ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 822 ผมเป็นสามี
บทที่ 822 ผมเป็นสามี
ข่ายสื้อลินแอบส่งเสียงเหอะๆอยู่ในใจ ผู้ชายพวกนี้ชอบวางท่ากันเหลือเกิน เธอทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว หลังจากที่พวกเขาทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อย เบอร์เกนก็ได้ใช้ช่วงเวลาอันเหมาะเจาะนี้พูดแทรกขึ้นมา
“ศาสตราจารย์คูรี่ เขาเป็นคนที่มีความสามารถอย่างหาได้ยาก คุณอย่าทำให้บุคลากรทางการแพทย์ที่มีพรสวรรค์แบบนี้ ต้องสิ้นเปลืองนะครับ”
“แน่นอน คุณฝู้เชิญตามผมมา”
ศาสตราจารย์คูรี่ไม่พลาดแววตาที่เบอร์เกนมองมาเมื่อสักครู่ เขาเข้าใจดีว่าให้พาตัวฝู้จิงเหวินไป
ฝู้จิงเหวินพยักหน้าเล็กน้อย
“ถ้าอย่างนั้น คุณเชิญไปทำการวิจัยเถอะครับ”
เบอร์เกนใช้สายตาอันชื่นชมมองมายังฝู้จิงเหวิน “คุณต้องทำให้สุดความสามารถนะครับ”
เมื่อฝู้จิงเหวินฟังจบเขาก็ยิ้มขึ้น จากนั้นเดินตามศาสตราจารย์คูรี่เข้าไป
เมื่อพวกเขาก้าวขาออกไป สีหน้าของเบอร์เกนก็เปลี่ยนไปทันที ไม่ได้มีความอบอุ่นสง่างามเหมือนเมื่อสักครู่
“ทำได้ไม่เลวนี่ ไอ้หมอนั่นมันตามคุณมาจริงๆ”
เบอร์เกนยิ้มขึ้น แล้วตบลงไปบนบ่าของข่ายสื้อลิน ตาของเขาเต็มไปด้วยแผนการต่างๆ
ข่ายสื้อลินก้มหน้าลงแล้วพูดว่า “เรื่องที่ท่านสั่งให้ฉันไปจัดการ แน่นอนว่าดิฉันต้องจัดการมันให้ดีที่สุด”
พูดจบเธอก็ถอยหลังออกไปครึ่งก้าว
เบอร์เกนกำลังจมอยู่ในความสุข เขาจึงไม่ได้รู้สึกถึงท่าทางอันละเอียดอ่อนของข่ายสื้อลินเมื่อสักครู่
“แต่ว่าตอนนี้เราจะยังวางใจไม่ได้ ผมต้องการให้คุณคอยจับตามองเขาต่อไป อย่าได้เกิดเรื่องอะไรบกพร่องขึ้น”
เมื่อเบอร์เกนเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าลง ทำให้คนที่มองดูอาจรู้สึกว่าเมื่อสักครู่รอยยิ้มของเขาเป็นเพียงภาพลวงตา
แต่เขาก็เป็นคนแบบนี้ ต่อหน้าคนอื่นทำท่าทางใจดีราวกับสุภาพบุรุษ แต่เมื่อลับหลังแล้วกลับกลายเป็นคนที่มีแผนการเจ้าเล่ห์และละเอียดอ่อน
การที่อารมณ์ของเขาเปลี่ยนแปลงไปได้รวดเร็วขนาดนี้ เป็นเรื่องปกติของเขาไปแล้ว และข่ายสื้อลินก็เคยชินกับมันตั้งนานแล้ว
“ได้ค่ะเจ้านาย”
เธอไม่ได้พูดอะไรออกมา ที่จริงข่ายสื้อลินก็ไม่อยากจะพูดอะไรมากกว่านี้
เนื่องจากเธอรู้ดีว่า คนอย่างเบอร์เกนไม่ชอบพูดมาก และเกลียดคนที่ทำงานไม่เป็น ดังนั้นเธอจึงเพียงแค่ทำเรื่องที่เบอร์เกนมอบหมายให้สำเร็จก็เพียงพอ
มองดูแล้วเบอร์เกนค่อนข้างพอใจกับผลงานของข่ายสื้อลิน และชื่นชมความสามารถในการทำงานของเธอ เขาวางใจเธอเสมอ
“ดีมาก คุณคอยจับตามองอยู่ที่นี่นะผมจะออกไปทำธุระสักหน่อย”
เมื่อพูดจบเขาก็เดินออกไปข้างนอก
พื้นในห้องทดลองมีเสียงฝีเท้าดังขึ้นตึกๆ จากนั้นในห้องที่กว้างใหญ่ขนาดนี้ก็โล่งและเงียบเสียจนน่าประหลาดใจ
ในที่สุดเบอร์เกนก็จากไปแล้ว ข่ายสื้อลินจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
การที่ต้องเผชิญหน้ากับเขา เธอจะต้องทำท่าทางกระปรี้กระเปร่าอยู่ตลอดเวลา
เมื่อผ่านไปสักครู่ ข่ายสื้อลินก็กลับมาเป็นสภาพเดิมและเดินไปทางที่ฝู้จิงเหวินจากไป
……
แสงสว่างของพระอาทิตย์อันอบอุ่น ส่องเข้ามาจากช่องว่างทางผ้าม่านกระทบลงบนเตียงใหญ่อันหนานุ่ม
หญิงสาวบนเตียงขยับตัวเล็กน้อย เธอยืดเหยียดร่างกายแล้วค่อยๆลืมตาออกมาอย่างสบายอารมณ์
เตียงที่บ้านนอนสบายจริงๆ
เมื่อความทรงจำในหัวค่อยๆกลับคืนมา เจียงสื้อสื้อก็ตื่นขึ้น
การนอนหลับพักผ่อนในครั้งนี้ช่างดีเหลือเกิน ทำให้ความเหนื่อยล้าจากการตึงเครียดหลายวันมานี้ของเจียงสื้อสื้อดีขึ้นมากทีเดียว
เธอสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นตรงแผ่นหลัง บัดนี้เธอกำลังอยู่ในอ้อมอกของผู้ชายรูปร่างกำยำคนหนึ่ง
ชายหนุ่มหายใจออกมาอย่างสม่ำเสมอ วินาทีนี้เจียงสื้อสื้อรู้สึกถึงความสุขมากมาย
เธออยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตอนนี้จริงๆ หยุดไว้ในช่วงที่มีความสุขที่สุด เธอค่อยๆหันหลังกลับไปมองดูจิ้นเฟิงเฉิน
เจียงสื้อสื้อไม่กล้าขยับตัวแรงมาก เนื่องจากกลัวว่าชายคนที่นอนอยู่ข้างๆนี้จะตื่นขึ้น และกลัวว่าจะไปทำลายบรรยากาศอันแสนหวานแบบนี้
ขนตาของจิ้นเฟิงเฉินทั้งยาวทั้งละเอียดอ่อน เมื่อแสงตกกระทบมาจึงทำให้เกิดเป็นเงา เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะเอื้อมมือไปสัมผัสเบาๆ
หลังจากนั้นเธอก็แอบยิ้มอยู่คนเดียวอย่างหวานชื่น
ตอนนี้เธอเหมือนกับสาวน้อยที่กำลังถูกใครบางคนหลงรักและทะนุถนอม
ที่จริงแล้วจิ้นเฟิงเฉินตื่นตั้งแต่ตอนที่เธอบิดตัว หรือพูดได้ว่าเขานอนไม่หลับสนิทก็ได้
หลังจากที่จัดการเรื่องงานอยู่เนิ่นนานจึงได้เอนหลังลง
การที่เขารีบเร่งทำงานอย่างจริงจังเช่นนั้นเพื่อต้องการเวลามาอยู่กับหญิงสาวคนที่มักปรากฏตัวในใจเขาอยู่เสมอคนนี้นั่นเอง
จิ้นเฟิงเฉินลืมตาขึ้น แล้วมองดูหญิงสาวที่แอบหัวเราะอยู่ ดวงตาของเขาเหมือนกับมอเตอร์ที่จะดูดเธอเข้าไปได้อย่างไรอย่างนั้น
ชนิดที่ว่าเข้าไปแล้วก็จะไม่มีทางหนีออกมาได้
เมื่อเจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง เธอก็ตกอยู่ในภวังค์ เนิ่นนานทีเดียวกว่าจะได้สติกลับคืนมา
“คุณ…… คุณตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่คะ?”
เจียงสื้อสื้อตื่นตระหนกเล็กน้อย
ท่าทางของเธอเมื่อสักครู่เขาเห็นหรือเปล่านะ?
เมื่อคิดได้ดังนั้นใบหูของเธอก็แดงเรื่อ
แล้วซุกหน้าเข้าไปในผ้าห่มไม่ยอมออกมา
“อายอะไรกันครับ ไม่ใช่ว่าไม่เคยเห็นสักหน่อย?” จิ้นเฟิงเฉินพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
เขาเคยเห็นมาหลายครั้งแล้ว และทุกครั้งก็ยังทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว
หัวใจของเขา สติสัมปชัญญะของเขา เมื่อพบกับเธอก็ไม่อาจควบคุมมันได้เลย
เมื่อหญิงสาวที่อยู่ในผ้าห่มได้ยินดังนั้นก็เขินอายมากยิ่งขึ้น เธอทำสีหน้าโกรธและมองดูเขา
เธอพยายามจะใช้วิธีนี้เพื่อปกปิดความเขินอายของตัวเอง
จิ้นเฟิงเฉินนำมือลูบไปที่จมูกของเธออย่างอ่อนโยนแล้วพูดว่า “วันนี้ผมจัดการธุระเสร็จแล้ว อยากออกไปเดินเล่นไหมครับ? ผมจะไปเป็นเพื่อนคุณเอง”
จะไปเป็นเพื่อนคุณเอง……
ประโยคนี้ทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้ออ่อนระทวย “ดีค่ะ ฉันไม่ได้ออกไปข้างนอกนานแล้ว”
หลายวันมานี้เธอค่อนข้างจะตึงเครียด หากได้ออกไปพักผ่อนบ้างก็คงดี
หลังจากตัดสินใจเรียบร้อยทั้งสองคนก็ลุกขึ้นจากที่นอน
จิ้นเฟิงเฉินยังคงบีบยาสีฟันให้เธอด้วยความเอาใจใส่ และหลังจากที่เธอสระผมเสร็จเขาก็ได้เป่าผมให้เธอจนแห้ง
หลังจากทำทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว จิ้นเฟิงเฉินก็เดินจูงมือเธอออกจากบ้านไป
ถนนในมิลานมีความเป็นศิลปะอยู่ในตัว
คนในมิลานก็ค่อนข้างอบอุ่น ไม่ว่าจะเป็นคนชราหรือเด็กเล็กใบก็ล้วนเต็มไปด้วยความสุข เช่นเดียวกับเจียงสื้อสื้อตอนนี้
มิลานในตอนนี้ไม่เหมือนกับตอนที่เธอหนีออกมาคนเดียวท่ามกลางความเย็นและมืดมิด
เจียงสื้อสื้อส่ายหัวเพื่อสลัดความทรงจำอันไม่ดีนั้นทิ้งไป กำจัดความไม่พึงประสงค์และสิ้นหวังเหล่านั้นออกไป
ฝ่ามือของจิ้นเฟิงเฉินเข้ามาโอบมือเล็กๆของเธอเอาไว้ ทั้งสองคนเดินไปตามถนนเหมือนคู่รักทั่วไป
เจียงสื้อสื้อมองเห็นร้านโดนัทที่อยู่ไม่ไกลนัก เมื่อคิดถึงรสชาติมันหอมหวานเธอก็อดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
จากนั้นชี้ไปที่ป้ายร้านค้าหันมาถามจิ้นเฟิงเฉินว่า “คุณอยากทานโดนัทไหมคะ?”
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าเธออยากกินแน่นอน
จิ้นเฟิงเฉินจึงยิ้มขึ้นเล็กน้อยก่อนจะจูงมือเธอไป
“เราไปซื้อกันเถอะ”
เมื่อมาถึงในร้าน จิ้นเฟิงเฉินก็ใช้ภาษาอิตาลีพูดกับเจ้าของร้านอย่างชัดเจนว่า “ขอโดนัดให้ผมรสชาติละ 1 ชิ้น”
รูปร่างอันสมบูรณ์แบบและใบหน้าสไตล์ตะวันออกที่หล่อเหลาดึงดูดความสนใจของเจ้าของร้านตั้งแต่แรกอยู่แล้ว
เมื่อได้ยินเขาพูดภาษาอิตาลีได้อย่างชัดเจน ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองผู้หญิงที่อยู่ข้างๆเขา
“คุณผู้หญิง แฟนคุณเพียบพร้อมขนาดนี้ช่างน่าอิจฉาจริงๆเลยนะครับ”
“ผมเป็นสามีครับ”
จิ้นเฟิงเฉินโอบเจียงสื้อสื้อเอาไว้ในอ้อมแขน แล้วพูดประโยคนั้นออกมา
“ฮ่าๆๆ คุณนี่รักภรรยาของคุณจริงๆ!”
เจ้าของร้านโดนัทมองไปทางเจียงสื้อสื้อแล้วยิ้มออกมาอย่างสดใส
“คุณผู้หญิงครับ โดนัทของคุณได้แล้ว ขอให้พวกคุณทั้งสองคนมีความรักหวานซึ้งเช่นเดียวกับโดนัทนี้นะครับ”
รอยยิ้มจากเจ้าของร้านช่างจริงใจ พาให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกแบบนั้นไปด้วย
แม้เธอจะไม่เข้าใจความหมายของเขาในทุกคำพูด แต่เธอก็ตอบกลับด้วยรอยยิ้มคำสุภาพ
และหันหลังกลับไปมองจิ้นเฟิงเฉินด้วยความสงสัย