ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 915 ติดตามสอดแนม
จอห์นจับจ้องจิ้นเฟิงเฉิน ไม่อยากพลาดถึงปฏิกิริยาของเขาแม้เพียงเล็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินได้ยินว่างานวิจัยถูกขโมย เขาตกใจ “งานวิจัยโดนขโมย เกิดอะไรขึ้นครับ”
จอห์นจ้องมองเขาไม่ได้พูดอะไร
แกล้งทำเป็นว่าไม่รู้ว่าเขาหมายถึงอะไร เกรงว่าจะไม่ได้
ดังนั้น จิ้นเฟิงเฉินเงียบไปชั่วครู่ ทำเป็นถามล้อเล่นบวจริงจัง “คุณจอห์น คุณกำลังสงสัยผมอยู่เหรอครับ”
จอห์นยังคงเงียบ
แรกเริ่มเขาสงสัยจิ้นเฟิงเฉินอยู่บ้าง เมื่อได้คุยเมื่อสักครู่แล้ว ความสงสัยไม่ได้ลดลงทว่ากลับเพิ่มขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินไม่พลาดแม้เล็กน้อย และไม่ได้แสดงออกถึงอะไรที่แปลกไป แต่ยิ่งเป็นแบบนี้ยิ่งน่าสงสัย
ตอนนี้ดูว่าเขายังมีอะไรจะพูด
จิ้นเฟิงเฉินหลุบตาลง สายตาจ้องไปยังมือที่วางอยู่บนขา ชั่วขณะรอบข้างต่างเงียบสงัด
ใบหน้าเขาเข้มราวกับน้ำ ดูแล้วไม่มีอะไรแปลกไป ทว่าร่างกายกลับเผยไอเย็นที่ทำให้คนมองรู้สึกกดดัน
แม้กระทั่งจอห์นที่กำลังจับสังเกตยังรู้สึกหวาดกลัว
แต่เมื่อนึกถึงสถานะของตนเอง จึงรีบยืดตัวขึ้น ไม่อยากให้ตัวเองโดนกดลงไป
เนิ่นนาน จิ้นเฟิงเฉินจึงเหลือบตา มองเขาด้วยสายตาไร้อุณหภูมิ
เมื่อสัมผัสกับสายตาของเขา จอห์นพลันหลบตา แต่เมื่อหลบตาแล้วจึงรู้สึกคิดผิด
นี่ไม่ได้หมายถึงว่าตนเองกำลังกลัวเขาอยู่เหรอ
ในตอนที่เขากำลังสับสน จิ้นเฟิงเฉินก็เอ่ยปาก “คุณจอห์น ผมผิดหวังมากนะครับ”
เมื่อเอ่ยออกไป หัวใจของจอห์นก็กระตุกวูบ ทว่าใบหน้ายังคงนิ่ง แสร้งถามเขาราวกับไม่เข้าใจ “คุณเฟิง ที่คุณพูดหมายความว่ายังไงครับ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มเย็น “ครั้งนี้ผมตั้งใจมาที่อิตาลี เพื่อมาร่วมมือกับบริษัทของคุณด้วยความจริงใจ…”
เขาหยุดเล็กน้อย ยกกาแฟขึ้นจิบ เอ่ยต่อ “เพื่อแสดงความจริงใจของผม มาส่งวัตถุดิบด้วยตนเอง แต่ว่า…ไม่คิดว่าคุณจอห์นจะสงสัยผม”
จิ้นเฟิงเฉินยากที่จะปกปิดใบหน้าที่แสดงความผิดหวัง
ความจริงจอห์นเพียงแค่สงสัย ไม่มีหลักฐานว่ายาที่ถูกขโมยไปและส่วนที่โดนเผาไหม้เป็นฝีมือเขา”
บวกกับเฟิงเฉินคนนี้เป็นหุ้นส่วนของบริษัท
อาศัยเพียงมุมมองของเขามาสงสัยอีกฝ่ายคงไม่ถูก
จอห์นครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “คุณเฟิง คุณเข้าใจผิดแล้วครับ ผมไม่ได้สงสัยคุณ ไม่มีเลยสักนิด”
“อ้อ เหรอครับ” จิ้นเฟิงเฉินถามกลับเสียงเรียบ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
“คุณเฟิง การร่วมมือของเรา ไม่เพียงแต่ความจริงใจของคุณ แต่ยังมีความจริงใจของผมด้วยร้อยเปอร์เซ็นต์”
จอห์นพูดด้วยท่าทางจริงจัง
จิ้นเฟิงเฉินเหยียดหยามอยู่ในใจ แต่ก็ยังคงบอก “คุณจอห์นผมก็แค่พ่อค้าวัตถุดิบ จะมีความสามารถขนาดนั้นได้ยังไง”
จอห์นหัวเราะแห้ง เอ่ย “ครับ ผมรู้ ผมไม่คิดสงสัยคุณ คุณเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผมแค่คิดว่าเรื่องครั้งนี้มันแปลกประหลาด SAของเราต้องรีบสืบให้ชัดเจนแน่นอนครับ”
“ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณครับ เรื่องครั้งนี้มันบังเอิญจริงๆ ถ้าหากมีอะไรให้ช่วย รีบบอกทันทีเลยนะครับ” จิ้นเฟิงเฉินคลายคิ้วลง เอ่ยกำชับ
“ครับ ต้องขอบคุณคุณเฟิงด้วยนะครับ”
แม้จะไม่ได้เชื่อเขาทั้งหมด ทว่าใบหน้าของจอห์นยังคงยิ้ม
ตอนนี้วัตถุดิบถูกเผา เขายังต้องพึ่งชายตรงหน้านำยาชุดใหม่มาให้ ดังนั้นจำเป็นต้องก้มหัวให้ก่อน
จิ้นเฟิงเฉินมองนาฬิกา เอ่ยขึ้นมา “คุณจอห์นมาเช้าขนาดนี้ คงยังไม่ได้ทานอาหารเช้า จะทานด้วยกันไหมครับ”
“ขอบคุณที่เชิญครับ แต่ผมยังต้องกลับไปจัดการธุระที่บริษัท วันหลังมีเวลาว่างค่อยเลี้ยงข้าวคุณนะครับ”
เอ่ยจบ จอห์นก็ลุกขึ้น
จิ้นเฟิงเฉินลุกขึ้นยืน “งั้นคงไม่ได้ส่งนะครับ”
แม้รู้ว่าอีกฝ่ายชวนเขาทานข้าวเช้านั้นไม่ใช่ความจริงใจ แต่ไล่แขกเร็วขนาดนี้ จอห์นไม่พอใจ
เขามองสังเกต แต่ก็ยังไม่เจอสิ่งผิดปกติใดๆ จึงจำต้องปล่อยไปก่อน
เดินไปทางประตูพร้อมกันกับจิ้นเฟิงเฉิน พลางยิ้ม “คุณเฟิง หลายวันมานี้ผมดูแลคุณไม่ได้ดีเท่าที่ควร วันนี้พาคนมาด้วย หากคุณอยากเที่ยว ให้เธออยู่เป็นเพื่อนนะครับ”
จอห์นนึกอะไรขึ้นมาได้ จึงถาม “วันนี้คุณเฟิงคงยังไม่มีแพลนใช่ไหมครับ”
พูดพลางเดินออกประตูไป เมื่อเดินออกไปก็เจอกับหญิงสาวชาวต่างชาติยืนอยู่หน้าประตู
จอห์นแนะนำ “นี่เป็นผู้ช่วยของผมจ้อย เธอคุ้นเคยกับแหล่งท่องเที่ยวในอิตาลีเป็นอย่างดี คิดว่าคงทำให้คุณเฟิงท่องเที่ยวที่อิตาลีอย่างมีความสุขครับ”
“คุณชาย…” กู้เนี่ยนมองจ้อย รู้สึกไม่ดี
จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองเขาเล็กน้อย จากนั้นจึงหัวเราะ “ผมยังคิดอยู่เลยว่าอยากหาคนพาเที่ยว คุณช่างรู้ใจจังเลยนะครับ”
จอห์นเห็นว่าเขาตอบรับแล้ว จึงยิ้ม “สมควรครับ คุณมาจากแดนไกล ผมต้องดูแลให้ดีครับ”
ต่อมา เขาหันกลับไปสั่งจ้อย “เธอพาคุณเฟิงไปเที่ยว ห้ามขาดตกบกพร่องเข้าใจไหม”
“เข้าใจค่ะ”
จ้อยพยักหน้า จากนั้นหันกลับมามองจิ้นเฟิงเฉิน “คุณเฟิง ฉันคือจ้อยค่ะ หากคุณมีอะไรให้รับใช้บอกได้ทันทีเลยนะคะ”
จิ้นเฟิงเฉินพยักหน้า บอกว่าตัวเองรับรู้แล้ว
ความหมายของจอห์นชัดเจนเกินไป
ให้เลขาของตนเองอยู่ที่นี่ ต้องพาเธอไปด้วยทุกที่ คอยติดตามสอดแนมเขา
นี่สำหรับเขาแล้วไม่ใช่เรื่องไม่ดีอะไร บางทีอาจทำให้จอห์นเชื่อใจในตัวเขาผ่านการสอดแนมของจ้อยก็ได้
เมื่อสืบอะไรไม่ได้จากเขา จอห์นจึงต้องกลับออกไปจากโรงแรม
บนรถ พิเอร์สที่รออยู่บนรถตลอดหันกลับไปมองจอห์น จากนั้นสอบถาม “คุณจอห์น คุณเฟิงได้ขจัดความสงสัยบ้างไหมครับ”
“ยัง” จอห์นยิ้มเย็น “เรื่องสองวันนี้เกิดขึ้นด้วยความบังเอิญเกินไป ฉันไม่สงสัยเขาไม่ได้”
พิเอร์สพยักหน้า “คุณสงสัยก็ถูกครับ”
ไม่ว่าจะเป็นยาหายหรือถูกเผา ต่างก็เกิดหลังจากคุณเฟิงมา และก่อนหน้านี้ไม่เคยมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น
“ดังนั้นฉันเลยให้จ้อยคอยอยู่สอดแนมที่นี่ ดูว่าเขามีความเคลื่อนไหวที่น่าสงสัยหรือเปล่า”
“ยังคงเป็นคุณจอห์นที่รอบคอบครับ” พิเอร์สกล่าวชื่นชม
จอห์นหรี่ตา “แม้ว่าจะสงสัยตัวคุณเฟิง แต่ฉันก็ไม่มีหลักฐาน ดังนั้นสองเรื่องนี้นายต้องสืบให้ได้ ถ้าถึงตอนนั้นยังสืบไม่ได้ นายต้องไปรับกรรมซะ”
ได้ยินดังนั้น พิเอร์สก็ก้มหน้าด้วยท่าทางหวาดกลัว “รับทราบครับ”
เขาไม่อยากรับความซวยนี้ เขาต้องสืบเรื่องนี้ให้สำเร็จ
อีกด้าน เมื่อจอห์นกลับไป จิ้นเฟิงเฉินก็เดินกลับเข้าไปในห้อง
จ้อยกำลังจะตามเข้าไปด้วย จึงถูกกู้เนี่ยนขวางเอาไว้
“ชายหญิงมีข้อแตกต่าง”
คำพูดสั้นๆ หยุดจ้อยเอาไว้ได้
“ขอโทษค่ะ” จ้อยเดินไปยืนรออยู่ด้านข้าง
กู้เนี่ยนมองสำรวจเธอ จากนั้นเดินเข้าไปในห้อง ปิดประตู
จ้อยจ้องมองประตู ดวงตามีลับลมคมใน