ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 882 จำนวนไม่น้อย
เพื่อให้ได้รับคำตอบโดยเร็วที่สุด ฟางเฉิงไม่ลังเลที่จะเอ่ยฐานะตัวตนนี้ออกมาอีกครั้งเพื่อกดขี่ผู้อื่น
มุมปากของสาวน้อยแผนกต้อนรับอดไม่ได้ที่จะกระตุกเกร็ง
แม้ว่าประธานจิ้นจะเคยกำชับกับพวกเธอว่า ไม่ว่าใครก็ตาม ไม่อนุญาตให้เข้าบริษัทโดยไม่ได้นัดหมาย
แต่……นี่คือลุงของภรรยาท่านประธานจิ้นเชียว
เรื่องที่ท่านประธานรักภรรยาของเขาอย่างสุดซึ้งนั้นไม่ใช่ความลับ
พนักงานสาวแผนกต้อนรับรู้สึกอึ้งไปครู่หนึ่ง ท้ายที่สุดเธอก็ทำได้เพียงยิ้มและขอโทษ
“คุณผู้ชายคะ ดิฉันจะโทรไปสอบถามให้ได้ไหมคะ?”
ครั้งนี้ฟางเฉิงรีบพยักหน้า “อืมได้”
ไม่ใช่เรื่องตลกเลย เขายังจำสิ่งที่จิ้นเฟิงเหราพูดในครั้งล่าสุดได้
ถ้าเขาต้องการจะร่วมมือจริงๆ จะวางตัวสูงเกินไปไม่ได้
พนักงานสาวแผนกต้อนรับถอนหายใจด้วยความโล่งอกและกดโทรศัพท์ยังห้องทำงานของจิ้นเฟิงเหรา
พนักงานระดับล่างเช่นพวกเธอจะไปมีอำนาจในการติดต่อจิ้นเฟิงเฉินได้อย่างไร ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงโทรหากู้เนี่ยนเท่านั้น
เมื่อกู้เนี่ยนวางสายลง ก็เดินไปที่ห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉินเพื่อถามความคิดเห็นของเขา
ในความเป็นจริง ถ้าคนทั่วไปที่ไม่ได้นัดหมายไว้ กู้เนี่ยนจะปฏิเสธไปโดยตรง
แต่ฟางเฉิงแตกต่างออกไป ไม่ว่าอย่างไรเขาก็เป็นลุงของคุณหญิง ตัวเขาไม่กล้าตัดสินใจเอง
เป็นจังหวะเดียวกันที่จิ้นเฟิงเหราก็อยู่ในห้องทำงานของจิ้นเฟิงเฉินด้วย
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เขาก็พูดขึ้นทันทีว่า “พี่ครับ ถ้าพี่ตัดสินใจที่จะไม่ร่วมมือกับฟางเฉิง ผมก็จะปฏิเสธเขาเอง”
แม้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะอธิบายกับเขาเพียงสองสามคำเมื่อวานนี้ แต่เขาก็ทำธุรกิจมาเป็นเวลานาน สามารถและวิเคราะห์ข้อดีและข้อเสียได้อย่างรวดเร็ว
โครงการของฟางเฉิงเสี่ยงเกินไป นอกจากนี้เขาคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินคงลังเลที่จะปฏิเสธ เพราะความสัมพันธ์ของ เจียงสื้อสื้อ
ใครจะคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะส่ายหัว “ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของผม คุณไปจัดการเรื่องอื่นๆในบริษัทเถอะ”
หลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องทำงานไป
ณ ห้องรับแขก
ฟางเฉิงนั่งอยู่บนโซฟาด้วยความรู้สึกวิตกกังวลและคาดหวัง เขาไม่รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินหรือว่าจิ้นเฟิงเหราจะมาพบเขาหรือไม่
แต่อย่างไรเสียเขาก็รอมาตั้งสองวันแล้ว เขาไม่สนใจกับการรอคอยเพียงชั่วครู่นี้
ฟางเฉิงตกตะลึงอยู่สองสามวินาที เมื่อเขาเห็นร่างของจิ้นเฟิงเฉินผลักประตูเข้ามา เดิมทีเขาคิดว่าอาจเป็นจิ้นเฟิงเหราที่มาเจรจากับเขา
“เฟิง……ประธานจิ้น สวัสดีครับ”
ตอนแรกฟางเฉิงจะเผลอเรียกชื่อจิ้นเฟิงเฉินออกอย่างเป็นกันเอง แต่หลังจากครุ่นคิดชั่ววินาที เขาก็คิดว่ามันไม่ค่อยเหมาะสม ดังนั้นจึงทำได้เพียงเปลี่ยนเปลี่ยนคำเรียก
“คุณฟาง สวัสดีครับ” จิ้นเฟิงเฉินวางมาดนักธุรกิจแล้วพยักหน้าให้ฟางเฉิงเป็นการทักทายเและเดินไปนั่งลงที่โซฟาตรงข้ามเขา
นี่เป็นครั้งแรกที่ฟางเฉิงสนทนาส่วนตัวกับจิ้นเฟิงเฉิน
เมื่อไม่มีเจียงสื้อสื้ออยู่ด้วยข้างๆ ฟางเฉิงก็รู้สึกถึงแรงกดดันจากร่างของจิ้นเฟิงเฉิน
เขานั่งกุมมือด้วยท่าทางสงบเสงี่ยมและพูดอย่างสุภาพว่า “สวัสดีครับ สวัสดี……”
“ขออภัยด้วย สองวันมานี้มีเรื่องที่ต้องทำมากเลยครับ”
น้ำเสียงของจิ้นเฟิงเฉินดูเหมือนจะอธิบายว่าทำไมถึงปล่อยให้ฟางเฉิงรอมาถึง แต่ก็ยังไม่
ได้รับการตอบรับจากเขา
สิ่งนี้ทำให้ฟางเฉิงรู้สึกสับสน
จิ้นเฟิงเฉินคงเห็นแกเจียงสื้อสื้อจึงได้ทำท่าทีสุภาพเช่นนั้น นั่นหมายความว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จงั้นเหรอ?
“อ้อไม่เป็นไรครับ ไม่มีปัญหาเลย!”
ฟางเฉิงยิ้มและส่ายหัวเพื่อแสดงว่าเขาไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อยนี้ จากนั้นจึงลองเอ่ยถามว่า “เอ่อคือ ประธานจิ้น คุณอ่านโครงการนั้นหรือยังครับ?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้รีบร้อนตอบ แต่กลับวางหนังสือสัญญาในมือลงบนโต๊ะอย่างนุ่มนวล
“ผมได้อ่านเนื้อหาทั้งหมดแล้ว เงื่อนไขน่าสนใจมากทีเดียวและผลกำไรก็มหาศาล”
“ใช่แล้วครับ”
ดวงตาของฟางเฉิงเป็นประกาย เขาพยักหน้าเห็นด้วยและกล่าวว่า “เรื่องดีๆแบบนี้แน่นอนว่าผมคิดว่าควรทำกับคนในครอบครัว ประธานจิ้น คุณคิดว่าโครงการนี้สามารถร่วมมือกันได้ไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินจ้องไปที่ฟางเฉิง ดวงตาของเขาเยือกเย็น แต่สัมผัสได้ว่าหัวใจของฟางเฉิงรู้สึกหวาดกลัว
“SAกรุ๊ปมีชื่อเสียงมากในอิตาลี” จิ้นเฟิงเฉินเชื่อมโยงหัวข้อไปยังSAกรุ๊ปด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง ทำให้คนฟังไม่สามารถคาดเดาความหมายของเขาได้
เมื่อฟางเฉิงได้ยินชื่อบริษัทนั้น เขาก็ตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง
ดูเหมือนว่าจิ้นเฟิงเฉินจะระมัดระวังมากพอควร บางทีพวกเขาอาจได้ตรวจสอบSAกรุ๊ปแล้วก็ได้
เขาจึงตอบออกไปอย่างรวดเร็วว่า “ใช่ครับ บริษัทของพวกเขาใหญ่มาก ดังนั้นประธานจิ้นวางใจได้ว่าจะไม่มีข้อผิดพลาดเกิดขึ้น”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าเล็กน้อยแทนคำตอบ ขายาวของเขาไขว้กันอย่างสบายๆ เสียงของเขาค่อนข้างทุ้ม “คุณฟางครับ ผมมีข้อสงสัยนิดหน่อยว่าคุณไปมีความร่วมมือกับSAกรุ๊ปได้อย่างไร?”
คำถามนี้ทำให้ฟางเฉิงประหลาดใจ
เขาหัวเราะออกมาและคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะจัดระเบียบความคิดในใจออกมาว่า “เรื่องตระกูลฟางของเรา คาดว่าประธานจิ้นคงรู้อะไรบางอย่างแล้ว นับว่าเป็นครอบครัวใหญ่ในเมืองหลวงเลยทีเดียว นอกจากนี้คุณท่านก็มีความสัมพันธ์กว้างขวาง ไปๆมาๆ ก็ได้ติดต่อเข้ากับบริษัทบางแห่งในอิตาลี ทำให้เข้าถึงความร่วมมือได้ไม่ยาก”
เหตุผลของฟางเฉิงนี้พอฟังได้
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เพราะอย่างไรเขาก็แค่ถามตามมารยาท
สักพักหนึ่งเขาก็ถามขึ้นว่า “คุณฟาง คุณน่าจะอ่านสัญญานี้อย่างจริงจังแล้วใช่ไหม?”
ฟางเฉิงลังเลสักครู่แล้วพยักหน้าอย่างหนักแน่น
“ส่วนใหญ่เป็นเงื่อนไขที่เอื้ออำนวยสำหรับฝ่ายB และSAกรุ๊ปหรือฝ่ายA แทบไม่มีผลกำไรเลย”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อ้อมค้อม “ทำไมอีกฝ่ายถึงยอมให้กับผลกำไรที่ไม่สมเหตุสมผลเช่นนี้?”
การที่เขาถามคำถามนี้ก็เป็นเรื่องปกติ
เนื่องจากไม่มีก้อนเนื้อใดจะตกมาจากท้องฟ้าฟรีๆ
แต่ฟางเฉิงก็ยังตกตะลึงกับคำถาม
ตอนแรกเขาไม่เคยคิดว่าจิ้นเฟิงเฉินจะถามคำถามนี้ ในโลกธุรกิจ นักธุรกิจมากมายที่ต้องการเพียงผลกำไรเท่านั้น โดยปกติแล้ว ตราบใดที่ผลกำไรมากพอ พวกเขาก็ไม่ค่อยเจาะลึกถึงปัญหาประเภทนี้
แต่ฟางเฉิงประเมินจิ้นเฟิงเฉินต่ำเกินไป
เขาเป็นชายอายุน้อยที่สุดที่กุมหางเสือของจิ้นกรุ๊ปไว้
“เอ่อ ผม ผม……”
ฟางเฉิงพูดตะกุกตะกัก มือของเขากำไว้โดยไม่รู้ตัว และพยายามบังคับตัวเองให้สงบลง “ขออภัยด้วยครับประธานจิ้น ผมไม่ค่อยรู้เรื่องนี้มากนัก เพราะสัญญานี้อี้หมิงเป็นคนจัดการ”
ท้ายที่สุด ฟางเฉิงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นไร้หนทางและเอ่ยขอโทษ
จิ้นเฟิงเฉินยังคงนิ่งเงียบ เขาเพียงมองไปที่ฟางเฉิงอย่างสงบ
เขาอยู่ในวงการธุรกิจมาหลายปี วิสัยทัศน์และสัญชาตญาณของเขาช่างเก่งกาจจนน่ากลัว
สัญชาตญาณบอกเขาว่าฟางเฉิงมีบางอย่างปิดซ่อนอยู่
เรื่องนี้อาจมีบางสิ่งที่สำคัญมากสำหรับพวกเขา
“คุณฟาง ในเมื่อคุณไม่ได้ตั้งใจให้ความร่วมมืออย่างจริงใจ เช่นนั้นก็เชิญเถอะครับ”
หลังจากนิ่งเงียบไปนาน จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นจากโซฟา เขาชี้ไปที่ประตูห้องรับแขก
นี่คือการขับไล่แขก
ฟางเฉิงตื่นตระหนกและรีบอธิบายอย่างรวดเร็วว่า “ประธานจิ้น ไหนๆผมก็มาแล้ว จะบอกว่าไม่อยากร่วมมือจากใจได้ยังไงครับ? การที่ผมรอคุณอยู่ถึงสองวันที่เมืองจิ่นยังไม่นับว่าจริงใจอีกเหรอครับ?”
“เงินลงทุน 300 ล้านไม่ใช่น้อยๆ”
จิ้นเฟิงเฉินเหลือบมองฟางเฉิงอย่างเฉยเมย แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ประธานจิ้น คุณฟังผมก่อนนะ แม้ว่าการลงทุนครั้งแรกจะมาก แต่ตราบใดที่โครงการเสร็จสิ้น กำไรจะเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว!”
ฟางเฉิงลุกขึ้นยืนอย่างเร่งรีบ และลองพยายามเกลี้ยกล่อมเขา