ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 955 ไร้ยางอาย
แม้ว่าสายตาจะอยู่บนตัวของเจียงสื้อสื้อก็ตาม แต่ตอนที่เดินไปอยู่ตรงหน้าของเธอนั้น จิ้นเฟิงเฉินก็ยังไม่ลืมมารยาทในการทักทาย “น้าสะใภ้เล็ก”
ซ่างหยิงยิ้มตอบ “มาแล้ว”
เธอหันกลับมาหันมามองเจียงสื้อสื้ออยู่แวบหนึ่ง “พวกคุณรีบออกไปเถอะ ยู่เชินน่าจะไปรอพวกคุณอยู่ที่งาน”
จิ้นเฟิงเฉินตอบกลับทันที “ครับ” จากนั้นก็เดินจูงมือเจียงสื้อสื้อ
“น้าสะใภ้เล็ก พวกเราไปแล้วนะ คุณกลับบ้านระวังด้วย” เจียงสื้อสื้อเป็นคนพูด
ซ่างหยิงยิ้มให้ “ฉันรู้แล้ว”
หลังจากที่ใช้สายตามองพวกเขาจากไปแล้ว ซ่างหยิงถึงได้โทรศัพท์ให้คนขับรถมารับตนเองกลับ
……
เมื่อขึ้นรถแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ดึงผ้าคลุมไหล่อยู่ตลอด พร้อมทั้งเม้มริมฝีปาก และหันมามองชายหนุ่มที่นั่งประจำตำแหน่งคนขับรถ พร้อมทั้งหลอกถามเขา “ฉันแต่งตัวไปแบบนี้มันจะโอเว่อร์เกินไปไหม?”
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ตอบ
เจียงสื้อสื้อได้แต่ขมวดคิ้ว “ทำไม? ไม่สวยเหรอ?”
เธอไม่ได้สังเกตนัยน์ตาอันเปล่งประกายที่อยู่ภายในดวงตาของจิ้นเฟิงเฉินออกมาแวบหนึ่ง ทันใดนั้นบริเวณตรงหน้าก็มืดหม่นลง เอวคอดโดนรัดแน่น
ยังไม่ทันตั้งสติทัน ริมฝีปากถูกความเร่าร้อนประกบลง
การถูกดักปล้นอย่างบ้าคลั่ง ช่างประวิงเวลาไว้ยาวนานเหลือเกิน
ตอนที่เจียงสื้อสื้อรู้สึกว่าตนเองใกล้จะขาดอากาศหายใจแล้วนั้น เขาถึงยอมปล่อยเธอไป นัยน์ตาลึกล้ำอันดำขลับฉายแววประกายออกมาจากด้านในดวงตา
มันทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้อใจสั่นอย่างอดไม่ได้
นิ้วอันหยาบกร้านค่อยๆ ลูบไล้สัมผัสกับริมฝีปากของเธอ เจียงสื้อสื้อกลืนน้ำลายลงคอตามสัญชาตญาณ
ในรถอันเงียบสนิทพลันมีเสียงแหบพร่าทุ้มต่ำของเขาดังขึ้น
“คืนนี้สวยงาม”
แค่ประโยคสั้นๆ ประโยคเดียว ร่างกายของเจียงสื้อสื้อสั่นเทา พร้อมทั้งคลี่ยิ้มตรงมุมปาก “คุณก็หล่อมากเลยค่ะ”
“ไม่อยากให้คุณไปร่วมงานเลี้ยงจริงๆ ”
เขาก็แค่อยากเอาสาวน้อยที่อยู่เบื้องหน้าคนนี้เอาไปแอบซ่อนไว้ที่บ้าน เพื่อให้ตนเองได้ชื่นชมเอง
เจียงสื้อสื้อกลัวว่าถ้าเป็นแบบนี้ต่อไปแล้ว งานเลี้ยงคืนนี้ก็คงไปไม่ได้จริงๆ แล้ว
ดังนั้นเธอเลยปัดมือเขาออก พร้อมแกล้งทำหนักแน่นแทน “พอแล้ว พวกเราออกเดินทางกันเถอะ ไม่งั้นพี่ชายเขาคงรอจนรีบร้อนไปแล้วแหละ”
จิ้นเฟิงเฉินรู้ความคิดในใจของเธอ จึงหัวเราะออกมา จากนั้นก็สตาร์ทรถ พร้อมทั้งขับมุ่งหน้าไปงานโรงแรมที่จัดงานเลี้ยง
……
งานเลี้ยงการกุศลในค่ำคืนนี้ เป็นที่รวมตัวของคนที่มีชื่อเสียงในทุกสายอาชีพของเมืองหลวง ตระกูลฟางเป็นตระกูลมหาเศรษฐีอันมีชื่อเสียงของเมืองหลวง ก็มากันเกือบหมดแล้ว
ฟางยู่เชินยืนอยู่ตรงบริเวณห้องโถงชั้นหนึ่งของโรงแรม พร้อมทั้งจ้องมองทางด้านนอกอยู่ตลอดเวลา
“ยู่เฉิน คุณมาทำอะไรที่นี่?”
ตอนที่ครอบครัวของฟางเฉิงเดินเข้ามานั้น ก็เห็นท่าทางของเขาแปลกประหลาดไปเล็กน้อย
“ลุงใหญ่ ป้าใหญ่” ฟางยู่เชินพยักหน้าทำความเคารพ
“คุณไม่เข้าไปเหรอ?” ฟางเฉิงถาม
“ผมกำลังรอสื้อสื้อกับน้องเขยอยู่”
คำตอบของฟางยู่เชินมันทำให้ครอบครัวของฟางเฉิงตกใจกันทุกคน
“พวกเขาต้องมาด้วยเหรอ?” ฟางเฉิงถามอย่างสงสัย
ฟางยู่เชินยิ้มให้เล็กน้อย ไม่ได้ตอบรับแต่ถามกลับแทน “หรือว่าพวกเรามาไม่ได้เหรอ?”
“ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” ฟางเฉิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว “ฉันก็แค่ไม่รู้ว่าพวกเขาก็มีบัตรเชิญด้วย”
“ลุงใหญ่ ป้าใหญ่ พวกคุณเข้ากันไปก่อนเถอะ” ฟางยู่เชินไม่อยากพูดคุยกับพวกเขามากมาย เพราะมันทำให้หมดกำลังใจ
ฟางเฉิงกับลูกชายมองตากัน จากนั้นก็ยิ้มและพูดต่อ “พวกเราก็รอด้วยสิ คนในครอบครัวเดียวกันก็ต้องเข้างานพร้อมกันสิ”
คนในครอบครัวเดียวกัน
ฟางยู่เชินได้แต่ยิ้มให้ตนเองอย่างเย็นชา ถ้าไม่ใช่ว่าสื้อสื้อแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉิน เกรงว่าพวกเขาตายไปก็คงไม่ยอมรับสื้อสื้อคนนี้เป็นหลานสาวแล้วมั้ง
เขาขี้เกียจจะสนใจพวกเขาแล้ว พวกเขาอยากจะรอก็รอไปสิ
ผ่านไปสักพัก ครอบครัวของฟางรุ่ยก็มาถึงแล้ว และก็เหมือนกับครอบครัวของฟางเฉิง เมื่อได้ยินว่าพวกจิ้นเฟิงเฉินจะมา ก็จะรอด้วย
ดังนั้น บริเวณห้องโถงใหญ่ของโรงแรมมีคนยืนอยู่เกือบสิบคนได้ ทุกคนต่างมองไปทางด้านนอก เพื่อชะเง้อคอยมองรอคอยอย่างใจจดใจจ่อ
เมื่อเจียงสื้อสื้อกับจิ้นเฟิงเฉินมาถึงโรงแรม ตอนที่เดินเข้าไปนั้นก็เห็นฟางยู่เชินกับพวกเขา
ตอนที่เห็นคนอื่นๆ นั้น นัยน์ตาของเจียงสื้อสื้อก็ฉายแววตาแปลกใจออกมาเล็กน้อย
ทำไมมาอยู่ที่นี่ล่ะ?
“เฟิงเฉิน สื้อสื้อ ในที่สุดพวกคุณก็มาแล้ว” ฟางเฉิงออกไปต้อนรับก่อน
“น้าชายใหญ่” เจียงสื้อสื้อเรียกชื่ออย่างเชื่อฟัง
“มาแล้วก็ขึ้นข้างบนกันเถอะ” ฟางเฉิงยิ้มออกมาตอนพูด
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้สนใจเขาเลย และเดินจูงมือเจียงสื้อสื้อมุ่งตรงไปยังด้านหน้า
“น้องเขย สื้อสื้อ พวกเราเดินทางนี้” ฟางยู่เชินเดินมา พร้อมทั้งชี้ไปทางลิฟต์
คนอื่นต่างถูกละเลยไปเสียแล้ว สีหน้าของทุกคนพลันแสดงสีหน้าอันต่างๆ นานาออกมา
“พ่อ แม่ คนเขามองไม่เห็นหัวพวกเรา ทำไมพวกเราต้องรอพวกเขาด้วย?” ฟางเย้นชิงพูดอย่างไม่พอใจ
“แกจะเข้าใจอะไร?” ฟางรุ่ยจ้องตาเขาเขม็ง “จิ้นเฟิงเฉินเป็นใคร? การที่พวกเราสามารถเขยิบเข้าหาเขาได้ ต่อไปพวกเราก็สามารถใช้อำนาจทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการในฟางซื่อแล้ว”
“ทำได้ทุกอย่างตามที่ต้องการ?” ฟางเย้นชิงส่งเสียงพูดดูถูกออกมา
ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินไม่ใช่ว่ายืนอยู่ทางฝั่งของฟางยู่เชินเหรอ?
แต่ว่าฟางยู่เชินก็ตกที่นั่งลำบากอยู่ในฟางซื่อนี่
ทว่า…
ฟางเย้นชิงจ้องมองร่างกายของเจียงสื้อสื้อที่เดินไปไกล พร้อมทั้งเลียริมฝีปาก จนไม่อาจพูดได้ว่าลูกพี่ลูกน้องของเขาคนนี้หน้าตาไม่เลวเลย
“ฉันจะบอกแกให้นะ อย่าได้คิดอะไรที่ไม่สมควรจะมีความคิด” ฟางเย้นซินมองเห็นถึงความคิดของเขา พร้อมทั้งกระซิบตักเตือนเขา
ฟางเย้นชิงส่งเสียงตอบกลับอย่างเย็นชา “เรื่องของผมคุณไม่ต้องเข้ามายุ่ง”
เมื่อพูดจบ ก็เดินสาวเท้าไปทางด้านหน้า
คนที่เหลือต่างก็เดินตามหลังติดๆ
ฉากในงานเลี้ยงต่างประดับตกแต่งได้อย่างเรียบง่ายและหรูหรา แสงไฟสะท้อนระยิบระยับ หญิงสาวแต่งตัวได้อย่างสวยงาม
ตอนที่จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อเดินเข้าไปนั้น ต่างตกเป็นสายตาทันที
“พวกเขาเป็นใครกัน?” มีคนส่งเสียงถามด้วยอาการสงสัย
“ฉันไม่รู้ แต่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นหล่อมากเลยแหละ!”
“ผู้หญิงที่อยู่ข้างเขาก็สวยมากนะ”
คำพูดถกเถียงกันและอาการตกใจต่างๆ นานา มันทำให้เจียงสื้อสื้อจับมือของจิ้นเฟิงเฉินเอาไว้แน่นตามสัญชาตญาณ
เธอไม่ได้เข้าร่วมงานกับในที่สาธารณะแบบนี้มาสักระยะหนึ่งแล้ว อยู่ดีมีคนมีจับจ้องเธออย่างโจ่งแจ้ง ช่างทำให้รู้สึกไม่เป็นตัวของตัวเองมากนัก
ฟางยู่เชินพาพวกเขามาถึงด้านข้างของในงาน
“ประธานฟาง” มีคนทักทายเขา
คนคนนั้นมองมาที่จิ้นเฟิงเฉิน จากนั้นก็หันศีรษะกลับมาพูดกับฟางยู่เชิน “ประธานหาง ทำไมผมรู้สึกว่าคุ้นหน้าจัง”
ฟางยู่เชินยิ้มให้ “เขาเป็นน้องเขยของผม จิ้นเฟิงเฉิน”
“จิ้นเฟิงเฉิน” คนคนนั้นพูดชื่อนี้ซ้ำอีกรอบ จากนั้นก็เบิกตาโต “ท่านคือจิ้นเฟิงเฉิน!”
คนคนนั้นเช็ดมือ จากนั้นก็ยื่นมือออกไป “สวัสดีครับท่าน คุณท่านจิ้น ได้ยินชื่อเสียงเรียงนานมานานแล้ว”
จิ้นเฟิงเฉินจับมือของเขาเอาไว้ “สวัสดี”
มีคนจำจิ้นเฟิงเฉินได้ และก็เข้ามาทักทายทันที
ไม่กี่วินาทีผ่านไป รอบกายของจิ้นเฟิงเฉินมีคนอยู่เป็นกลุ่ม
มุมปากของเจียงสื้อสื้อกระตุกเล็กน้อย จริงๆ แล้ว ผู้ชายคนนี้ที่ยืนหันข้างอยู่ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็จะตกเป็นเป้าสายตาของทุกคนที่สุด
“ถ้าคุณไม่ชอบ ไปนั่งพักข้างๆ ได้นะ เพื่อรอผม” จิ้นเฟิงเฉินกระซิบข้างหูเธออย่างแผ่วเบา
“ตกลง”
เจียงสื้อสื้อนั่งลงบนโซฟาตรงมุมห้อง เธอมองสำรวจทั้งงานเลี้ยง ที่กำลังครื้นเครงสนุกสนาน
แต่ว่าความสนุกสนานเช่นนี้มีเพียงเธอที่ไม่เข้าพวก
เธอพลันคิดถึงคุณตาและแม่ที่อยู่โรงพยาบาล จนเกิดความรู้สึกสับสนขึ้นมากมาย
“น้องสื้อสื้อ อยู่คนเดียวไม่เบื่อเหรอ?”
ทันใดนั้น น้ำเสียงที่ดูไม่ยี่หระก็ดังขึ้นข้างหู
เจียงสื้อสื้อหันกลับไปมองตามเสียง
ฟางเย้นชิงเดินเข้ามาหา พร้อมทั้งยิ้มให้ตอนมองมาที่เธอ “หรือว่าผมมาคุยเป็นเพื่อนคุณนะ?”
วันนี้เข้าใส่ชุดสูทสีขาวทั้งตัว มองเหมือนผู้เหมือนคนหน่อย แต่ว่าใบหน้าอันหื่นกระหายนั้นมันทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจ
“ไม่จำเป็น” เจียงสื้อสื้อตอบปฏิเสธอย่างเย็นชา
เธอไม่อยากจะข้องแวะกับเขามาก
“อย่าสิ”
ฟางเย้นชิงนั่งลงด้านข้างเธอ
และในเวลาเดียวกัน เจียงสื้อสื้อก็ลุกขึ้นทันที “พี่ชายนั่งไปเถอะ”
เมื่อสิ้นเสียง เธอก็ก้าวเท้าเพื่อเตรียมตัวเดินหนี
แววตาของฟางเย้นชิงปรากฏแววตาอันแสนมืดหม่นออกมา จากนั้นก็ก้าวเท้าไปยืนดักด้านหน้าเธอเอาไว้
“น้องสาว ที่คุณทำมันเป็นการไม่ไว้หน้าฉันเลยนะ” ฟางเย้นชิงที่เมื่อครู่ยังยิ้มร่าอยู่ แต่ตอนนี้เปลี่ยนสีหน้าเป็นมืดหม่นตอนมองมาที่เธอ
“เปล่านะ คุณเข้าใจผิดแล้ว”
เจียงสื้อสื้อเตรียมเดินอ้อมเขา แต่ว่าเขาก็ขวางไม่ให้เธอเดินไป
สุดท้ายแล้ว เธอพูดอย่างหมดความอดทน “คุณปล่อยฉัน!”
ฟางเย้นชิงยิ้มทันที นัยน์ตาฉายแววตากระหยิ่มยิ้มย่องออกมา พร้อมทั้งใช้สายตาประเมินเธอทั้งข้างบนข้างล่าง “น้องสาว ฉันล่ะชอบที่คุณเป็นแบบนี้”
“ไร้ยางอาย!” เจียงสื้อสื้อสบถด่าออกไป
เธอใช้แรงผลักเขาออก
วินาทีต่อมา แขนถูกเขาจับเอาไว้