ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 912 แทบไม่เหลืออะไร
ในขณะที่รถบรรทุกทั้งสามคันเคลื่อนตัวเข้าใกล้โกดังขึ้นเรื่อยๆ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น มาพร้อมกับเสียงโครมดังของการชนกันของโลหะ
“วันนี้พวกแกอย่าคิดจะหนีรอดไปแม้แต่คนเดียว”
ไม่รู้เสียงใครตะโกนออกมา เห็นเพียงชายร่างใหญ่หลายคนพุ่งออกมาจากตรอกของโกดัง ในมือมีแท่งเหล็กยาวหนึ่งเมตร พวกเขาทั้งวิ่งและหันกลับไปดู
“อย่าคิดว่าจะหนีรอด”
อีกฝ่ายวิ่งตามมา ในมือมีแท่งเหล็กอยู่เช่นกัน
ทั้งสองต่อสู้กัน เกิดความชุลมุนขึ้น แยกไม่ออกฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน
แต่เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายนั้นเสียเปรียบ ดูท่าจะสู้ไม่ไหว มีคนดึงมีดสั้นออกมา แทงลงไปที่ถังน้ำมัน อากาศเต็มไปด้วยกลิ่นน้ำมันลอยเตะจมูก
เมื่อได้กลิ่น ทุกคนต่างก็หยุด หันกลับมามอง
เห็นเพียงคนคนนั้นที่กำลังหยิบไฟแช็กออกมา จุดไฟและโยนออกไป
ไฟแช็กหล่นลงไปบนพื้นที่มีน้ำมันไหลออกมาเกลื่อน ไฟพลันลุกวาบขึ้นอย่างรวดเร็ว ไฟโหมกระพือขึ้นสูง
“บ้าไปแล้ว”
ทั้งสองไปสนจะสู้กันต่อแล้ว ต่างก็วิ่งหนีกันจ้าละหวั่น เกรงว่าไฟจะเผาไหม้ตัวเอง
กองไฟลุกไหม้อย่างรุนแรง ไม่นานก็ลุกลามไปจนถึงโกดังที่อยู่ด้านข้าง
คนของSAกรุ๊ปที่กำลังเข้ามาใกล้ มองเห็นไฟที่ลุกลามอยู่ไกลๆ รีบเร่งความเร็วมายังโกดัง เมื่อเห็นไฟที่กำลังลุกไหม้โกดัง ใบหน้าก็ซีดลงทันที
แย่แล้ว
“เร็ว รีบดับไฟ”
เมื่อรถหยุดลง ทุกคนพากันวิ่งลงจากรถ
ในโกดังนั้นมียาที่สำคัญที่สุดของบริษัท หากเกิดปัญหาขึ้น พวกเขาทั้งหมดคงเอาตัวไม่รอดแน่
“ทุกคนระมัดระวังด้วย ยาพวกนี้หากเกิดปัญหาอะไรขึ้นมา พวกนายรู้หรือเปล่าจะเกิดอะไรขึ้น ได้ยินหรือเปล่า”
คำสั่งก่อนออกมาของพิเอร์สยังคงดังก้องอยู่ในหัว
พวกเขาคิดอยากเข้าไปด้านใน ทว่าไฟรุนแรงเกินไป ไม่สามารถเข้าใกล้โกดังได้เลย
“แล้วต้องทำยังไง ถ้าเป็นแบบนี้ต่อไป ยาต้องถูกเผาไปหมดแน่” มีคนเริ่มร้อนใจจนน้ำเสียงเปลี่ยนแล้ว
แม้ว่าบนรถจะมีอุปกรณ์ดับไฟ แต่ตนนี้ไฟลุกลาม เครื่องพวกนี้ไม่สามารถทำอะไรได้เลย
ไฟตรงหน้าเกินกว่าที่พวกเขาจะควบคุมได้ เวลานี้ มีคนเสนอ “เราแจ้งดับเพลิงกันเถอะ”
“นายจะบ้าไปแล้วเหรอ คิดว่าเรื่องนี้แจ้งตำรวจได้เหรอ” มีคนตอบกลับมาทันที
ก่อนหน้านี้SAกรุ๊ปโดนตรวจสอบ ครั้งนี้ยังมาเกิดเรื่อง เกิดเรื่องไปถึงตำรวจ แล้วพวกเขาจะรายงานต่อเบื้องบนอย่างไรกัน
“แต่ถ้าไม่แจ้ง ของด้านในก็จะโดนไหม้จนหมดนะ”
พวกเขารู้ดี ไม่ว่าจะเลือกทางไหน เบื้องบนก็ไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปแน่
แต่ตอนนี้สิ่งที่พวกเขาทำได้คือทำให้มันเสียหายน้อยที่สุด
ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะแจ้งดับเพลิง
เมื่อได้รับแจ้งว่ามีเหตุไฟไหม้ เหล่านักดับเพลิงก็พุ่งตรงมายังโกดังทันที และรีบเข้าไปช่วยดับไฟ
เมื่อไฟเริ่มเบาลง พวกเขาไม่สนใจการห้ามจากพนักงานดับเพลิง คนของSAกรุ๊ปพุ่งเข้าไปในโกดังที่ไหม้เกรียม
พวกเขายังมีความหวัง หวังว่าของด้านในจะไม่เป็นอะไร
แต่ความเป็นจริงนั้นเลวร้าย
เมื่อพวกเขาเข้าไปด้านใน ยาส่วนใหญ่ถูกเผา ที่เหลืออยู่ก็แทบใช้การไม่ได้ ส่วนที่เหลืออยู่และสามารถใช้งานได้จริงๆ นั้นมีเพียงเล็กน้อย
“ซวยแล้ว” มีคนขาอ่อนล้าล้มลงกับพื้น ใบหน้าขาวซีด
เมื่อพิเอร์สได้รับข่าวก็รีบไปทันที ตอนที่เขาไปถึง ตำรวจก็มาแล้ว
ไฟครั้งนี้ลุกไหม้รุนแรง สิ่งก่อสร้างรอบข้างก็โดนผลกระทบไปด้วย ตำรวจเองได้รับแจ้งจากผู้คนรอบข้างให้เข้ามาตรวจสอบ
“คุณพิเอร์ส”
เมื่อเห็นพิเอร์ส ตำรวจก็เดินเข้าไปหา
พิเอร์สอยากรีบเข้าไปดูของด้านใน ทว่าอีกฝ่ายเป็นตำรวจ เขาไม่กล้าทำอะไรผลีผลาม ทำได้เพียงพยักหน้าตอบรับท่าทางเกรงอกเกรงใจ “ลำบากพวกคุณแล้วครับ”
“ไม่ลำบากหรอกครับ เราแค่อยากสอบถามว่าโกดังนี้เป็นของSAกรุ๊ปใช่หรือเปล่าครับ” อีกฝ่ายจ้องมองเขา ราวกับมองอะไรออก
“ครับ เป็นของเราเอง” พิเอร์สพยักหน้า
อีกฝ่ายหยิบเอกสารขึ้นมาเขียน จากนั้นเงยหน้ามองเขาอีกครั้ง “งั้นคุณทราบสาเหตุที่เกิดไฟไหม้ไหมครับ”
“ไม่ทราบครับ ผมเองก็พึ่งทราบแล้วรีบมาที่นี่”
พิเอร์สพึ่งเอ่ยตอบเสร็จก็มีลูกน้องวิ่งเข้ามายืนข้างๆ กระซิบบอกกับเขา ทว่าสีหน้าของเขาพลันเปลี่ยนไปทันที
“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ผมขอเข้าไปดูด้านในก่อน”
ไม่สนใจว่าตำรวจจะพูดอะไรอีก พิเอร์สรีบเดินเข้าไปด้านในทันที
ตำรวจมองตามเขาไป จากนั้นหันไปสอบถามคนที่เห็นเหตุการณ์
“ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้…”
มองเห็นยาที่กลายเป็นเถ้าถ่าน ใบหน้าพิเอร์สก็เข้มขึ้น ร่างกายสั่นเทา
ของเสียหายแล้ว ตอนนี้ยายังมาโดนเผาอีก
แม้เขาจะมีถึงสิบชีวิตก็คงรักษาชีวิตตัวเองเอาไว้ไม่ได้แล้ว
“คุณพิเอร์สครับ ตอนนี้จะทำยังไงดีครับ” ลูกน้องข้างๆ ถามอย่างระมัดระวัง
พิเอร์สได้ยินดังนั้น ความโกรธก็พุ่งขึ้นทันที ตบหน้าทันที ด่าไปอีกครั้ง “สวะ สวะทั้งนั้น เรื่องแค่นี้ยังทำไม่สำเร็จ บริษัทเก็บพวกนายไว้เพื่ออะไรกัน”
พวกเขาโดนด่าจนไม่มีใครกล้าพูดอะไร
เรื่องมาถึงตอนนี้แล้ว พูดอะไรไปก็คงไม่ช่วยให้ความเสียหายกลับคืนมาได้แล้ว
พิเอร์สสูดหายใจเข้าลึก พูดต่อ “ฟังฉันให้ดีนะ เรื่องในคืนนี้พวกนายหนีไม่พ้นแน่”
เมื่อพูดจบ เขาก็หมุนตัวจากไปด้วยความโกรธ
เมื่อเดินออกมา เดิมเขาจะกลับทันที ทว่าถูกตำรวจเรียกตัวเอาไว้
“คุณพิเอร์ส ผมขอความร่วมมือจากคุณด้วยครับ”
“หมายความว่ายังไงครับ” พิเอร์สยังคงโมโหอยู่ ไม่มีความเกรงใจอีกแล้ว ไม่ไว้หน้าตำรวจเลยสักนิด
อีกฝ่ายไม่สนใจและเอ่ยตามตรง “เราพึ่งได้สอบถามคนรอบข้าง บอกว่ามีการต่อสู้เกิดขึ้นก่อนที่จะเกิดไปลุกไหม้จากน้ำมัน จึงทำให้เกิดไฟไหม้ในครั้งนี้”
“ในเมื่อเป็นแบบนี้ พวกคุณกลับไม่ไปตามหาคนพวกนั้น แต่มาขอความร่วมมือกับผม” น้ำเสียงของเขาดูไม่ดีมากยิ่งขึ้น
“โกดังของคุณโดนเผา แบบนี้มันเกี่ยวข้องกับพวกคุณไหมครับ”
พิเอร์สต้องการรายงานจอห์นโดยเร่งด่วน ทว่าไม่สามารถละเลยฝั่งตำรวจนี้ได้ จึงจำเป็นต้องใจเย็นลง ต่อสายไปรายงานจอห์น
กลางดึก จอห์นนอนหลับไปแล้ว เสียงโทรศัพท์พลันดังขึ้น ปลุกให้เขาตื่นขึ้นมา
เขาลถกขึ้นนั่งบนเตียงด้วยความหงุดหงิด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเป็นพิเอร์ส ใบหน้ายิ่งเข้มขึ้น เมื่อกดรับจึงด่าออกไป “พิเอร์ส โทรมาเวลานี้ นายต้องมีข่าวสำคัญนะ”
“คุณจอห์น โกดังไฟไหม้แล้ว ของโดนไหม้แทบไม่เหลือแล้ว”
คำพูดสั้นๆ เมื่อฟังจบ ความง่วงของจอห์นก็หายไปจนหมด เขารีบลงจากเตียง สวมชุดคลุมแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที
วัตถุดิบพวกนั้นเป็นของสำคัญของบริษัท ถ้าไม่มีมัน ก็ไม่สามารถพัฒนายาได้ ถึงตอนนั้นไม่เพียงแค่เขา SAกรุ๊ปเองก็ยากที่จะรอดพ้น