ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 944 ร้องหาแค่หม่ามี๊
ฟางยู่เชินเดินเข้ามาในห้อง ก็รู้สึกถึงบรรยากาศที่ไม่ปกติ
เขามองไปที่ฟางเฉิงกับฟางรุ่ย แล้วมองไปยังเจียงสื้อสื้อ
เมื่อเห็นฟางเสว่มั่น ตาก็เป็นประกาย ก่อนจะรีบเดินเข้าไป
” คุณป้า ” น้ำเสียงของเขาตื่นเต้น
ฟางเสว่มั่นหรี่ตามอง ” เธอคือ… ”
ซ่างหยิงรีบแนะนำ ” พี่สาม นี่คือ ฟางยู่เชิน ลูกชายของฉันเอง ”
” ออ อะเชินนี่เอง ” ฟางเสว่มั่นมองเขาไปมา ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกตื่นเต้น ” โตเร็วขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย ”
ตอนที่เธอจากบ้านนี้ไป อาเชินพึ่งจะคลอดออกมาได้ไม่นานนัก
ผ่านไปหลายปี เขาก็ตัวสูงโย่งได้ขนาดนั้นเชียว
” คุณป้ากลับมาแล้ว ดีจริง ๆ ” ฟางยู่เชินดูตื่นเต้นมาก
ตั้งแต่เด็กจนโต เขาได้ฟังเรื่องของเธอจากแม่ของตัวเองมามากมาย ถึงจะเป็นการเจอกันครั้งแรก แต่ก็ฟางยู่เชินกลับรู้สึกสนิทชิดเชื้อ
” ขอบใจนะ อะเชิน ”
เหมือนเมื่อก่อนเลยสินะ มีแค่บ้านของน้องชายที่ดีกับเธอเช่นนี้
ฟางยู่เชินไม่เข้าใจที่จู่ ๆ เธอก็กล่าวขอบคุณ เลยมองไปที่แม่อย่างสงสัย แล้วก็มองไปที่เจียงสื้อสื้อ
” ลุงใหญ่กับลุงรองตั้งใจต้อนรับป้าแกป้าที่กลับมาไม่ใช่หรือไงล่ะ ” ซ่างหยิงกระซิบเบา ๆ
ฟางยู่เชินหันกลับมามองฟางเฉิงกับสองสามคนตรงนั้นอย่างประหลาดใจ ก็อดที่จะกลุ้มใจไม่ได้ ” ไม่ใช่สิ ทำไมพวกเขาไม่ต้อนรับคุณป้าเลยล่ะ ”
” จะอะไรเสียอีกล่ะ ถ้าไม่ใช่เพราะกลัวจะโดนแบ่งสมบัติของตระกูลฟาง ” ซ่างหยิงตอบอย่างไม่สบอารมณ์
ครอบครัวลูกชายใหญ่กับลูกชายรองทำเกินไปแล้ว พี่สามไม่ได้กลับมาง่าย ๆ ไม่ต้อนรับก็ไม่ว่า แต่การกระทำที่ฉีกหน้ากันขนาดนี้ ถ้าคนนอกรู้คงจะเอาตระกูลฟางไปพูดในเชิงขบขันได้
ฟางเฉิงเห็นพวกเขาซุบซิบกัน ก็พอจะเดาได้ว่ากำลังพูดถึงอะไร ก็รู้สึกตงิดใจไม่น้อย
เขามองไปที่ภรรยาตาขวาง ด่าด้วยน้ำเสียงกดต่ำ ” ก่อนมาก็บอกว่าอย่าปากมาก สิ่งที่เธอพูดไป คอยดูแล้วกัน ตอนนี้จิ้งเฟิงเฉินคงไม่พอใจเรายกใหญ่ ”
” ก็ฉันอึดอัด จะให้เก็บมันไว้หรือไง ” หลินหลานพูดเสียงเล็กเสียงน้อย
” ยังจะพูดอีก!” ฟางเฉิงกัดฟัดตำหนิ
หลินหลานค่อย ๆ หุบปากลง
ฟางเฉิงเมื่อเห็นฟางยู่เชินกับจิ้นเฟิงเฉินกำลังคุยกันอยู่ เลยกรอกตาไปมา กลับมาปั้นหน้ายิ้มเหมือนเดิม แล้วเดินเข้าไป ” เฟิงเฉิน คุณกินข้าวเย็นหรือยังล่ะ ถ้ายังล่ะก็ พาสื้อสื้อไปกินข้าวด้วยกันที่บ้านฉันก็ได้ ”
” ไม่จำเป็น ” จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธเถรตรง
ฟางเฉิงยิ้มแหย ๆ แต่ก็กลับมาเหมือนเดิม ” ถ้าไม่ชอบกินที่บ้าน ก็ไม่กินกันข้างนอกก็ได้ ไปกันทุกคนเลย ”
ทุกคนที่เขาหมายถึงคือ แค่ที่ยืนอยู่ตรงนี้
” ไม่จำเป็น “จิ้นเฟิงเฉินปฏิเสธซ้ำ
เมื่อโดนปฏิเสธทั้งสองครั้ง ฟางเฉิงก็รู้สึกเสียหน้า สีหน้าออกมาดูไม่ได้ แต่ก็พูดอะไรออกมาไม่ได้ ทำได้แค่ยิ้มแหย ๆ ” ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร ไว้ครั้งหน้าก็ได้ ”
บรรยากาศโดยรอบอึมครึมลง
ฟางยู่เชินเสนอขึ้น ” งั้นเอาแบบนี้ดีกว่า น้องเขย นายพาน้องกลับไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ผมดูเอง ”
” พี่ แต่ฉันอยากอยู่โรงพยาบาล… ”
วันนี้เป็นวันที่แม่มาที่นี่วันแรก เจียงสื้อสื้อก็อยากอยู่เป็นเพื่อนเธอที่โรงพยาบาล
” ไม่ได้ คุณกลับไปพักเถอะ “จิ้นเฟิงเฉินไม่ยอม เขาเป็นห่วงสภาพร่างกายของเจียงสื้อสื้อ
” แต่ว่า… “เจียงสื้อสื้อมองไปที่แม่อย่างลำบากใจ เธอไม่อยากปล่อยให้แม่อยู่ที่โรงพยาบาลคนเดียว
ซ่างหยิงเลยพูดขึ้น ” ยังมีฉันอยู่ที่นี่อีกคน คืนนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนพี่สามเอง พอดีพวกเราไม่ได้เจอกันนาน มีเรื่องต้องคุยกันอีกยาว ”
” ใช่แล้ว ที่นี่ยังมีพี่กับแม่พี่อยู่ พวกเธอกลับไปเถอะ ”
ไม่ต้องรอให้ฟางยู่เชินพูด ฟางเฉิงกับฟางรุ่ยก็ไม่อยากจะอยู่ที่นี่เท่าไหร่นัก พวกเขาแทบอยากกลับบ้านจนตัวสั่น
เจียงสื้อสื้อซึ้งใจ ” ลำบากพวกพี่แย่เลยนะคะ ”
” เจ้าเด็กนี่ ก็ครอบครัวเดียวกันทั้งนั้น ” ซ่างหยิงยิ้มพร้อมลูบหัวเธอเบา ๆ
ใช่ เราคือครอบครัวเดียวกัน
เหมือนใจของเจียงสื้อสื้อมีไออุ่นบางอย่างไหลผ่านตัวเธอ
ก่อนหน้านี้เธอไม่สบายใจที่จะรับแม่มาอยู่ที่นี่ แต่เหมือนเธอจะกังวลเกินไปแล้ว
……
วันต่อมา เจียงสื้อสื้อโดนเสียงเรียกเข้าปลุกจนตื่น
เธอคลำหาโทรศัพท์อย่างสะลึมสะลือ ก่อนจะรับสาย ก็ได้ยินสายน้ำเสียงหมดหนทางของแม่สามี ” สื้อสื้อ เถียนเถียนไข้ขึ้นสูง แถมยังร้องหาหม่ามี๊อีก ”
เถียนเถียนเป็นไข้สูงเหรอ
เจียงสื้อสื้อตื่นตัวทันทีทันใด ก่อนจะเด้งตัวขึ้นมา ” ไปหาหมอหรือยังคะ ”
จิ้นเฟิงเฉินก็ลุกขึ้นมานั่งตาม สีหน้าดูนิ่งเฉยเล็กน้อย
” ไปหามาแล้ว แต่ไข้ไม่ลดเลย ร้องหาเธอตลอดเวลา ”
” โอเคค่ะ เดี๋ยวฉันกับจิ้นเฟิงเฉินรีบกลับไป ”
หลังจากวางสาย เจียงสื้อสื้อหันกลับมาพูดกับ ” เถียนเถียนเป็นไข้ อาการไม่ดีขึ้นเลย พวกเราต้องรีบกลับไปนะ”
” ได้สิ เดี๋ยวผมให้คนดูแลแม่คุณที่นี่ ”
ไม่ว่าจะเมื่อไหร่ เขามักจะจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้ดีเสมอ
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า ” ค่ะ ”
ขณะที่เจียงสื้อสื้อกำลังล้างหน้าล้างตา จิ้นเฟิงเฉินก็โทรไปบอกกู้เนี่ยน ให้เขาจองตั๋วเครื่องบินที่เร็วที่สุดสำหรับเขาสองที่นั่ง ทั้งสองคนไม่แต่จะกินข้าวเช้าก็รีบบึ่งไปที่สนามบิน
ระหว่างทางไปสนามบิน เจียงสื้อสื้อก็โทรไปบอกซ่างหยิงที่อยู่โรงพยาบาล
” สื้อสื้อ สวัสดีตอนเช้าจ้ะ ”
น้ำเสียงที่นุ่มนวลของซ่างหยิงดังขึ้นข้างหูของเธอ ปลายจมูกของเจียงสื้อสื้อเริ่มตึง เธอหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อกลั้นน้ำตาเอาไว้ ” น้าสะใภ้เล็ก ตอนนี้ฉันกับเฟิงเฉินกำลังกลับเมืองจิ่น วันนี้คงไม่ได้เข้าไปที่โรงพยาบาลนะคะ”
” ทำไมรีบขนาดนั้นล่ะจ๊ะ ”
” เถียนเถียนเป็นไข้ค่ะ ร้องหาแต่ฉัน ”
ซ่างหยิงได้ยินว่าเด็กน้อยเป็นไข้ ก็รีบตอบ ” ได้จ้ะ ถึงนู่นแล้วโทรมาบอกกันด้วยนะ ”
” ได้ค่ะ ”
วางโทรศัพท์ ซ่างหยิงก็เลิกคิ้ว ใบหน้าบ่งบอกถึงความกังวลใจ
” เป็นอะไรไป ” ฟางเสว่มั่นที่นั่งอยู่ข้าง ๆ เหลือบไปเห็น เลยถามอย่างเป็นห่วง
เมื่อไม่ได้คำตอบ ฟางเสว่มั่นเลยถามต่อ ” หรือว่าจะเกิดเรื่องกับสื้อสื้อ ”
” ไม่ใช่สื้อสื้อ แต่เป็นเถียนเถียน ”
ซ่างหยิงไม่อาจซ่อนสีหน้าที่เป็นกังวลไว้ได้ ” เถียนเถียนเป็นไข้ สื้อสื้อกับเฟิงเฉินเลยกลับไปที่เมืองจิ่นแล้ว ”
เมื่อได้ยินดังนั้น ฟางเสว่มั่นก็ย่นคิ้ว ” ทำไมอยู่ดี ๆ ถึงได้เป็นไข้ล่ะ ”
” ฉันก็ไม่ค่อยแน่ใจ แต่สื้อสื้อถึงเมืองจิ่นแล้วจะโทรกลับมา ถึงตอนนั้นน่าจะรู้แล้ว ”
ถึงแม้ฟางเสว่มั่นจะรู้สึกกังวลใจ แต่ตอนนี้เธออยู่ที่เมืองหลวง ก็ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี
…..
เมื่อกลับมาถึงบ้านตระกูลจิ้น พ่อบ้านเจอเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉิน ก็ถอนหายใจโล่งอก ” คุณชาย คุณหญิง ในที่สุดพวกคุณก็กลับมาแล้ว ”
” เป็นยังไงบ้างคะ ” เจียงสื้อสื้อถาม
” คุณหนูน้อยร้องจะหาแต่คุณ โอ๋ยังไงก็ไม่ยอมกินข้าว ” สีหน้าพ่อบ้านดูปวดใจจนไม่รู้จะทำยังไง
เจียงสื้อสื้อได้ยินอย่างนั้นก็ปวดใจไปตาม ๆ กัน ก่อนจะรีบสาวเท้าขึ้นไปชั้นบน
เมื่อถึงห้องของเด็กน้อย ก็ได้ยินเสียงเถียนเถียนวอแวดังออกมาจากในห้อง
” จะเอาหม่ามี๊ จะเอาหม่ามี๊ ……”
เสียงร้องที่ดังระงมนี้เหมือนเป็นมีดที่ปักลงกลางใจของเจียงสื้อสื้อ
เธอรีบผลักประตูเข้าไป
ก็เห็นแค่เถียนเถียนกำลังนั่งอยู่บนเตียงน้อย ๆ ของเธอ ร้องไห้อย่างหนักหน่วง ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นไม่รู้ว่าเป็นเพราะร้องไห้หรือป่วยไข้ ถึงได้แดงขนาดนั้น
แม่จิ้นที่ทำตัวไม่ถูก นั่งโอ๋เธออยู่ข้าง ๆ ” เถียนเถียนเด็กดี อย่าร้องไปเลยนะ เดี๋ยวหม่ามี๊ก็กลับมาแล้ว “