ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 899 ไม่มีการตอบแทนแม้แต่น้อย
หัวค่ำ เมฆบนขอบฟ้าเต็มไปในท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ สวยงามมาก
จิ้นเฟิงเฉินกลับไปถึงคฤหาสน์ตระกูลจิ้น ไม่เห็นเจียงสื้อสื้อในห้องรับแขก จึงถามแม่บ้าน
รู้ว่าสื้อสื้ออยู่หลังบ้าน เขาก็เดินไปหลังบ้าน
ยังไม่ได้เดินออกไป ก็ได้ยินเสียงของสื้อสื้อดังมา เธอนั่งบนเก้าอี้ อยู่ด้านหลังเขา เหมือนกำลังคุยโทรศัพท์กับใคร
เขาจึงหยุดเดิน พิงอยู่ข้างประตูกระจกหลังบ้าน มองหลังสื้อสื้อด้วยสายตาอ่อนโยน
ผมยาวพาดบ่าปลิวไปตามลม เสียงหวาน “คุณตา ที่คุณตาพูดมาหนูรู้หมด วางใจได้ แล้วคุณตา ช่วงนี้ร่างกายเป็นยังไงบ้าง?”
ที่แท้คุยโทรศัพท์กับคุณท่านฟาง
เจียงสื้อสื้อรู้สึกใกล้ชิดกับคุณตาท่านนี้ที่เพิ่งเจอกันไม่นาน อาจจะเป็นเพราะเธอรับรู้ได้ถึงความรักใคร่ที่คุณท่านฟางมีต่อเธอ
อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกผิดที่มีต่อแม่ของเธอ รวมกับความรู้สึกผิดที่มีต่อเธอ
แต่ว่า เจียงสื้อสื้อไม่ใส่ใจว่าเพราะอะไร กลับกัน เธอรู้สึกทะนุถนอมความสุขที่มีสมาชิกในครอบครัวเพิ่มขึ้น
คุณท่านฟางรู้ว่าเธอเป็นห่วงเรื่องสุขภาพเขา รีบพูดว่า “ร่างกายตาแข็งแรงมาก แต่ว่า ตาคิดถึงเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียน ทั้งสองคนกลับไปกี่วัน ตาก็คิดถึงกี่วัน……”
ความหมายในคำพูดก็คือ เขาอยากเจอเหลนทั้งสองคน
เจียงสื้อสื้อได้ยินคำพูดของคุณตา ก็รู้สึกว่าน่ารัก
“คุณตา นี่แค่ไม่กี่วันเอง?” เจียงสื้อสื้อกลั้นหัวเราะไว้ ตั้งใจล้อเล่น
คุณท่านฟางทำเสียงเห้อไปทีหนึ่ง “หนูไม่เคยได้ยินคำว่า ห่างกันหนึ่งวันเหมือนหนึ่งปีเหรอ?”
“ใช่ใช่ใช่ คุณตาพูดถูก”
เจียงสื้อสื้อเออออจามคุณท่านฟางไป ก็หัวเราะอย่างมีความสุขด้วย
เธอรู้สึกได้ว่า คุณท่านฟางชอบเด็กสองคนอย่างจริงใจ
“ไม่ว่ายังไง ช่วงนี้ถ้าตาว่างก็จะไปเยี่ยมพวกเราที่เมืองจิ่น ไม่อย่างงั้นในใจก็คิดถึงตลอด……” คุณท่านพูดไม่หยุด
ส่วนเจียงสื้อสื้อก็ฟังอย่างมีความอดทน รับคำบ้าง หัวเราะอย่างดีใจ ไม่รู้สึกเบื่อแม้แต่น้อย
จิ้นเฟิงเฉินที่ดูอยู่ข้างหลังอยู่นานแล้ว สายตาก็อ่อนโยนลง เขาไม่ได้ส่งเสียงรบกวน แต่ยิ้มหันกลับไป เดินออกไปเบาๆ
เขาขึ้นห้องหนังสือชั้นบน เพิ่งวางมือถือไว้บนโต๊ะหนังสือ เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินก้มไปดูอย่างใจเย็น ฟางยู่เชินโทรมา
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา รับสาย ก็ได้ยินเสียงขอบคุณของฟางยู่เชินดังขึ้น
“น้องเขยวันนี้คุณชายของตระกูลจี้ ตระกูลหยุน ตระกูลจิ่งทั้งสามตระกูล เข้ามาคุยเรื่องร่วมงานกับผม ผมรู้ ต้องเป็นคุณแน่นอนที่ให้ความช่วยเหลือ ขอบคุณมาก”
ฟังคำขอบคุณของฟางยู่เชินที่น้ำเสียงดีใจ จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย ยิ้ม “คนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจ พวกเขายอมร่วมงานกับคุณ ก็เป็นเพราะความสามารถของคุณ คุณรักษาโอกาสไว้ดีๆ”
ได้รับกำลังใจอย่างหนักแน่นของจิ้นเฟิงเฉิน ฟางยู่เชินรู้สึกตื่นเต้น ในใจเต็มไปด้วยแรงสู้ “อืม แน่นอน”
จากนั้น ทั้งสองก็คุยไปนิดหน่อย ก็วางสาย
ในใจฟางยู่เชินจำความดีของจิ้นเฟิงเฉินไว้ วันหลังเขาต้องตอบแทนแน่
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าทำงาน ครู่เดียว ประตูห้องหนังสือก็มีเสียงเคาะเบาๆ
เงยหน้า ก็เห็นเจียงสื้อสื้อมือถือถาดผลไม้ เดินเข้ามาในห้องหนังสือ
เธอยิ้มหวาน จนตางอนเป็นเสี้ยวพระจันทร์ ประกายดั่งดาว
จิ้นเฟิงเฉินเจียงสื้อสื้อเดินมาทีละก้าว จะมีใจทำงานได้ยังไง?
“กลับมาจากบริษัทก็ทำงานต่อเลย เหนื่อยไหม? พักผ่อนกินผลไม้หน่อยค่ะ” เจียงสื้อสื้อรู้สึกเป็นห่วง หลายวันนี้จิ้นเฟิงเฉินยุ่งทั้งในและนอกบ้าน กลับถึงบ้านแล้วยังทำงานต่อ
จิ้นเฟิงเฉินยิ้ม เขามองตาอันห่วงใยของสื้อสื้อ ก็รู้สึกอบอุ่นในใจ
เจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปวางถาดผลไม้ไว้บนโต๊ะ หยิบซ่อมขึ้นมา จิ้มส้มขึ้นมาหนึ่งชิ้น ป้อนให้จิ้นเฟิงเฉิน
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มกว้างขึ้นอีก รับอย่างดีใจ จับข้อมือเธอไว้ ดึงเธอเข้าสู่อ้อมกอดของเขา
ทันใดนั้นความอบอุ่นหอมกรุ่นเต็มทุกประสาทสัมผัสของเขา จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอแน่นขึ้น แววตามืดลง
เจียงสื้อสื้อล้มเข้าอ้อมกอดของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เธอรู้สึกเขินอาย แต่ไม่ได้ขัดขืน ยื่นมือโอบคอเขาไว้
ห้องหนังสือเงียบไปทันที ทั้งสองมีความสุขกับช่วงเวลาที่มีเพียงกันและกัน
ครู่หนึ่ง หญิงสาวในอกพูดว่า “ที่รัก ขอบคุณสิ่งที่คุณทำเพื่อฉัน เพื่อตระกูลฟางทุกอย่าง”
เธอรู้เรื่องที่จิ้นเฟิงเฉินช่วยเหลือตระกูลฟาง ในใจเธอรู้ดี จิ้นเฟิงเฉินทำทุกอย่างนี้เพื่อเธอ
จิ้นเฟิงเฉินแค่ใช้คางถูหัวเธอเบาๆ พูดอย่างไม่ได้ใส่ใจ “เรื่องเล็กแค่นี้ ไม่ใช่เรื่องหนักหนาอะไร ขอแค่เป็นคนที่ดีกับคุณ ผมจะตอบแทนพวกเขาสองเท่า”
ความคิดของจิ้นเฟิงเฉินที่รักเธอก็รักทุกอย่างที่เป็นของเธอ
เจียงสื้อสื้อถูไปมาบนเสื้อของเธอ รู้สึกน้ำตาคลอ
ทำไมผู้ชายคนนี้ดีกับเธอขนาดนี้? ดีจนทำให้เธอรู้สึกว่าไม่อาจตอบแทนเธอได้
จิ้นเฟิงเฉินกอดเธอไว้ รู้สึกพอใจมาก ความอบอุ่นตอนนี้แลกมาด้วยเรื่องรวมมากมายที่พวกเขาผ่านมาด้วยกัน
เขากอดแน่นมาก เหมือนอยากกอดเธอเข้าไปในเลือดเนื้อเขา
สื้อสื้อผังหน้าของตัวเองไว้กลางอกเขา ระหว่างลมหายใจนั้นเป็นกลิ่นอายที่เธอรักใคร่ ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยมาก
ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น ถึงแม้ฟ้าจะถล่มลงมา ขอให้ผู้ขายคนนี้อยู่ เธอก็รู้สึกวางใจ
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานแค่ไหน เสียวของพ่อบ้านดังขึ้น “คุณชาย คุณหญิง ถึงเวลากินอาหารเย็นแล้ว”
เจียงสื้อสื้อจิ้มหน้าอกของจิ้นเฟิงเฉิน วินาทีต่อมา มือข้างนั้นถูกเขาจับไว้แน่น เธอเงยหน้าก็สบตาอันอ่อนโยนของเขา
“กิน กินข้าวแล้ว……” เจียงสื้อสื้อหน้าแดง เหมือนแมวน้อย”
จิ้นเฟิงเฉินหัวเราะ “ไปเถอะ”
หญิงสาวคนนี้ ล้อไม่ได้เลย
เจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินลงมาแล้ว ทั้งครอบครัวก็กินข้าวกันอย่างมีความสุข
เงาของแสงไฟบนหัว กับแสงราตรีนอกหน้าต่าง ทำให้บรรยากาศรู้สึกอบอุ่น
……
ประสิทธิภาพการทำงานของฟางอี้หมิงกับฟางเฉิงใช้ได้เหมือนกัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่วัน ก็เตรียมจำนวนยาที่จิ้นเฟิงเฉินต้องการครบถ้วน
จิ้นเฟิงเฉินได้รับข่าวแล้ว ก็โทรหาพิเอร์สทันที
“คุณพิเอร์ส ทางผมเตรียมยาที่คุณต้องการครบแล้ว อีกสองวัน ผมจะส่งไปที่อิตาลีเอง”
เขาเพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินพิเอร์สหัวเราฮาฮา “จริงเหรอครับ? ดูแล้ว ทางเราตัดสินใจร่วมงานกับคุณเฟิง เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด ถ้าอย่างนั้น ผมรอต้อนรับคุณที่อิตาลี”
ส่วนเจียงสื้อสื้อก็รู้ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไปอิตาลีอีกแล้ว
สำหรับสถานที่แห่งนี้ ในใจของเธอเต็มไปด้วยฝันร้าย ได้ยินจิ้นเฟิงเฉินจะไป เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้
เพราะต่างถิ่นต่างแดน ถ้าเกิดอะไรขึ้น ก็ไม่ได้จัดการง่ายเหมือนอยู่ในประเทศ
เห็นสายตาที่เป็นห่วงของเจียงสื้อสื้อ จิ้นเฟิงเฉินก็ดึงเธอเข้ามากอด พูดปลอบอ่อนโยน “ไม่ต้องกังวล ผมไม่เป็นไรแน่”
พูดไปด้วยก็ตบหลังเธอเหมือนกล่อมเด็กน้อย
เจียงสื้อสื้อทั้งเชื่อทั้งห่วง กอดเอวเขาไว้แน่น พูดเสียงหดหู่ “ถ้าอย่างนั้นนั้นคุณต้องระวัง ต้องกลับมาอย่างปลอดภัย……”