ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่ 985 หรือว่าคุณไม่ชอบเธอ?
จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้ออยู่เป็นเพื่อนเสี่ยวเป่าอยู่สักพัก ต่อมาจิ้นเฟิงเฉินได้รับโทรศัพท์จากบริษัท ก็ขอตัวออกไปก่อน
เจียงสื้อสื้ออยู่เป็นเพื่อนลูก หลังจากที่เธอโทรศัพท์ไปแจ้งให้ที่บ้านรู้เรื่องแล้ว ก็ให้แม่จิ้นเอาโทรศัพท์ให้เถียนเถียนฟัง
“ลูกรัก หม่ามี้ไม่สามารถไปโรงเรียนเป็นเพื่อนลูกได้แล้ว”
ตอนเช้าคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีรบเร้าให้เธอไปเป็นเพื่อนคือเถียนเถียน ตอนว่าเวลานี้พูดได้อย่างเข้าใจเรื่องราวมาก “หนูรู้ว่าหม่ามี้ต้องอยู่เป็นเพื่อนกับพี่ชาย ดังนั้นให้คุณย่าไปกับหนูก็ได้แล้ว”
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ออกมาแล้ว เจียงสื้อสื้อซาบซึ้งใจเล็กน้อย “ลูกรัก ลูกยอดเยี่ยมที่สุดเลย”
“หม่ามี้ พี่ชายไม่เป็นไรใช่ไหม?” เถียนเถียนถามกลับ
“พี่ชายไม่เป็นไร แต่ว่าพี่ชายต้องพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลอยู่หลายวัน”
“งั้นหนูเลิกเรียนแล้วไปหาพี่ชายได้ไหม?”
“ได้อย่างแน่นอน”
เจียงสื้อสื้อตอบตกลงเถียนเถียน เลิกเรียนแล้วจะไปรับเธอ แต่ก็พาเธอมาหาพี่ชายที่โรงพยาบาล
จากนั้นก็พูด “บ๊ายบาย” กับเถียนเถียน เจียงสื้อสื้อก็วางโทรศัพท์
เธอหันศีรษะไปทางเสี่ยวเป่าที่นอนอยู่บนเตียง เขาหลับไปแล้ว
เดิมทีการที่กลับมานั้นคือการอยู่เป็นเพื่อนลูกทั้งสองคน ใครจะไปรู้ได้เล่าว่าจะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดนี้เกิดขึ้นได้
แต่ว่า เธอเองก็นับว่าโชคดีที่ตนเองกลับมาแล้ว อย่างนั้นตอนที่เสี่ยวเป่าได้รับบาดเจ็บนั้น เธอก็สามารถอยู่ข้างกายเสี่ยวเป่าได้
เธอถอนหายใจ พลันเดินมาห่มผ้าห่มให้กับเจ้าเด็กน้อย จากนั้นก็นั่งพักผ่อนบนโซฟาเบดที่อยู่ด้านข้าง
……
ฟางยู่เชินวิตกจริตทั้งคืน ราวกับว่าเบิกตาจนฟ้าสาง
“บ้าไปแล้ว!”
เขาลุกขึ้นจากเตียง จากนั้นก็เกาศีรษะอย่างหงุดหงิด
เมื่อคืนนี้โอกาสช่างดีขนาดนั้น เขา..เขาดันพูดผิดไปซะประโยคหนึ่ง จนทำให้ซ่างกวนหยวนรู้สึกไม่ยินดีด้วย
เมื่อคิดได้ถึงตรงนี้ เขาล้มตัวลงบนเตียง และยื่นมือออกมาปิดตาเอาไว้ มุมปากกระตุกรอยยิ้มอันแสนขมขื่นออกมา
สื้อสื้อพูดไม่ผิดไปเลย คือเขาชอบคุณหนูซ่างกวนเข้าให้แล้ว
อีกอย่างเป็นรักแรกพบด้วย
ฟางยู่เชินลุก “พรวด” ขึ้นนั่งบนเตียง
ไม่ได้การแล้ว!
เขาต้องไปขอโทษ เพื่อรักษาภาพพจน์ของเขาที่มีต่อซ่างกวนหยวนเอาไว้
ตลอดทั้งเช้า ส้งหยาวเดินเข้าห้องทำงานของท่านประธานอยู่หลายครั้ง ก็เห็นว่า บอสของตนเองนั้นเอาแต่เหม่อมองอยู่กับโทรศัพท์
ครั้งนี้ เขาแปลกใจจนไม่สามารถอัดอั้นเอาไว้ได้ จึงเอ่ยปากถาม “ท่านประธาน ท่านกำลังรอโทรศัพท์ของใครอยู่ไหม?”
เมื่อได้ยินแล้ว ฟางยู่เชินเงยหน้าขึ้น แววตาเอาแต่จับจ้องเขา
ส้งหยาวรู้ตัวว่าตนเองนั้นได้ก้าวล้ำเส้นความเป็นส่วนตัวของ บอส เข้าให้แล้ว พลันรีบพูดทันที “ขอโทษ ผมไม่ควรทำคุณเช่นนี้ ผมจะออกไปเดี๋ยวนี้”
พูดจบ เขาเอาเอกสารวางเอาไว้ และหันตัวเดินออกไปทันที
“รอเดี๋ยว!” จู่ๆ ฟางยู่เชินตะโกนเรียกเขาเอาไว้
ส้งหยาวดึงเท้ากลับ และหันศีรษะกลับมา
ฟางยู่เชินครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ “….เสี่ยวส้ง คุณรู้ไหมว่าควรจะขอโทษผู้หญิงอย่างไรดี?”
ส้งหยาวตะลึงทันที “ท่านประธานต้องการขอโทษใครล่ะ?”
“คืออย่างนี้…”
ฟางยู่เชินเกือบตอบคำถามตามสัญชาตญาณอยู่แล้ว เขากระแอมออกมาเบาๆ แถมพูดด้วยสีหน้าไม่เป็นตัวของตัวเอง “ฉันหมายถึง …ขอโทษแทนน้องเขยของฉัน”
น้องเขย ขอโทษด้วยนะ
เขาได้แต่ขอโทษอยู่ในใจเท่านั้นเอง
“อ้อ” ส้งหยาวคิดอย่างจริงจัง “ปกติแล้วจะส่งดอกไม้หรือของขวัญ หรือเลี้ยงข้าวมือใหญ่สักมือแทน”
“ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญ เลี้ยงข้าวมือใหญ่” ฟางยู่เชินพูดย้ำคำพูดของเขาอีกครั้ง จากนั้นก็พูดว่า “ไอ้หลายอย่างนี่มันใช่ได้ผลใช่ไหม?”
“น่าจะได้ผลอยู่นะ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “น่าจะเหรอ?”
“ทั้งหมดนี่ต้องดูความสามารถของคุณท่านจิ้นแล้วแหละ”
ฟางยู่เชินเลิกคิ้วขึ้น ไม่ได้ให้เขาต้องลำบากใจไปด้วยอีกแล้ว “คุณออกไปเถอะ”
ส้งหยาวเดินออกมาอย่างรวดเร็ว ราวกับว่าด้านหลังมีน้ำป่าไหลหลากอย่างรุนแรงกำลังตามเขาอยู่เช่นนั้น
ส่งดอกไม้เนี่ยนะ?
ฟางยู่เชินใช้นิ้วเคาะลงบนพื้นผิวโต๊ะ พร้อมทั้งครุ่นคิดอย่างจริงจังว่าจะขอโทษซ่างกวนหยวนอย่างไรดี
เมื่อคิดจนตกผลึกแล้ว เขาก็ตบโต๊ะทันที มุมปากค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมา “ฉันก็ส่งดอกไม้ ส่งของขวัญ และเลี้ยงข้าว เธอก็คงให้อภัยฉันมั้ง”
ดังนั้น เขาเลยส่งข้อความให้ซ่างกวนหยวน บอกว่าเย็นนี้จะเลี้ยงข้าวเธอ
ไม่นอนนักก็มีการตอบกลับมา
เขาอดใจไม่ไหวจนรีบเปิดดู แต่เมื่อเห็นข้อความบนหน้าจอมีคำอยู่สามคำนั้น รอยยิ้มที่อยู่บนสีหน้าพลันแน่นิ่งทันที
——ไม่มีเวลา
ฟางยู่เชินนั่งคอตกหมดเรี่ยวแรงด้วยความพ่ายแพ้ยับเยิน
จบสิ้นกัน
เธอรังเกียจเขาจริงๆ ด้วย
……
ตอนที่เจียงสื้อสื้อรับโทรศัพท์ของฟางยู่เชินนั้น เป็นเวลาที่กำลังป้อนข้าวเสี่ยวเป่าพอดี
“เสี่ยวเป่า หม่ามี้รับโทรศัพท์นะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ได้”
เจียงสื้อสื้อหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาและเดินไปยังด้านข้าง เมื่อรับสายแล้ว “พี่ชาย”
“สื้อสื้อ ยุ่งอยู่หรือเปล่า?” ฟางยู่เชินที่อยู่ปลายสายถาม
“ไม่ยุ่ง มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันมีเรื่องให้คุณช่วย”
“คุณพูดมาเลย”
“เอ่อคือ….” ฟางยู่เชินยังลังเลอยู่
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วเล็กน้อย “หรือว่าบริษัทเกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
“ไม่ใช่ เรื่องส่วนตัวของฉันเอง”
“งั้นพี่ก็พูดออกมาตรงๆ เลย ไม่เป็นไรหรอก”
“เรื่องเป็นแบบนี้ ผมให้คุณช่วยไปนัดให้ซ่างกวนหยวนออกมาให้ผมที”
เจียงสื้อสื้อแปลกใจ “นัดหยวนหยวนเหรอ? คุณคิดจะทำอะไร?”
“ผมก็แค่อยากจะขอโทษเธอเท่านั้นเอง”
“คุณไปทำอะไรให้เธอล่ะ?”
ซ่างกวนหยวนเป็นเพื่อนของเธอ ส่วนเขาก็เป็นพี่ชายมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของตนเอง เธอไม่อยากให้ระหว่างคนทั้งสองคนนั้นเกิดปัญหาขัดแย้งกัน ดังนั้นเลยต้องถามให้รู้เรื่องจนชัดเจนก่อน
“ไม่มีอะไร ก็แค่ตอนนั้นดันพูดผิดหูจนทำให้เธอไม่ถูกใจเข้าให้”
ฟางยู่เชินเล่าเรื่องเมื่อคืนนี้ให้เจียงสื้อสื้อฟัง
สื้อสื้อฟังจบแล้ว จนรู้สึกเคอะเขินขึ้นมาทันที “นี่พี่ชาย พี่คิดว่าหยวนหยวนนั้นเจ้าอารมณ์ไปหน่อยแล้วมั้ง เธอจะไปรังเกียจพี่เพราะว่าคำพูดของพี่ประโยคเดียวงั้นเหรอเนี่ย?”
“งั้นการที่ผมนัดเธอ ทำไมเธอถึงไม่ยอมออกมาล่ะ?”
“เขาอาจจะยุ่งมากจริงๆ แหละ พี่ก็อย่าไปคิดมากเลย…”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เจียงสื้อสื้อพลันฉุกคิดเรื่องสำคัญมากขึ้นมาได้
“นี่พี่ชาย หรือว่าพี่ไปชอบหยวนหยวนจริงๆ เข้าให้แล้ว?” เธอถามกลับ
เสียงปลายสายนั้นเงียบขรึมทันที
“ดูเหมือนว่า พี่จะไปชอบเธอจริงๆ เข้าให้แล้ว!” น้ำเสียงเจียงสื้อสื้อตื่นเต้นมาก
“ดังนั้น … ปัญหานี้คุณช่วยแล้วใช่ไหม?” ฟางยู่เชินถามกลับ
“ช่วย ต้องช่วยแน่นอน”
ฟางยู่เชินได้ยินคำตกลงของเธอแล้ว จนต้องถอนหายใจทันที “ขอบใจมาก”
“ไม่ต้องเกรงใจขนดนั้น พี่รอข่าวดีจากฉันได้เลย”
เจียงสื้อสื้อวางสายลง และคิดอยู่สักพัก จากนั้นก็ส่งข้อความให้ซ่างกวนหยวน ถึงเดินกลับไปหาเสี่ยวเป่า
“เสี่ยวเป่า เรากินข้าวต่อนะ”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง
เจียงสื้อสื้อป้อนข้าวไปด้วย และพูดด้วย “ไม่นานลูกก็จะมีน้าสะใภ้เล็กแล้ว”
“น้าสะใภ้เล็ก?” เสี่ยวเป่าดูไม่คุ้นชินกับคำเรียกนี้
“ใช่สิ แฟนสาวของน้าชายเล็กของลูกก็คือน้าสะใภ้เล็กของลูกไง”
เสี่ยวเป่าพยักหน้าเหมือนจะพอเข้าใจบ้าง “อ้อ”
“ครั้งหน้าหม่ามี้จะแนะนำให้ลูกรู้จักนะ”
“ได้เลย” ความจริงแล้วเสี่ยวเป่าไม่ได้สนใจอะไรกับคำว่าน้าสะใภ้เล็กนี่เลย เขาก็แค่คิดว่าน้าชายเล็กมีแฟนแล้ว ต่อไปหรือว่าคงไม่มีโอกาสที่จะไปติดตั้งเครื่องบินกับเขาแล้ว
ตอนที่ซ่างกวนหยวนได้รับข้อความของเจียงสื้อสื้อนั้น รู้สึกแปลกใจอยู่เล็กน้อย เธอไม่ได้ตอบกลับข้อความ แต่เธอจัดการโทรศัพท์หาโดยตรงเลย
ไม่นานนักทางนั้นก็รับสาย น้ำเสียงดีใจของเจียงสื้อสื้อดังออกมา “หยวนหยวน”
ซ่างกวนหยวนฉีกยิ้มมุมปากอย่างไม่รู้ตัว “ไม่ใช่ว่าคุณกลับไปยังเมืองจิ่นแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วจะมานัดฉันกินข้าวได้ยังไง?”
“เอ่อ…” เจียงสื้อสื้อลังเลอยู่สักพัก ความจริงแล้วพี่ชายของฉันเป็นคนนัดคุณ
“ประธานฟาง?”
“อื้อ เขาบอกว่าเขาอยากจะขอโทษคุณ”
ซ่างกวนหยวนขมวดคิ้ว พร้อมทั้งทำหน้าแปลกใจอย่างคิดไม่ออก “ขอโทษเรื่องอะไร?”
“ฉันเองก็ไม่รู้” เจียงสื้อสื้อตั้งใจไม่อธิบายออกมาให้ชัดเจน “รอให้คุณไปเจอกับเขาก็รู้เรื่องกันแล้ว”
ความหมายของคำพูดนั้น ก็คือการที่เธอตอบตกลงในคำเชิญของฟางยู่เชิน
ซ่างกวนหยวนได้แต่ยิ้มให้อย่างเบื่อหน่าย “งั้นก็ได้ คุณให้เขามาพูดกับฉันด้วยตนเอง”
เจียงสื้อสื้อได้ยินแล้วรู้ทันทีว่ามีเรื่องดีแล้ว พลันรีบพูดทันที “ได้ ฉันจะไปบอกเขา”