ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 914 คุณนี่ช่างเย็นชาจริงๆ
“อย่าให้พวกเขารู้ว่าผมเป็นคนอยู่เบื้องหลัง ดังนั้นคุณเผยตัวสักนิดหน่อย”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปชั่วครู่ค่อยเอ่ยขึ้น
“ฉันต้องเปิดเผยตัว”
ชีซาควบคุมตัวเองไม่อยู่แล้ว ราวกับแมวที่ขู่พร้อมกระโดด “จิ้น แม้ว่าฉันจะวางแผนให้เรื่องทั้งหมดมันชี้มาที่ฉัน แต่คุณคิดจะให้ฉันมารับกรรมแทนแบบนี้ จะใจร้ายเกินไปหน่อยหรือเปล่า”
เธอหัวเราะออกมาด้วยความโกรธ จ้องมองเขาไม่อยากจะเชื่อ
เมื่อคิดว่าเธอทำอะไรเพื่อเขาบ้าง ไม่ได้ขอให้เขาขอบคุณ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใจร้ายขนาดนี้
ตรงข้ามกับเธอ จิ้นเฟิงเฉินยังคงนิ่ง เขารินไวน์แดงลงในแก้ว ยกขึ้นจิบ หันไปมองเธอ มุมปากยกขึ้น “รับกรรมอะไร คุณเองก็คิดจะแก้แค้นให้ลูกน้องอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
“ฉัน…” ชีซาอยากตอบโต้ แต่ว่าเขาพูดความจริง จึงทำได้เพียงปล่อยไป
จิ้นเฟิงเฉินพูดต่อ “ดังนั้นผมจึงต้องการให้ดูเป็นเหมือนการแก้แค้น ไม่อย่างนั้นมันจะมีผลต่อแผนการในอนาคตของผม”
“คุณนี่ช่างเย็นชาจริงๆ ” ชีซาคุมอารมณ์ตัวเองเอาไว้ ส่งเสียงหยัน
เมื่อก่อนรู้สึกว่าเขาเย็นชา แต่ว่าเรื่องนี้ ทำให้เธอมั่นใจได้ว่าชาตินี้เธอคงไม่เคยเจอใครเจ้าแผนการเท่าเขาอีกแล้ว ชายแก่เจ้าเล่ห์
เธอเป็นถึงเจ้าสำนักของสำนักอู๋ซาง แต่กลับมาเป็นตัวตลกให้เขา
ชีซายิ่งคิดยิ่งโกรธ เธอสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาคู่นั้นเต็มไปด้วยความโกรธ
ถ้าไม่ใช่เพราะครั้งนั้นจิ้นเฟิงเฉินช่วยชีวิตเธอเอาไว้ เธอก็คงจะหลีกเลี่ยงเขาได้
จิ้นเฟิงเฉินราวกับไม่รับรู้ถึงความโกรธของเธอ นั่งจิบไวน์ด้วยท่าทางเฉยชา
เพราะท่าทางเย็นชาของเขา ทำให้เธอกัดฟันด้วยความโกรธ
“ฉันไปล่ะ”
ชีซาคิดว่าถ้าเธออยู่นานเกินไปคงจะระเบิดเป็นแน่
กู้เนี่ยนยืนอยู่หน้าประตู เกือบจะโดนชีซาที่กำลังโกรธชนเข้า
เขารีบหลบออกด้านข้าง มองเธอด้วยความเห็นอกเห็นใจ
หลังจากเธอไปแล้ว กู้เนี่ยนเดินมาหยุดอยู่ด้านข้างจิ้นเฟิงเฉิน
“คุณชายครับ ต้องการให้ผมทำอะไรไหมครับ” กู้เนี่ยนถาม
จิ้นเฟิงเฉินมองเขา ส่ายหน้าเบาๆ “ไม่ต้อง”
“แต่ว่า…” กู้เนี่ยนเป็นห่วงว่า คนของSAจะสงสัยมาถึงเขา
“ไม่เป็นไรหรอก”
จิ้นเฟิงเฉินเชื่อมั่นในฝีมือของชีซา
……
เช้าวันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินยังคงนอนหลับอยู่ กู้เนี่ยนเปิดประตูเข้ามา รีบเดินเข้าไปหาเขา
จิ้นเฟิงเฉินรู้สึกตัวลืมตาตื่นขึ้นมา เมื่อเห็นว่าเห็นกู้เนี่ยน จึงขมวดคิ้ว “มีอะไร”
สีหน้ากู้เนี่ยนดูไม่ดี บอกเสียงเบา “คุณจอห์นมาครับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินจึงหัวเราะ “มาเร็วจริงๆ ”
รู้อยู่ก่อนแล้วว่าจอห์นต้องมาหา ดังนั้นจึงไม่ได้แปลกใจอะไร
เขาสาวเท้ายาวเข้าไปในห้องน้ำ
เมื่อเห็นดังนั้น กู้เนี่ยนจึงหมุนตัวเดินออกไป
คุณเฟิงมาหรือยัง”
จอห์นที่รออยู่ในห้องรับแขกมองเห็นกู้เนี่ยนเดินออกมา จึงรีบถาม
กู้เนี่ยนไม่ได้ตอบ เพียงบอกกับเขา “รบกวนคุณจอห์นรอสักครู่ครับ อีกไม่นานเดี๋ยวคุณเฟิงก็มาครับ”
“ครับ”
แม้ในใจจะร้อนรน ทว่าจอห์นทำได้เพียงรออย่างใจเย็น
ผ่านไปเกือบสิบนาที จิ้นเฟิงเฉินก็เดินออกมาจากห้อง
เมื่อมองเห็นจอห์นที่นั่งอยู่ในห้องรับแขก ดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินก็วาววับขึ้น แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว
“คุณจอห์น อรุณสวัสดิ์ครับ” เขาเดินเข้าไป
“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณเฟิง”
จอห์นลุกขึ้น ยิ้มให้เขา ทว่ายังคงเป็นรอยยิ้มฝืนๆ
เมื่อคืนเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้น เขาจะยิ้มออกมาจากใจจริงได้ยังไง
“เชิญนั่งครับ”
จิ้นเฟิงเฉินผายมือเชิญเขานั่งลง จากนั้นหันไปบอกกับกู้เนี่ยน “ขอกาแฟให้คุณจอห์นหนึ่งแก้ว”
“ไม่ต้องหรอกครับ” จอห์นรีบปฏิเสธ
ทว่ากู้เนี่ยนไม่ฟัง เขาหมุนตัวเดินออกไปเตรียมกาแฟ
มองตามแผ่นหลังของกู้เนี่ยน จอห์นจึงเอ่ยวิจารณ์ “คุณเฟิงครับ ผู้ช่วยของคุณดูมีลักษณะเฉพาะตัวจังเลยนะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้าไม่ได้ปฏิเสธ
จอห์นแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจมองไปรอบๆ แม้ว่าใบหน้าของเขาไม่ได้ดูแปลกไป แต่ความร้อนใจในตาเขาถูกจิ้นเฟิงเฉินดูออกแล้ว
อีกฝ่ายขมวดคิ้วขึ้น
“เมื่อคืนหลับสบายดีไหมครับ คุณเฟิง” จอห์นดึงสายตากลับคืนมา มองจิ้นเฟิงเฉินด้วยสายตาจริงจัง
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยขึ้น “ครับ ไม่เลวเลยครับ”
“งั้นก็ดีครับ” จอห์นพยักหน้า
“จอห์นครับ กาแฟของคุณครับ”
กู้เนี่ยนกลับมา วางถ้วยกาแฟลงตรงหน้าจอห์น
จอห์นมองเขา “ขอบคุณครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
กู้เนี่ยนเดินกลับมายืนอยู่ด้านหลังจิ้นเฟิงเฉิน
จอห์นยกกาแฟขึ้นดื่ม เขาเงียบไปสักพัก ทันใดสายตาก็เข้มขึ้น ดวงตาแหลมคม
สัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเขา กู้เนี่ยนจึงจ้องไปที่เขาอย่างระมัดระวัง
“คุณเฟิง” จอห์นวางถ้วยกาแฟลงบนโต๊ะแรงๆ
จิ้นเฟิงเฉินยังคงนิ่ง “คุณจอห์น นี่มันอะไรกันครับ”
“โกดังเกิดไฟไหม้”
จอห์นคล้ายกับกัดฟันเอ่ยประโยคนั้นขึ้นมา
เพียงคิดถึงวัตถุดิบที่โดนไฟไหม้พวกนั้น เขาก็โกรธจนปวดใจ
“ไฟไหม้” จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้วแน่น เอ่ยด้วยน้ำเสียงตระหนก
เมื่อเห็นว่าเขาตกใจ จอห์นจึงขมวดคิ้วแน่นอย่างไม่ตั้งใจ “ใช่ครับ ไฟไหม้”
“ทำไมอยู่ดีๆ ถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นได้ล่ะครับ” ใบหน้าของจิ้นเฟิงเฉินเต็มไปด้วยความกังวล “งั้น…วัตถุดิบพวกนั้นหมดแล้วหรือเปล่าครับ”
“วัตถุดิบ…ถูกไหม้ไปหมดแล้วครับ”
จอห์นหรี่ตา ดวงตาแหลมคมจับจ้องไปที่จิ้นเฟิงเฉิน คล้ายกับเห็นอะไรจากใบหน้าของเขา
“หมดเลยเหรอครับ” จิ้นเฟิงเฉินหันกลับมาสบตากับกู้เนี่ยนด้วยท่าทางตกใจ “นี่มันเกิดอะไรขึ้นครับ ทำไมอยู่ๆ ถึงได้เกิดไฟไหม้ขึ้นได้”
“ตรวจบอกว่ามีคนร้ายวางเพลิงครับ”
“ใครกันครับ” จิ้นเฟิงเฉินถามต่อ
“ยังสืบอยู่ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินเข้าใจว่าเรื่องนี้เป็นยังไง ทว่าเขายังคงแสดงออกถึงความแปลกใจ “คนคนนี้เกินไปหรือเปล่าครับ ต้องจับให้ได้ถึงจะถูก”
จอห์นไม่ได้มองเข้าอยู่ชั่วครู่ อยากดูให้แน่ชัดว่าเขาจริงใจหรือเสแสร้ง
ไม่รู้ว่าการแสดงของเขาดีหรือว่าโกรธจริงๆ แต่ก็ดูไม่ออกว่ามีอะไรแปลกไป
ภายใต้สายตาของจอห์น จิ้นเฟิงเฉินหันกลับไปพูดกับกู้เนี่ยน “นายช่วยคุณจอห์นตรวจสอบเรื่องนี้ ต้องจับคนร้ายที่ลอบวางเพลิงให้ได้”
กู้เนี่ยนพยักหน้า “ครับ”
“คุณเฟิง ไม่ต้องหรอกครับ” จอห์นปฏิเสธความช่วยเหลือของเขา “คนของผมกำลังตรวจสอบแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินบอก “มีคนช่วยเพิ่มอีกหนึ่งคนไม่ใช่เรื่องไม่ดี และความสามารถของเขาไม่เลว”
แน่นอนว่าคนของคุณเฟิงความสามารถไม่เลว แต่ไม่จำเป็นจริงๆ ครับ” จอห์นปฏิเสธอีกครั้ง
ครั้งนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ยืนหยัดต่อ ทำเพียงพยักหน้าตอบ “งั้นก็ได้ครับ หากมีอะไรให้ช่วยคุณรีบบอกได้เลยนะครับ”
“ครับ”
จอห์นเงียบไปชั่วครู่ จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “คุณเฟิง ความจริงที่ผมมาไม่ได้มาเพียงเพื่อบอกเรื่องนี้กับคุณเพียงอย่างเดียว…”
เขาตั้งใจไม่พูดให้จบ ดวงตายังจับจ้องอยู่ที่จิ้นเฟิงเฉิน
ตั้งแต่ยาหายจนมาโดนไฟไหม้ สองวันนี้มีเรื่องบังเอิญมากเกินไป
ที่บังเอิญกว่านั้นคือสองเรื่องนี้เกิดหลังจากคุณเฟิงคนนี้เข้ามา
เมื่อเห็นถึงความสงสัยของเขา สีหน้าของจิ้นเฟิงเฉินยังคงนิ่ง สบตากับเขานิ่ง
จอห์นเอ่ยต่อ “คุณเฟิง การวิจัยของบริษัทเราก็ถูกขโมยไปแล้วเหมือนกันเมื่อสองวันก่อน”