ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 916 หนอนบ่อนไส้
“คุณชาย ให้ไล่เธอไปไหมครับ”
จิ้นเฟิงเฉินหันไปมองกู้เนี่ยนที่กำลังเดินเข้ามา ส่ายหน้า “ไม่จำเป็น”
“แต่นี่คุณจอห์นกำลังสอดแนมคุณอยู่นะครับ เกรงว่าคงไม่ดี” กู้เนี่ยนกังวลว่าหากเกิดอะไรขึ้นคงจะวุ่นวายเป็นแน่
“ไม่มีอะไรไม่ดี ต่อให้ไม่มีเลขาคนนี้ ยังไงเขาก็ต้องส่งคนมาคอยจับตาดูเราอยู่ดี”
ยังไงจอห์นก็กำลังสงสัยเขา ไล่เลขาไปยังไงก็ต้องมีคนอื่นมาแทน
อย่าเสียเวลาเลยดีกว่า
“วันนี้นายไม่ต้องติดตามไปด้วยหรอก ช่วยฉันจับตาดู SAเอาไว้”
กู้เนี่ยนพยักหน้ารับ “ครับ”
จิ้นเฟิงเฉินเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จแล้วเดินออกไปด้านนอก สายตาจับจ้องอยู่ที่จ้อย เอ่ยเสียงเรียบ “อิตาลีมีที่ไหนที่คู่ควรให้ไป คุณพาผมไปหน่อยได้ไหมครับ”
“ค่ะ” จ้อยพยักหน้า
“คุณชาย…” กู้เนี่ยนไม่วางใจให้เขาออกไปคนเดียว
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มให้เขาอย่างเข้าใจ “ความปรารถนาดีของคุณจอห์น ฉันจะปฏิเสธได้ยังไง”
กู้เนี่ยนเข้าใจสิ่งที่เขาบอก ไม่พูดอะไรอีก มองดูเขาและจ้อยเดินห่างออกไป
“ไม่ทราบว่าคุณเฟิงชอบอะไรคะ” จ้อยหันกลับมาสอบถามชายร่างสูงที่มีใบหน้าหล่อเหลาด้านข้าง เอ่ยถามเขาด้วยรอยยิ้ม
“ไม่มีความชอบอะไรครับ”
จิ้นเฟิงเฉินเอ่ยตอบเสียงเรียบ ใบหน้าเย็นชา
ได้เจอกับเข็มเย็น รอยยิ้มบนใบหน้าของจ้อยพลันเลือนหาย ทว่าไม่นานก็กลับมาอีกครั้ง “ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นให้ฉันจัดการให้นะคะ”
ดังนั้นวันทั้งวันจิ้นเฟิงเฉินได้เดินทางท่องเที่ยวตามที่จ้อยจัดตารางให้
ตลอดทางมีเพียงจ้อยที่พูด ใบหน้าเขายังคงเย็นชา ดูไม่ออกถึงความชอบ
จ้อยเองก็ไม่ได้สนใจ งานสำคัญของเธอคือจับตาดูเขาทุกฝีก้าว ดังนั้นอย่างอื่นนั้นไม่สำคัญ
ยามบ่าย จ้อยพาจิ้นเฟิงเฉินมาที่ห้างสรรพสินค้าที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่ง
“คุณเฟิง คุณจอห์นสั่งเอาไว้ว่า หากคุณต้องการซื้ออะไรเลือกได้เลย คุณจอห์นจะช่วยจ่ายให้เองค่ะ”
“งั้นต้องขอบคุณคุณจอห์นแล้วล่ะครับ”
เดิมจิ้นเฟิงเฉินไม่คิดจะซื้ออะไร แต่เมื่อเห็นชุดเจ้าหญิงแขวนอยู่ หัวใจพลันเต้นแรง เหมือนเขาจะไม่เคยซื้อเสื้อผ้าให้ลูกเลย
เห็นเขาเดินเข้าไปในร้านเสื้อผ้าเด็ก จ้อยก็แปลกใจ รีบตามเข้าไป
“คุณเฟิง นี่คือ…”
“ซื้อให้ลูกเพื่อนน่ะครับ”
ประโยคง่ายๆ ทำให้จ้อยสิ้นความสงสัย
จ้อยเองก็ไม่ได้สงสัย รีบบอก “ให้ฉันช่วยเลือกนะคะ”
เดิมจิ้นเฟิงเฉินอยากปฏิเสธ แต่เมื่อคิดว่าเธอเป็นผู้หญิง อาจจะสายตาดีกว่าเขา ดังนั้นจึงบอกข้อมูลของเด็กคร่าวๆ ให้เธอช่วยเลือก
จ้อยเลือกเสร็จแล้ว ถือมาให้จิ้นเฟิงเฉินดู อีกฝ่ายพยักหน้าอย่างพึงพอใจ
ตอนที่เธอจะรูดบัตรจ่ายเงิน จิ้นเฟิงเฉินห้ามเธอเอาไว้ “ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวผมจ่ายเอง”
เขาจะซื้อให้ลูก ไม่ต้องการให้คนอื่นจ่ายให้
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ นี่เป็นน้ำใจของคุณจอห์น”
จ้อยยืนยัน
แต่จิ้นเฟิงเฉินยังคงไม่ยอม สุดท้ายจ้อยสู้เขาไม่ได้ จึงต้องยอมแพ้
จิ้นเฟิงเฉินถือถุงสินค้า ใบหน้าเย็นชาตลอดทั้งวันตอนนี้เริ่มอบอุ่นขึ้นมา
ตอนนี้เขาแทบอยากบินกลับประเทศทันที ให้เด็กทั้งสองลองสวมชุดที่ตนเองซื้อ
ต้องสวยมากแน่ๆ
จ้อยมองความคิดของเขาไม่ออก รู้เพียงว่าเขาอารมณ์ดี
ดังนั้นเธอจึงเสนอ “คุณเฟิง ใกล้ถึงเวลาทานข้าวแล้ว ฉันรู้จักร้านอาหารอยู่ร้านหนึ่ง เดี๋ยวฉันพาไปนะคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธ “ผมจะกลับโรงแรมเลย”
จ้อยไม่คิดว่าเขาจะปฏิเสธ ชะงักไปชั่วครู่ ทว่าเธอดึงสติกลับมาได้ทันที บอกยิ้มๆ “งั้นฉันจะไปส่งคุณที่โรงแรมค่ะ”
“ครับ”
เมื่อกลับมาถึงโรงแรม ระหว่างทางเดินกลับห้อง จิ้นเฟิงเฉินก็หยุดเท้าที่ก้าวเดิน
จ้อยก็หยุดตาม ถามเขาด้วยความแปลกใจ “คุณเฟิง เป็นอะไรคะ”
จิ้นเฟิงเฉินหันกลับมา จ้องมองเธอด้วยดวงตาเย็นชา “วันนี้รบกวนคุณแล้ว คุณช่วยขอบคุณคุณจอห์นแทนผมด้วยนะครับ”
จ้อยเป็นคนฉลาด ฟังออกถึงสิ่งที่แอบแฝง
นี่กำลังจะบอกให้เธอกลับได้แล้ว
เธอหัวเราะ ถามด้วยท่าทางล้อเล่น “หรือว่าคุณเฟิงจะไม่ให้ฉันทานข้าวเย็นเลยสักมื้อเหรอคะ”
จิ้นเฟิงเฉินขมวดคิ้ว “ด้านล่างมีร้านอาหาร เชิญคุณตามสบาย”
เอ่ยจบ จิ้นเฟิงเฉินก็หมุนตัวเดินต่อไป
จ้อยไหนเลยจะจากไปง่ายๆ แบบนี้ รีบตามเขาไป
เมื่อเดินไปถึงหน้าห้อง จิ้นเฟิงเฉินหันกลับมาด้วยใบหน้าเย็นชา จนจ้อยตกใจ
“คุณเลขาจ้อย เดินมาทั้งวันผมเหนื่อยมาก อยากพักผ่อนครับ”
เขาพูดขนาดนี้แล้ว จ้อยก็ไม่กล้าตามเขาต่อ จึงยิ้มบอก “ค่ะ งั้นฉันไม่รบกวนคุณแล้วค่ะ”
“ไม่ส่งนะครับ”
จิ้นเฟิงเฉินมองส่งเธอกลับไป จากนั้นจึงเปิดประตู
เมื่อกู้เนี่ยนได้ยินเสียงเปิดประตูจึงรีบวิ่งไป เมื่อเห็นว่าเป็นจิ้นเฟิงเฉิน จึงผ่อนลมหายใจ
จากนั้นเขาพบว่ามีเพียงจิ้นเฟิงเฉินคนเดียว จึงถาม “เลขาคนนั้นล่ะครับ”
“กลับไปแล้ว”
“กลับไปก็ดี” กู้เนี่ยนพลันรู้สึกวางใจลงไม่น้อย
“SAมีความเคลื่อนไหวไหม”
จิ้นเฟิงเฉินถอดเสื้อสูทออก พลางถาม
“ไม่มีความเคลื่อนไหวอะไรเลยครับ”
“จับตาดูต่อไป”
กู้เนี่ยนพยักหน้า “ครับ”
……
ยาหาย วัตถุดิบโดนเผา นี่เป็นการโจมตีSAกรุ๊ปไม่น้อย
แต่สำหรับจอห์น สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ ไม่รู้จะรับมือกับเบอร์เกนยังไง
ใช่ ยาครั้งนี้พวกเขาจัดเตรียมไว้เพื่อเบอร์เกน
ไม่ว่าจะเป็นยาหรือวัตถุดิบ ล้วนเกี่ยวข้องกับการวิจัยในเวลาต่อไป เป็นเรื่องสำคัญ
หากเบอร์เกนรู้ว่าเขาไม่ได้จัดการทุกอย่างให้ดีคงไม่มีวันปล่อยเขาไปแน่
บัดซบ
จอห์นเดินกลับไปกลับมาในห้องทำงานตนเองด้วยความร้อนรน
พิเอร์สที่อยู่ด้านข้างใกล้จะเวียนหัวแล้ว จึงจำเป็นต้องเอ่ยปาก “คุณจอห์นครับ ผมจัดการอัพเกรดความปลอดภัยในห้องแล็บตามที่คุณสั่งแล้วครับ ต่อไปแม้กระทั่งแมลงวันก็เข้าไม่ได้”
“ต่อไปจะมีประโยชน์อะไรล่ะ” จอห์นหันกลับมาจ้องเขาเขม็ง “ตอนนี้สิ่งสำคัญก็คือจะบอกเบอร์เกนยังไง”
ก็เขาเป็นคนบอกให้เพิ่มความปลอดภัย เขาก็แค่ทำงานตามคำสั่ง ทำไมโดนด่าล่ะ
พิเอร์สกักเก็บความไม่พอใจเอาไว้ เสนอ “งั้นเราบอกความจริงกับเบอร์เกน ผมเชื่อว่าเขาจะไม่ทำให้เราลำบากใจครับ”
จอห์นหัวเราะเสียงเย็น มองเขาด้วยสายตาเย้ยหยัน “นายเข้าใจเบอร์เกนขนาดนั้นเลยหรือยังไง”
“เปล่าครับ” พิเอร์สก้มหน้า
“ฉันจะบอกอะไรให้นะ ด้วยนิสัยของเบอร์เกน แค่รู้เรื่อง อย่าว่าแต่ฉันเลย นายเองก็ไม่ได้ตายดีแน่”
“งั้นทำยังไงดีครับ” พิเอร์สท่าทางหวาดกลัว
“สวะ” จอห์นกัดฟันพูด เอ่ยต่อ “ถ้ายังไม่อยากตายก็รีบสืบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด เรื่องนี้หากไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเฟิง งั้นก็แสดงว่าบริษัทเรามีหนอนบ่อนไส้”
“หนอนบ่อนไส้” พิเอร์สแปลกใจ
“ไม่เพียงมีหนอนบ่อนไส้ ยังคุ้นเคยกับห้องแล็บเราเป็นอย่างดี”
พิเอร์สคิด “คุณพูดถูก อีกฝ่ายต้องรู้จักห้องแล็บของเราเป็นอย่างดี ไม่งั้นคงไม่สามารถนำยาออกไปได้ง่ายขนาดนี้”
“ในเมื่อรู้แล้ว ก็รีบไปตรวจสอบสิ” จอห์นสั่งเสียงหนัก
พิเอร์สชะงัก ได้สติกลับมา รีบบอกเขา “ครับ ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”
พูดจบก็รีบหมุนตัวออกไป
มองเขาเดินออกไป จอห์นอดด่าตามหลังไม่ได้ “สวะก็คือสวะ”