ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 845 ไข้สูงไม่ลด
บทที่ 845 ไข้สูงไม่ลด
ฟางเสว่มั่นจิ้มไปที่หน้าผากของเจียงสื้อสื้อเบาๆแล้วมองดูเธอพูดอย่างขำขันว่า “มีลูกตั้ง 2 คนแล้วยังมาทำออดอ้อนแม่อีกนะ”
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะคะแม่ ถ้าอยู่ต่อหน้าแม่หนูก็เป็นเด็กตลอดนั่นแหละ”
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเข้าหากันเล็กน้อยแล้วเถียงกลับไปเบาๆ
สองแม่ลูกนั่งคุยกันอยู่ที่ห้องรับแขกสักครู่ และต่อมาสักพักแม่จิ้นก็กลับมาพอดี
เด็กทั้งสองนั่งเล่นกันตรงหน้าแม่จิ้นและฟางเสว่มั่น ส่วนผู้ใหญ่คนอื่นๆก็นั่งสนทนากันอยู่บนโซฟา
คุยไปคุยมาก็มาคุยถึงเรื่องของเจียงสื้อสื้ออีกจนได้
“สื้อสื้อ กลับมาครั้งนี้ตั้งใจว่าจะอยู่นานเท่าไหร่ล่ะ?”
แม่จิ้นยกถาดผลไม้ออกมาแล้วป้อนเสี่ยวเป่า ก่อนจะหันไปถามเจียงสื้อสื้อ
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินดังนั้นเธอก็เม้มปากแล้วทำท่าครุ่นคิด
กว่าเธอจะกลับประเทศมาพร้อมกับจิ้นเฟิงเฉินได้ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เธอไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าเมื่อไหร่จะกลับประเทศฝรั่งเศสอีก
แต่เมื่อถูกแม่จิ้นถามขึ้นมาอย่างกะทันหันเช่นนี้เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะขึ้นคิดอย่างจริงจัง
“พวกเราตั้งใจว่าจะอยู่ในประเทศจีนอีกสักพักค่ะ ที่จริงถ้าเป็นไปได้ล่ะก็อยากจะตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ประเทศจีนด้วยซ้ำ” เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่ชั่วครู่ในขณะที่เธอกำลังพูดประโยคนี้ออกมาก็มองไปทางจิ้นเฟิงเฉินอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“วันนี้ครึกครื้นจริงๆเลยนะ เสี่ยวเป่ามาให้ปู่กอดหน่อยเร็ว!”
เมื่อพ่อจิ้นกลับมาถึงบ้านและเห็นว่าสมาชิกทุกคนรวมตัวกันอยู่ที่นี่เขาก็อารมณ์ดีมาก
พ่อจิ้นยิ้มแล้วโอบกอดเถียนเถียนขึ้นมาในอ้อมแขน ไม่หลงเหลือความน่าเกรงขามตามปกติที่คนอื่นเห็นอยู่แม้แต่น้อย
เมื่อพ่อจิ้นนั่งลงแม่จิ้นก็ดึงมือเขาเข้ามาด้วยความดีใจแล้วพูดว่า “สื้อสื้อบอกว่าเธอตั้งใจจะตั้งรกรากที่ประเทศจีน!”
ก่อนหน้านี้ที่เจียงสื้อสื้อและจิ้นเฟิงเฉินไปตั้งหลักปักฐานอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส จะมีใครรู้บ้างว่าพวกเขาคิดถึงเพียงใด
เมื่อพ่อจิ้นได้ยินดังนั้นแน่นอนว่าเขาก็ดีใจมาก
สองสามีภรรยาอยากจะให้ทั้ง 4 คนพ่อแม่ลูกกลับมาที่ประเทศจีนเสียเหลือเกิน
จิ้นเฟิงเฉินมองไปทางสายตาที่ภรรยาของตนมองมา เขาไม่เคยต่อสู้กับสายตาอันอ่อนอ้อนแบบนี้ได้เลยสักครั้ง
อีกอย่างหนึ่ง การที่กลับมาอยู่ประเทศจีนก็ดีเหมือนกัน
จิ้นเฟิงเฉินสบตากับเธอเป็นความหมายในแล้วพูดขึ้นว่า “ไว้ถึงเวลาผมจะให้คนจัดการเรื่องที่ฝรั่งเศสนะครับ”
จิ้นเฟิงเหราที่ลงมาจากด้านบน สายตาทั้งคู่ของเขาก็เป็นประกายและรีบวิ่งลงมาด้านล่าง
“พี่ครับ พี่กับพี่สะใภ้จะกลับมาใช้ชีวิตที่ประเทศจีนจริงๆเหรอ? ดีจังเลย!” จิ้นเฟิงเหราพูดออกมาเสียงดัง เขาแทบจะกระโดดขึ้นด้วยความดีใจ
“ในเมื่อพวกคุณตั้งใจจะกลับมาประเทศจีนแล้ว ถ้าอย่างนั้นผมขอลาหยุด 1 ปีสำหรับการคลอดของภรรยา”
ใครจะรู้บ้างว่าในระหว่างที่พี่ของเขาไม่อยู่ในประเทศนี้เขาเหนื่อยมากเพียงใด
ตัวเขาไม่แตกต่างไปกับเครื่องจักรที่ไม่อาจหยุดพักผ่อนได้เลย!
ทำให้เขามีเวลาอยู่กับภรรยาน้อยมาก
จิ้นเฟิงเฉินเบ้ปากมองไปทางน้องชายของตน ริมฝีปากและสีหน้าท่าทางของเขาบ่งบอกถึงการปฏิเสธอย่างชัดเจน
“ไม่ได้!”
“ทำไมล่ะพี่?”
จิ้นเฟิงเหราเขารู้สึกไม่พอใจขึ้นมา “พี่คงไม่รู้สินะว่าแต่ละวันผมทำงานราวกับเครื่องจักรไม่เคยได้พักเลย แต่ตอนนี้ผมต้องการเวลามาอยู่เป็นเพื่อนหวั่นชีง ผมขอลาคลอด!”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วถามกลับไปว่า “ลาคลอดเหรอ?”
จิ้นเฟิงเหราพยักหน้า
“คนที่คลอดคือหวั่นชีงไม่ใช่แกสักหน่อย แกจะลาคลอดได้ยังไง?”
จิ้นเฟิงเฉินพูดออกมาอย่างไม่เห็นอกเห็นใจทำให้จิ้นเฟิงเหราพูดไม่ออก
คนในครอบครัวก็หัวเราะอย่างสนุกสนาน
จิ้นเฟิงเหราทำท่าทางออดอ้อนเศร้าโศกเสียใจแล้วเดินมานั่งลงข้างๆส้งหวั่นชีง เพื่อต้องการให้เธอกอดและปลอบใจ
ส้งหวั่นชีงอบยิ้ม แล้วยื่นมือออกมาตบลงบนบ่าของจิ้นเฟิงเหราเบาๆ
“เอาล่ะค่ะคุณ อายุปาเข้าไปป่านนี้แล้วยังทำตัวเหมือนเด็กๆไปได้” เธอก้มหน้าลงมองเขาแล้วพูดปลอบใจ
หลายวันต่อมา ตระกูลจิ้นก็ยังคงครึกครื้นอยู่แบบนี้
เช้าวันหนึ่ง
เจียงสื้อสื้อแตกต่างไปจากปกติ เธอตื่นขึ้นมาและพาเด็กทั้งสองคนลงมาด้านล่าง เธอตั้งใจว่าหลังจากรับประทานอาหารเช้าแล้วจะพาพวกเขาทั้งสองไปสวนสนุกตามที่ร้องขอ
ฟางเสว่มั่นนั่งอยู่บนโซฟาดูโทรทัศน์ เธอเป็นคนที่ตื่นเช้าที่สุดในบ้าน
เด็กน้อยทั้งสองคนเข้ามาพูดด้วยน้ำเสียงไพเราะว่า “คุณยายสวัสดีค่ะ/ครับ “
“แม่คะ ทานอาหารเช้าหรือยัง?”
มือของเจียงสื้อสื้อทั้งสองข้างจูงเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าฟางเสว่มั่น
เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆเธอจึงได้สังเกตเห็นว่าสีหน้าของฟางเสว่มั่นดูแดงผิดธรรมชาติ
เจียงสื้อสื้อจึงรีบปล่อยมือเถียนเถียนและเสี่ยวเป่าแล้วยื่นมือเข้าไปสัมผัสแก้มของแม่
ตัวร้อนนิดหน่อย!
มือของเธอจึงได้เปลี่ยนที่สัมผัสแตะไปยังหน้าผากของฟางเสว่มั่น
ก็ร้อนเหมือนกัน แสดงว่าเธอต้องป่วยแน่
“แม่คะ แม่เป็นไข้ทำไมไม่บอกหนู ทานยาหรือยังคะ?”
เจียงสื้อสื้อเป็นเดือดเป็นร้อนขึ้นมาทันใด
ฟางเสว่มั่นจึงได้ยกมือขึ้นมาสัมผัสหน้าผากของตัวเอง แล้วยิ้มออกมาว่า “แม่ก็ยังว่าอยู่ทำไมเช้านี้ตื่นมาแล้วดูเหนื่อยเหนื่อย”
หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินรับรู้ว่าฟางเสว่มั่นเป็นไข้ก็ได้ติดต่อกับหมอประจำตระกูล
หมอประจำตระกูลนั้นรอฟังคำสั่งตลอด 24 ชั่วโมง เมื่อได้รับสายจากเขาก็รีบมาถึงในเวลาอันสั้น
เมื่อหมอประจำตระกูลมาถึงก็ได้ทำการวัดไข้ให้กับฟางเสว่มั่นและทำการตรวจร่างกาย
“37.7 องศา เป็นไข้อ่อนๆ ทานยาก็น่าจะดีขึ้น”
หมอประจำตระกูลสะบัดปรอทวัดไข้แล้วเก็บใส่ไปในกล่องยาดังเดิม ตามด้วยหยิบยาจากด้านในกล่องออกมา
หลังจากกำชับเรียบร้อยว่าให้ทานวันละกี่ครั้งครั้งละกี่เม็ด หมอก็ได้เดินทางออกจากตระกูลจิ้นไป
เจียงสื้อสื้อเดินถือน้ำอุ่นออกมาจากห้องครัว จากนั้นหยิบยาส่งให้กับฟางเสว่มั่น
เสี่ยวเป่าที่นั่งอยู่ข้างๆตบลงบนหลังมือของฟางเสว่มั่นเบาๆ ทำท่าทางปลอบใจเหมือนกับผู้ใหญ่ว่า “คุณยายจะต้องทานยานะครับ แล้วจะได้หายป่วยไวๆ”
ฟางเสว่มั่นรู้สึกอบอุ่นหัวใจ เธอยื่นมือมาสัมผัสหัวของเสี่ยวเป่าเบาๆจากนั้นทานยาลดไข้เข้าไป และถูกเจียงสื้อสื้อพาตัวกลับไปพักผ่อนที่ห้องนอน
เรื่องที่แม่ของเธอเป็นไข้นั้นทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกเป็นห่วงมากเธอจะออกไปด้านนอกอย่างสบายใจได้ยังไง
ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงขอโทษเด็กน้อยทั้งสองและบอกกับพวกเขาว่าคงต้องรอครั้งหน้าถึงจะไปสวนสนุกได้
เสี่ยวเป่าและเถียนเถียนล้วนเป็นเด็กดี พวกเขาทั้งสองแสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เป็นไร
เมื่อฟางเสว่มั่นพักผ่อนก็หลับจนกระทั่งตอนบ่าย
เจียงสื้อสื้อเข้ามาวัดไข้อีกครั้ง ก็พบว่าเธอไม่เพียงแต่ไข้จะลด อีกทั้งยังมีไข้สูงขึ้นด้วย
“เฟิงเฉินคะ”
เจียงสื้อสื้อถือปรอทวัดไข้ไปหาจิ้นเฟิงเฉิน “ไข้ของแม่ไม่ลดลงเลย ฉันตั้งใจว่าจะพาแม่ไปหาหมอหน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินรับปรอทวัดไข้มาและส่องไปที่แสงไฟ
38 องศา
การที่เป็นไข้ไม่ลดลงอย่างนี้ไม่ใช่สัญญาณที่ดีนัก
เขารู้ดีว่าร่างกายของฟางเสว่มั่นนั้นไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ จึงได้รีบพาฟางเสว่มั่นขับรถออกจากบ้านไปพร้อมกับเจียงสื้อสื้อ มายังโรงพยาบาลที่ดีที่สุดในเมืองเฉิง
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ฟางเสว่มั่นก็ถูกตรวจร่างกายโดยรวม
แพทย์ใหญ่ที่ทำการตรวจร่างกายให้กับเธอ ได้อ่านประวัติผู้ป่วยก่อนหน้านี้ พร้อมกับรายงานสุขภาพร่างกายเมื่อสักครู่
“คุณหมอคะ แม่ของฉันเป็นยังไงบ้าง ทำไมจู่ๆเธอถึงได้ไข้ขึ้นสูงแบบนี้ล่ะคะ?”
เจียงสื้อสื้ออดใจรอไม่ไหวอีกต่อไปเธอถามคำถามหลายคำถามขึ้นมาทีเดียว
“คุณเจียง”
แพทย์ใหญ่จึงได้วางรายงานที่ถืออยู่ในมือลงแล้วขยับแว่นตาที่สวมใส่ สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม “ประวัติการรักษาและผลการตรวจร่างกายของคุณแม่เมื่อสักครู่ผมได้ดูเรียบร้อยแล้ว ที่ผ่านมาร่างกายของเธอก็ไม่ได้แข็งแรงเท่าไหร่นัก”
เมื่อเจียงสื้อสื้อได้ยินประโยคนี้หัวใจของเธอก็ห่อเหี่ยวขึ้นมาทันใด เธอกัดริมฝีปากของตัวเองและรอฟังคำพูดของแพทย์ที่กำลังจะพูดต่อไป
เมื่อจิ้นเฟิงเฉินเห็นดังนั้นเขาก็เอื้อมมือมาโอบบ่าของเธอเพื่อเป็นการปลอบโยน