไหม?
จิ้นเฟิงเฉินได้มาถึงมิลานแล้ว งั้นเขาต้องออกตามหาเจียงสื้อสื้อสุดกำลังแน่ อีกอย่าง ไม่แน่ว่าจะหาเจอก่อนพวกเรา เพราะงั้นนายต้องเร่งรีบหน่อย อย่าให้เขาได้หาเจอก่อน ถ้าเป็นแบบนั้นไม่ดีต่อพวกเราแน่!”
รีบๆๆ งั้นก็ต้องหาให้เจอก่อนสิ!
ในใจของฝู้จิงเหวินก็ได้หงุดหงิด ก็ได้ต่อยไปที่รถ
จนมีเสียงรถดัง ข่ายสื้อลินที่ได้อยู่ปลายสายก็ได้ตกใจ ก็ได้ถามว่า “ทางนายมันอะไร เสียอะไร?”
“ไม่มีอะไร”
น้ำเสียงของฝู้จิงเหวินเต็มไปด้วยความรำคาญ
ไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินได้ข่าวเร็วแบบนี้ได้ยังไง ถ้าเกิดหมอนั่นได้หาเจอก่อนเขาจริง งั้นเขาไม่มีโอกาสแล้วแม้แต่นิดแน่
ไม่สามารถเข้าใจความหงุดหงิดของฝู้จิงเหวิน ข่ายสื้อลินก็ได้นิ่งไปสักพัก “ฉันรู้ว่านายอารมณ์ไม่ดี แต่ว่า เวลานี้นายจะวู่วามไม่ได้”
ข่ายสื้อลินก็ได้ตักเตือนออกไป ทำให้ฝู้จิงเหวินทนฟังไม่ไหว
“พอแล้ว ฉันรู้แล้ว เธอจะพูดแค่นี้ใช่ไหม? ไม่มีอะไรฉันวางล่ะ”
เขาไม่ต้องการให้คนอื่นมาสั่งสอนเขา
ทางฝู้จิงเหวินที่ก็มีเป็นซู่ๆ ซ่าๆ มา ข่ายสื้อลินก็ได้รีบพูดว่า “อย่าพึ่งวาง ยังมีอีกเรื่อง ตอนนี้นายหาคนไม่เจอใช่ไหม
ฉันรู้สึกว่านายสามารถไปตามจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อหนีไปได้ต้องไปหาเขาแน่ๆ อาศัยตอนที่หาคนเจอ แล้วไปลักพาตัวมา มันก็เหมือนกัน”
ได้หัวของฝู้จิงเหวินก็ได้มีเสียงหวึดๆ ในหัวเต็มไปด้วย “เธอต้องไปหาจิ้นเฟิงเฉินแน่” ของข่ายสื้อลิน หัวใจแทบที่จะสลาย
เจียงสื้อสื้อพยายามที่จะหนีเขา ก็เพื่อที่จะไปอยู่กับจิ้นเฟิงเฉิน
ทางนั้น ข่ายสื้อลินก็ได้พูดไม่หยุด ฝู้จิงเหวินกลับไม่พูดอะไรเลย
เขาได้จับโทรศัพท์ มองไปยังที่ที่มืดมิดราวกับหมึก ไม่พูดอยู่นาน
เห็นเขาไม่พูดอะไร ข่ายสื้อลินก็ได้วางสายไป
โรงแรม
เจียงสื้อสื้อที่ได้อาบน้ำไปสักพัก ก็คิดได้ว่า ที่โรงแรมมีโทรศัพท์!
มีโทรศัพท์ เธอก็สามารถที่จะโทรหาจิ้นเฟิงเฉินแล้ว!
เธอก็ได้ราดน้ำไปล้างสบู่บนตัวไปสองสามที ก็ได้สวมเสื้อคุมอาบน้ำแล้วรีบวิ่งออกมา
เป็นไปอย่างที่คิด ที่หัวเตียง มองเห็นโทรศัพท์มีสาย เธอดีใจมากๆ แต่ตอนที่เตรียมจะโทรไปนั้น กลับพบว่าไม่รู้จะใช้ยังไง
เธอได้ลุกขึ้นอย่างไม่ลังเล แล้วเดินไปที่ประตูห้อง เปิดประตู ก็ได้เจอกับพนักงานที่มาเก็บกวาดห้องข้างๆ พอดี เจียงสื้อสื้อยิ้มแล้วก็เดินไป
พูดภาษาอังกฤษที่คล่องว่า “สวัสดีค่ะ ฉันต้องการให้ช่วย” จากนั้น ก็ได้พูดความต้องการของตัวเองไป
พนักงานก็ได้พูดภาษาอังกฤษที่ได้มีสำเนียงอิตาลีติดอยู่ ตอบตกลงกับเธออย่างเป็นมิตร
จากนั้น ก็ได้เข้าไปที่ห้องกับเจียงสื้อสื้อ แล้วก็แสดงออกมาให้ดู มั่นใจว่าเธอเข้าใจวิธีการใช้แล้ว ถึงได้ออกไปจากห้อง
เจียงสื้อสื้อก็ได้รีบไปกดเบอร์ที่จำได้ขึ้นใจเบอร์นั้น!
ในโทรศัพท์มีเสียง “ตู้ดๆๆ” ดังเป็นจังหวะ ใจของเจียงสื้อสื้อก็ได้เต้นไปตาม
เร็ว!
รีบรับ!
ในคฤหาสน์ของจิ้นเฟิงเฉิน พวกแฮกเกอร์มีฝีมือสิบกว่าคนก็ได้ทำงาน ก็ได้แฮกเข้ากล้องวงจลปิดบนถนนของมิลาน ค่อยๆ หาคนที่น่าสงสัย
กู้เนี่ยนก็ได้ยกถาดเข้ามา เอากาแฟเสิร์ฟให้จิ้นเฟิงเฉิน
“ได้เรื่องอะไรไหม?”
“ประธานจิ้น ตอนนี้ยังไม่เจอคุณนายเลยครับ”
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้ขมวดคิ้วอย่างหงุดหงิด ก็ได้เอากาแฟวางบนโต๊ะอย่างแรง ลุกขึ้น แล้วก็เดินไปข้างหลังแฮกเกอร์
มองไปที่รหัสแฮกบนหน้าจอ ในใจของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้หงุดหงิดเอามากๆ
“เป็นพวกไร้ประโยชน์เหรอ!”
เห็นว่าเขาโมโห กู้เนี่ยนก็ได้ไปตบบ่าเขา พูดปลอบว่า “คุณชาย คุณนายอาจหาที่หลบเจอก็ได้ครับ”
เวลานี้ โทรศัพท์ก็ได้สั่นขึ้น คาดว่าลูกน้องทางนั้นมารายงาน
จิ้นเฟิงเฉินก็ได้รีบกดรับ น้ำเสียงก็ได้กดความโมโหไว้ “นายฟังไว้นะ ทางที่ดีนายรายงานข่าวดีให้ฉัน ไม่งั้นนายรู้ผลที่ตามมาแน่”
ได้ยินเสียงที่ได้คิดถึงมาตลอด สองมือของเจียงสื้อสื้อก็ได้สั่น ก็ได้ถามไปอย่างระมัดระวังว่า “เฟิงเฉิน……คุณใช่ไหม?”
ได้ยิน มือที่จับโทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉินก็ได้แข็งไป ร่างกายก็ได้ตึงขึ้นทันที
นี่มัน…..เสียงของสื้อสื้อ!
เสียงของเขาได้ตื่นเต้น “สื้อสื้อ เป็นเธอใช่ไหม? ตอนนี้เธออยู่ที่ไหน?”
“ฉันเอง เฟิงเฉิน ฉันคือเจียงสื้อสื้อ ฉันได้หนีออกมาจากฝู้จิงเหวิน นายมาช่วยฉันได้ไหม?”
ไม่รอให้เจียงสื้อสื้อพูดจบ จิ้นเฟิงเฉินก็ได้โทรสายไป แล้วก็รีบวิ่งออกไป