ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 968 เป้าหมายคือฟางซื่อกรุ๊ป
จิ้นเฟิงเฉินอาบน้ำเสร็จแล้วเดินออกมา ผมยังคงเปียกโชก น้ำหยดติ๋งๆ
เขาใช้ผ้าขนหนูเช็ดลวกๆ สองครั้ง
เห็นแบบนั้น เจียงสื้อสื้อจึงขมวดคิ้ว “เป่าผมให้แห้ง”
“คุณจะช่วยผมเหรอ” จิ้นเฟิงเฉินมองเธอเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม
เธอตอบรับ “ได้สิคะ”
เมื่อพูดจบ เธอจึงเตรียมลงจากเตียง
“ไม่ต้องหรอก เดี๋ยวผมเป่าเอง”
จิ้นเฟิงเฉินห้ามเธอเอาไว้ ไม่รอให้เธอได้ตอบโต้เขาก็หมุนตัวเดินเข้าห้องน้ำไป
เขาไม่อยากให้เธอต้องลำบาก แต่แค่เป่าผมเอง จะลำบากอะไรนะ
เจียงสื้อสื้อลงจากเตียง สวมสลิปเปอร์เดินตามเข้าไปในห้องน้ำ
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้าเป่าผม ได้ยินเสียงจึงหันกลับมา มองเห็นเจียงสื้อสื้อที่เดินเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยนมองมาที่เขา
หัวใจเต้นเร็ว
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น “คุณ…”
ยังไม่ทันได้พูดจบ เธอก็ยื่นมือมาแย่งไดร์เป่าผมไป เสียงเบาดังขึ้น “ฉันรักคุณค่ะ”
ครั้งนี้ จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ
เขาโน้มตัวลงมาช้าๆ ให้เธอเอื้อมถึงผมตัวเอง
เสียงเครื่องเป่าผมดังขึ้น นิ้วมือสอดแทรกเข้าไปในผมเขาอย่างนุ่มนวล เจียงสื้อสื้อตั้งใจ ริมฝีปากยกยิ้มบางๆ
จิ้นเฟิงเฉินเงยหน้า สายตาอยู่ที่โครงหน้าสวย สายตาอ่อนโยน
“เสร็จแล้วค่ะ” เธอกดปิดเครื่อง สางผมของเขาอย่างพึงพอใจ
จิ้นเฟิงเฉินยืดตัวขึ้น สายตาคมจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเล็กไม่ห่าง
“ออกไปกันเถอะ” เก็บเครื่องเป่าผมเสร็จแล้ว เจียงสื้อสื้อจึงหันกลับมา สบตาเขาเข้าพอดี หัวใจเต้นระรัว
รู้สึกเหมือนจะมีอะไรเกิดขึ้น
ยังไม่ทันรู้ตัว เขาก็จับเธอยกขึ้นไปนั่งบนอ่างล้างหน้า
เธอตกใจเล็กน้อย “คุณ…คุณจะทำอะไรคะ”
หัวใจเต้นแรง ตุบๆ ขึ้นมา
ดวงตาคมของจิ้นเฟิงเฉินจับจ้องอยู่ที่ริมฝีปากแดงสวย เสียงทุ้มต่ำ “จูบคุณ”
เมื่อพูดจบ ก็กดจูบลงไปบนริมฝีปากเธออย่างร้อนแรง
หัวใจเจียงสื้อสื้อเต้นกระหน่ำ ปิดตาลงช้าๆ ปล่อยให้เขาเป็นผู้นำ
ภายใต้แสงไป ทั้งสองโอบกอดกันและกัน ห้องทั้งห้องก็อบอวลไปด้วยความหอมหวาน
……
วันต่อมา จิ้นเฟิงเฉินพาเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนกลับเมืองจิ่น
เจียงสื้อสื้ออยากไปเฝ้าแม่ที่โรงพยาบาล ทว่าถูกซ่างหยิงห้ามเอาไว้
“ฉันว่าเธอเหมือนพักผ่อนไม่เพียงพอ วันนี้ไม่ต้องไปโรงพยาบาลหรอก”
“หนูไม่เป็นไรค่ะ”
เมื่อพูดจบเจียงสื้อสื้อก็หาวทันที
ซ่างหยิงมองเธอ “ยังบอกว่าไม่เป็นไรอีก น้ำตาจนไหลออกมาแล้ว ง่วงขนาดนี้ขึ้นไปนอนสักหน่อยเถอะ”
เจียงสื้อสื้อเหนื่อยจริงๆ นั่นแหละ เมื่อคืน…
เธอนึกถึงเรื่องเมื่อคืน ใบหน้าซีดเซียวก็แดงขึ้นมา
“ทำไมถึงหน้าแดงขนาดนี้ล่ะ” ซ่างหยิงขมวดคิ้ว ยื่นมือไปแตะหน้าผากเธอดู ถามด้วยความเป็นห่วง “เป็นไข้แล้วหรือเปล่า”
เจียงสื้อสื้อกลัวจะโดนจับได้ รีบวิ่งกลับขึ้นไปด้านบน “คุณน้า วันนี้หนูไม่ไปโรงพยาบาลแล้วนะคะ”
“ช้าหน่อย” ซ่างหยิงเห็นเธอวิ่งอย่างรวดเร็ว จึงตะโกนตามหลัง
ซ่างหยิงส่ายหน้ายิ้มๆ “ยัยเด็กคนนี้ทำไมวันนี้ถึงได้ลุกลี้ลุกลนจังเลยนะ”
กลับมาถึงห้อง เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นปิดหน้า
กลางวันแสกๆ คิดอะไรอยู่เนี่ย น่าอายเป็นบ้า
……
เพื่อเตรียมวัตถุดิบยาให้กับSAกรุ๊ป ฟางอี้หมิงจึงมีแนวคิดที่จะเอาวัตถุดิบยาจากโกดังของฟางซื่อกรุ๊ป
ตอนนี้คงมีแค่ฟางซื่อที่ช่วยเขาได้
ดังนั้นเขาจึงพาคนมาที่โกดังชานเมืองของฟางซื่อ
“ท่านรองฟาง ต้องให้ท่านประธานอนุญาตคุณจึงจะขนย้ายวัตถุดิบยาออกจากโกดังได้ครับ” หัวหน้าเจ้าหน้าที่ดูแลโกดังไม่ยอมให้เขาเข้า
ฟางอี้หมิงยิ้มเย็น “เมื่อไหร่กันที่ฉันต้องการวัตถุดิบยาแล้วต้องขออนุญาตท่านประธานก่อน”
“นี่เป็นคำสั่งของท่านประธานหลังจากขึ้นรับตำแหน่งครับ”
ไอ้บ้าฟางยู่เชิน
ฟางอี้หมิงก่นด่าอยู่ในใจ มองประตูใหญ่ของโกดังที่ปิดสนิท เกิดแผนการขึ้นมาในหัว
ชั่วพริบตาใบหน้าเขาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ดึงเจ้าหน้าที่มาอีกฝั่ง “เอาแบบนี้ไหม นายให้ฉันเอาวัตถุดิบออกไป เดี๋ยวฉันจะไปรายงานท่านประธานทีหลัง”
“ไม่ได้หรอกครับ ต้องได้รับความยินยอมจากท่านประธานก่อน” เจ้าหน้าที่ยืนยัน
ดวงตาฟางอี้หมิงเผยความรำคาญออกมา ทว่าใบหน้ายังคงยิ้ม “ฉันเป็นพี่ชายของท่านประธานนะ เอาวัตถุดิบไปนิดๆ หน่อยๆ จะเป็นไรไป”
อีกฝ่ายยิ้มเล็กน้อย ยังคงยืนยัน “ต้องขอโทษด้วยครับ ถึงวันนี้เป็นพ่อของท่านประธานมา ก็ต้องทำตามกฎเหมือนกันครับ”
“แก” ฟางอี้หมิงพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะ
ถ้าวันนี้ยังเอาวัตถุดิบมาไม่ได้ งั้นเขาก็ไม่รู้จะบอกกับSAกรุ๊ปยังไง
ตอนนั้นเอง พนักงานดูแลโกดังเดินเข้ามา “หัวหน้าครับ ทางนั้นมีออเดอร์ส่งออกที่ต้องให้คุณเซ็นครับ”
รอหัวหน้าเจ้าหน้าที่ไป พนักงานคนนั้นจึงบอกกับฟางอี้หมิงเสียงเบา “ท่านรองฟาง คุณต้องหารวัตถุดิบตัวไหน ผมช่วยคุณได้นะครับ”
เดิมฟางอี้หมิงยังคงโกรธ เมื่อได้ยินแบบนั้น จึงหันกลับไปหาพนักงาน
เห็นเพียงใบหน้าร้ายกาจของพนักงาน เขาเข้าใจในทันที ความโกรธพลันหายไป “นายช่วยฉัน ฉันจะไม่ลืมความดีของนายเลย”
พนักงานได้ยินแบบนั้น ดวงตาลุกวาว “คุณพูดจริงใช่ไหมครับ”
“แน่นอน”
“งั้นคุณเอารายการที่คุณต้องการมา เดี๋ยวผมช่วยครับ”
ฟางอี้หมิงไม่ได้มอบให้เขา แต่บอกกับเขาว่าต้องการอะไรและจำนวนเท่าไหร่ คนคนนั้นเพียงได้ยินแล้วก็ตกใจ รีบถาม “เยอะขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
เสียงของเขาดึงความสนใจของหัวหน้า “เสี่ยวหลี่ นายทำอะไร”
เสี่ยวหลี่รีบหันกลับไป “เปล่าครับ ไม่มีอะไร ท่านรองแค่ถามอะไรผมนิดหน่อย”
หัวหน้าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก หันกลับไปทำงานของตัวเองต่อ
“ท่านรองฟาง นี่…มันมากเกินไป ผมไม่กล้าทำหรอกครับ” เดิมทีเสี่ยวหลี่อยากใช้โอกาสนี้ประจบฟางอี้หมิง ดูว่าตัวเองจะมีโอกาสเลื่อนขั้นหรือเปล่า
แต่จำนวนมากขนาดนี้ ถ้าเขาช่วย เบื้องบนต้องจับได้แน่นอน ถึงตอนนั้นตัวเขาเองต้องแย่แน่ๆ
ดังนั้นลองคิดดูแล้ว เขาจึงปฏิเสธฟางอี้หมิง “ท่านรองฟาง งานนี้…ผมคงช่วยไม่ได้”
เขาเสนอตัวเข้ามาเอง ฟางอี้หมิงจะปล่อยไปง่ายๆ ได้ยังไง
“ไม่ได้ นายต้องช่วยฉัน” ท่าทางของฟางอี้หมิงนั้นยืนหยัด
“ท่านรองฟาง ผม…” เสี่ยวหลี่รู้สึกเสียใจขึ้นมา ไม่น่าเอาตัวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยเลย
ฟางอี้หมิงหันหน้าไปหาหัวหน้าพนักงาน บอก “นายแค่ช่วยฉันเปิดประตูโกดังก็พอ เรื่องอื่นเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
“แต่ว่า…” เสี่ยวหลี่ลำบากใจมาก
“นายกลัวว่าจะโดนจับได้แล้วจะไม่มีงานทำเหรอ” ฟางอี้หมิงถาม
เสี่ยวหลี่ยิ้มแห้งๆ ถ้าแค่เสียงานก็ดีสิ แต่ถ้าถูกจับนั่นคือจบเลยนะ
ฟางอี้หมิงเข้าใจถึงสิ่งที่เขาคิด ยื่นมีไปตบไหล่เขา ปลอบใจ “นายวางใจเถอะ หากเกิดอะไรขึ้นเดี๋ยวฉันรับผิดชอบเอง ไม่ให้นายต้องมาลำบากด้วยหรอก”
“จริงเหรอครับ” เสี่ยวหลี่ไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไหร่
“ไม่เพียงไม่ให้นายลำบาก แถมยังจะเลื่อนตำแหน่งให้นายด้วย ฉันว่านายคงไม่อยากอยู่เฝ้าโกดังไปตลอดชีวิตหรอกใช่ไหม”
เสี่ยวหลี่ใจเต้น แต่ก็ยังไม่ได้ตอบตกลงในทันที “ผมขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ”
ฟางอี้หมิงหัวเราะ “แน่นอน”
เขาไม่รีบร้อนเลยสักนิด เพราะเขารู้ว่าอีกหน่อยเสี่ยวหลี่จะต้องตอบตกลงอย่างแน่นอน
คนน่ะ มักยอมจำนนต่อความอยากเสมอ