ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 830 อย่าให้มันหนีไปได้
บทที่ 830 อย่าให้มันหนีไปได้
ฝู้จิงเหวินเดินขึ้นรถไปด้วยสีหน้าเรียบเฉยราวกับว่าเขายังไม่ให้อภัยพฤติกรรมของข่ายสื้อลินเมื่อสักครู่
แสงแดดแรงจ้ายังเข้ามาในตาของฝู้จิงเหวิน เขาจึงได้หยิบแว่นกันแดดออกมาใส่แต่ไม่ใช่เพราะเพื่อป้องกันแสง
เพียงแต่ไม่ต้องการให้ข่ายสื้อลินค้นพบว่าดวงตาของเขานั้นชุ่มชื้น
ฝู้จิงเหวินขึ้นรถหลับตาลงและเอนไปที่พนักพิงอย่างเหนื่อยล้า
สมองของเขาได้แต่ทบทวนภาพต่างๆใน 3 ปีที่ผ่านมานั้น จนกระทั่งก่อนลงจากรถ ฝู้จิงเหวินจึงได้จัดการกับอารมณ์ของตนเรียบร้อย และกลับไปเป็นฝู้จิงเหวินที่เยือกเย็นดังเดิม
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินได้รับเอกสารของเจียงสื้อสื้อไปแล้ว เขาก็รีบพาเจียงสื้อสื้อกลับบ้าน
ตลอดทาง เจียงสื้อสื้อไม่สามารถระงับอารมณ์ของตัวเองได้ จึงร้องไห้ออกมาอย่างขมขื่น
แม้ว่าจะเผชิญหน้าไปแล้ว ตัดสินใจไปแล้ว แต่หัวใจของเจียงสื้อสื้อก็ยังคงอ่อนโยน
ทุกการกระทำที่ฝู้จิงเหวินปกป้องเธอ เธอจดจำเอาไว้ในใจ ไม่อาจจะลบเลือนความดีที่ฝู้จิงเหวินทำกับเธอได้
เมื่อนึกถึงแววตาครั้งสุดท้ายที่ฝู้จิงเหวินมองมา ความรู้สึกผิดในใจเธอก็ทวีคูณเพิ่มขึ้น อย่างไม่อาจควบคุมได้
จิ้นเฟิงเฉินมองไปยังหญิงสาวที่กำลังร้องไห้ เขาถอนหายใจออกมาและหยุดรถลงข้างทาง
หลังจากนั้นก็เอื้อมมือไปโอบเธอมาไว้ในอ้อมแขน ปลอบโยนด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลว่า “ไม่เป็นไรนะครับ อยากร้องไห้ก็ร้องออกมาเลยพวกเราจะได้กลับบ้านกันแล้ว”
เมื่ออยู่ในอ้อมแขนของจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็ร้องไห้อยู่สักพักจึงจะจัดการกับอารมณ์ของตัวเองได้ เธอเงยหน้าขึ้นมายิ้มแล้วพูดว่า “ฉันไม่เป็นไรค่ะ พวกราวกับบ้านกันเถอะ”
เธอไม่อยากให้จิ้นเฟิงเฉินต้องเป็นห่วงเธอมากไปกว่านี้
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มออกมาอย่างเอ็นดูเธอ หลังจากนั้นเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาบนแก้มสัมผัสกับศีรษะของเธอเบาๆ เอนตัวไปจูบเธอที่หน้าผาก
หลังจากนั้นก็ขับรถกลับบ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้านจิ้นเฟิงเฉินก็รีบโทรศัพท์หากู้เนี่ยน พูดว่า “ช่วยจองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศให้ผม 2 ใบเอาเร็วที่สุด”
กู้เนี่ยนนิ่งเงียบไปสักครู่และไม่ได้ตอบอะไรออกมา
“มีอะไรหรือเปล่า?” จิ้นเฟิงเฉินสัมผัสได้ถึงความผิดปกติไป คนอย่างกู้เนี่ยนปกติแล้วไม่ว่าจะทำเรื่องใดก็มีประสิทธิภาพสูงตลอดมา วันนี้เขากลับนิ่งเงียบๆลงจะต้องเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ๆ
“เกรงว่าพวกเราจะไม่สามารถเดินทางออกจากที่นี่ได้ง่ายๆ ระบบในบริษัทถูกโจมตีโดยแฮกเกอร์ที่ไม่รู้จัก และปรากฏเป็นช่องโหว่ขนาดใหญ่ จำนวนข้อมูลมากมายของบริษัทหายไป ซึ่งส่งผลกระทบให้กับบริษัทมาก……”
กู้เนี่ยนพูดออกมาจนจบ เสียงของเขายิ่งพูดยิ่งเบาลง
แม้ว่าจะถูกโจมตี แต่นี่แสดงให้เห็นว่าการป้องกันด้านเครือข่ายของพวกเขาไม่แข็งแกร่งพอ จึงทำให้ฝ่ายตรงข้ามมีโอกาสและใช้ประโยชน์จากมันได้
เขารู้ดีว่าคุณชายของเขาพยายามอย่างยิ่งช่วงนี้ก็เพื่อพาคุณผู้หญิงกลับบ้าน
ก่อนหน้านี้ปัญหาที่เอกสารถูกขโมยไปยังไม่ทันได้จัดการ ตอนนี้เอกสารได้มาไว้ในมือแล้วแต่บริษัทกลับเกิดปัญหาขึ้น
เจียงสื้อสื้อมองไปทางสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินที่เคร่งขรึมลงเรื่อยๆ เธอจึงถามด้วยความเป็นห่วงว่า “มีอะไรหรือเปล่าคะ?”
“ไม่มีอะไรครับ” จิ้นเฟิงเฉินเอนศีรษะไปปลอบโยนเธอแล้วพูดกับกู้เนี่ยนว่า
“รายงานเอกสารทุกอย่างกับผม และส่งไฟล์มา 1 ฉบับ”
จิ้นเฟิงเฉินนั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ มือหนึ่งถึงโทรศัพท์ อีกมือหนึ่งดูเอกสารที่กู้เนี่ยนส่งมาให้
เจียงสื้อสื้อพอจะเดาได้ว่าบริษัทน่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นแน่ เธอจึงได้ยืนอยู่ข้างๆเขาแล้วพูดออกมาเบาๆว่า “คุณจัดการธุระที่บริษัทไปก่อนเถอะค่ะ เราไม่รีบกลับบ้านกันหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าแล้วรู้สึกผิด
เจียงสื้อสื้อตั้งตารอคอยจะกลับบ้านเสมอมาแต่กลับมาเกิดข้อผิดพลาดขึ้นในตอนนี้
เธอรู้ว่าเขารู้สึกผิดอยู่ในใจเจียงสื้อสื้อจึงได้พูดให้ยาบำรุงกำลังกับเขาว่า “เพียงแค่มีคุณอยู่ไม่ว่าที่ไหนก็เป็นบ้านค่ะ คุณจัดการเรื่องในบริษัทอย่างสบายใจเถอะค่ะ”
เมื่อได้ยินดังนั้นจิ้นเฟิงเฉินก็สงบนิ่งลงค่อนข้างมากเขาจัดการกับอารมณ์ของตัวเอง และรวบรวมสมาธิอ่านเอกสารที่กู้เนี่ยนส่งมาอย่างรวดเร็ว
เขารีบเข้าไปในระบบของบริษัท แต่เมื่อเข้าไปก็พบว่าภายในนั้นถูกลงโปรแกรมไวรัสเอาไว้
สีหน้าของเขานิ่งเงียบลงทันที นิ้วมือเรียวยาวเคาะไปบนแป้นพิมพ์อย่างรวดเร็วเพื่อแก้ไข เอกสารบางอย่างยังไม่ทันจะได้ ทำการย้ายไฟล์ออกมาก็ถูกดักเอาไว้ก่อนที่จะเอาออกมา
แต่ว่า แม้ข้อมูลบางส่วนที่นำออกมาได้แล้วก็ไม่อาจจะนำมาใช้ได้อีกต่อไป
ยังโชคดีที่เอกสารอันเป็นหัวใจหลักนั้นไม่ได้หายไป ยังมีโอกาสที่จะแก้ไข
มือของเขาไม่ได้หยุดลงแม้แต่น้อย แต่กลับกำชับกู้เนี่ยนอย่างมีระบบระเบียบว่า “แจ้งไปทางทุกแผนก เอกสารลับใดๆก็ตามที่หายไปให้ระงับการใช้ ส่วนอย่างอื่นคุณตัดสินใจได้เลย”
“ครับคุณชาย”
กู้เนี่ยนตอบรับ
จิ้นเฟิงเฉินเริ่มติดตามตำแหน่งของอีกฝ่ายหนึ่งกลับไป เขาเริ่มติดตามจนกระทั่งเกือบจะตามทางแล้ว แต่กลับถูกอีกฝ่ายหนึ่งวิ่งหนีไปเสียได้
เขารู้สึกว่าอีกฝ่ายหนึ่งกำลังจะเล่นงานเขาอยู่ แต่ก็ไม่รีบร้อน เขาเอนตัวไปที่พนักพิงอย่างสบายอารมณ์ สายตาอันแหลมคมอย่างกับเหยี่ยวนั้นจ้องมองไปที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ ริมฝีปากของเขาขยับขึ้นเล็กน้อย
เมื่อสักครู่เขาได้ลงระบบโปรแกรมติดตามไว้เรียบร้อยแล้ว ไม่นานต่อมา ที่หน้าจอคอมพิวเตอร์ก็ปรากฏ ตำแหน่งของฝ่ายตรงข้ามขึ้น
ร้านกาแฟข้างอาสนวิหารมิลาน!
เขารีบรายงานสถานที่ให้กับกู้เนี่ยนรับรู้และให้เขาพาคนไปปิดล้อม
“ครับ!”
กู้เนี่ยนตอบรับคำสั่งและรีบพาคนมุ่งหน้าไปทางอาสนวิหารมิลาน
ที่ร้านกาแฟมีหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เมื่อเดินเข้าไปใกล้ กู้เนี่ยนก็ส่งสัญญาณมือให้พวกเขาหยุดการกระทำลง และมองเข้าไปในร้านกาแฟ พวกเขาก็ไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายหนึ่งหนีไปแล้วหรือยัง
ทันใดนั้น สายตาของกู้เนี่ยนก็จับจ้องไปยังชายคนหนึ่งสวมเสื้อคลุมสีดำและแว่นตากันแดดสวมแมส นั่งอยู่ตรงมุมที่ค่อนข้างห่างไกลจากตรงอื่น นิ้วมือของเขากำลังเคาะไปที่แป้นพิมพ์อย่างรวดเร็ว
กู้เนี่ยนโบกมือเป็นสัญญาณบอกกับคนกลุ่มนี้ว่า ให้เจาะจงไปที่คนคนนี้
แต่ว่าในขณะที่พวกเขากำลังจะเข้าไปด้านในนั้น อีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะรู้ตัวหรือสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง เขารีบปิดคอมพิวเตอร์ลงและวิ่งออกไปจากประตูทางด้านข้าง ขึ้นไปยังรถคันหนึ่งที่ปิดป้ายทะเบียนเอาไว้
“ตามไป ตามให้ทัน อย่าให้มันหนีไปได้!”
กู้เนี่ยนโบกมือและให้พวกเขาทั้งหลายวิ่งตามไปดักหน้ารถคันนั้นเอาไว้ ส่วนตนอยู่ในสถานที่เกิดเหตุเพื่อตรวจสอบข้อมูลบางอย่าง
เขาเดินเข้าไปในร้านกาแฟด้วยสีหน้าสงบนิ่ง และเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าที่ชายคนนั้นนั่งลงเมื่อสักครู่ เขายืนสังเกตทุกสิ่งทุกอย่างที่วางอยู่บนโต๊ะ นอกจากแก้วกาแฟแล้ว ไม่มีอะไรอย่างอื่นอีกเลย
กาแฟนั้นถูกดื่มไปกว่าครึ่งแก้ว แต่ว่าอีกฝ่ายหนึ่งดูเหมือนจะระมัดระวังตัวมาก เขาไม่เหลือไว้แม้แต่รอยนิ้วมือด้วยซ้ำ
เมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นเขาก็หยิบออกมาดู แล้วอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว
ลูกน้องของเขาโทรมา
เพิ่งผ่านไปไม่กี่นาทีเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? โทรมาหาเขารวดเร็วขนาดนี้มีข่าวดีหรือไง?
กู้เนี่ยนรับโทรศัพท์ อีกฝ่ายหนึ่งพูดด้วยอาการเหนื่อยหอบว่า “มันหายไปแล้วครับ ! พวกมันระมัดระวังมากและถือโอกาสเปลี่ยนรถ”
นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาคาดไว้มาก่อน
กู้เนี่ยนพยักหน้าและไม่ได้ตำหนิพวกเขา
เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายเตรียมความพร้อมมาแล้ว หากว่าถูกจับได้ง่ายๆก็น่าจะมีกับดักบางอย่างอยู่
“หลังจากที่อีกฝ่ายหนึ่งเปลี่ยนรถ เห็นทะเบียนรถของพวกเขาไหม? เห็นเหรอ? รีบแจ้งหมายเลขทะเบียนรถไปให้ผม ผมจะรายงานboss”
กู้เนี่ยนกำชับกับอีกฝ่ายหนึ่ง
ด้านของจิ้นเฟิงเฉินนั้นหลังจากที่จัดการกับรหัสมากมายบรรทัดสุดท้ายจนเสร็จสิ้นเขาก็ถอนหายใจออกมา และกำชับให้กู้เนี่ยนไปรอเขาที่บริษัท
ในเวลานั้น เจียงสื้อสื้อเดินถือนมขึ้นมาแก้วหนึ่ง
เมื่อเห็นสีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินที่ค่อนข้างจะเยือกเย็น เธอก็อดไม่ได้ที่จะกังวลแล้วถามขึ้นว่า “เฟิงเฉินคะ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”
เมื่อได้ยินดังนั้น เขาก็เอามือลูบศีรษะของเธอเบาๆแล้วพูดปลอบโยนว่า “ไม่มีอะไรแล้วล่ะครับ เดี๋ยวผมจะไปที่บริษัทหน่อยนะ”
เมื่อพูดจบจิ้นเฟิงเฉินก็ทิ้งรอยจูบไว้บนหน้าผากของเธอก่อนจะหันหลังเดินจากไป