ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1063 ห้ามขาดการระวังตัวจากคนอื่นเด็ดขาด
- Home
- ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?!
- บทที่1063 ห้ามขาดการระวังตัวจากคนอื่นเด็ดขาด
ทันทีที่ซ่างกวนหยวนกลับมาที่สถาบัน เธอก็รีบทำการวิจัยเลือดของเจียงสื้อสื้อทันที
เธอพบว่ายาที่เธอวิจัยออกมามีเพียงผลในการยับยั้งไวรัสเท่านั้น ไม่สามารถกำจัดมันได้อย่างสมบูรณ์
หรืออีกนัยหนึ่งก็คือการวิจัยของเธอได้ล้มเหลวอีกครั้ง
เธอมองดูแผ่นกระจกที่ไว้สำหรับเพาะเชื้อ ถอดถุงมืออย่างหัวเสียแล้วโยนมันลงบนโต๊ะปฏิบัติการ หันหลังเดินออกจากห้องวิจัยไป
“หยวนหยวน”
ทันทีที่เธอเดินออกไป ซ่างกวนเชียนที่รออยู่ด้านนอกก็รีบเดินเข้ามาทันที แต่ก็ไม่กล้าเข้าใกล้มากนัก ได้แต่ทำตัวเล็กแล้วเอาแต่ถูมือของเขาไป
“อะไรเหรอคะ?” ซ่างกวนหยวนมองเขาด้วยสีหน้าที่ว่างเปล่า
“พรุ่งนี้คุณจะไปอิตาลี คืนนี้กลับบ้านไปกินข้าวที่บ้านดีมั้ย”
ซ่างกวนเชียน ผู้ซึ่งดูทรงอำนาจอยู่เสมอต่อหน้าคนนอก มักจะดูถ่อมตนเป็นพิเศษเมื่ออยู่ต่อหน้าเธอเสมอ พร้อมกับน้ำเสียงที่แฝงด้วยความร้องขอ
“ไม่ดีกว่าค่ะ” ซ่างกวนหยวนปฏิเสธอย่างไม่ไว้หน้า
ไม่น่าแปลกใจเลยสักนิด
ซ่างกวนเชียนยิ้มอย่างขมขื่น “หยวนหยวน วันนั้นผมผิด ผมไม่ควร…”
“ไม่ต้องพูดแล้ว” ซ่างกวนหยวนไม่ต้องการพูดถึงเรื่องของวันนั้นอีก เธอจึงขัดจังหวะเขาด้วยเสียงที่ดังทันที
“ตกลง ผมไม่พูดแล้ว อย่าโกรธเลยนะครับ” ซ่างกวนเชียนรีบพูดให้เธอสงบลง “หยวนหยวน ไม่ว่าคุณจะเกลียดผมแค่ไหน แต่ในใจผม คุณสำคัญที่สุดเสมอนะครับ”
“โอ้?” ซ่างกวนหยวนเลิกคิ้วขึ้น “สำคัญกว่าบริษัทอีกเหรอคะ?”
“แน่นอนครับ” ซ่างกวนเชียนตอบโดยไม่ลังเลเลยแม้แต่นิดเดียว
ซ่างกวนหยวนพยักหน้า “โอเค งั้นคุณช่วยมอบบริษัทให้ฉันได้ไหมคะ?”
“หยวนหยวน นี่…” ซ่างกวนเชียนรู้สึกหนักใจเล็กน้อย เขายิ้มอย่างยากลำบาก “พ่อเป็นคนมอบบริษัทให้ผมกับมือ แค่คุณยอมคุณแต่งงานกับผม บริษัทก็จะเป็นของคุณไม่ใช่เหรอครับ?”
“ฮึ” ซ่างกวนหยวนขำออกมาเย่างไม่ชอบใจ แววตาของเธอที่มองเขาเต็มไปด้วยความประชด “ซ่างกวนเชียน คุณคิดว่าฉันจะแต่งงานกับคุณได้จริงๆเหรอคะ? นอกจากนี้ ฉันไม่รู้ว่าคุณใช้วิธีอะไรถึงทำให้พ่อของฉันมอบบริษัทให้คุณ แต่ฉันจะต้องสืบหาความจริงให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น ซ่างกวนเชียนก็รู้สึกร้อนรนขึ้นมา “หยวนหยวน คุณหมายความว่ายังไงครับ คุณสงสัยว่าผมคิดไม่ซื่อกับตระกูลซ่างกวนอย่างนั้นเหรอครับ?”
ซ่างกวนหยวนปฏิเสธที่จะตอบคำถามของเขา “คุณมีอะไรอีกมั้ยคะ? ถ้าไม่ก็ไปได้แล้วค่ะ”
“หยวนหยวน ทำไมคุณถึงต้องทำแบบนี้ด้วยครับ?”
ความรู้สึกไร้เรี่ยวแรงได้ครอบงำซ่างกวนเชียนในทันที เขามองไปที่ซ่างกวนหยวนที่ไร้อารมณ์และถอนหายใจออกมา “ช่างเถอะ ไม่ว่าคุณจะคิดอะไร ผมเชื่อว่าเวลาจะเป็นตัวพิสูจน์ทุกอย่างเอง”
“ผมไปแล้ว ผมอวยพรให้คุณโชคดีที่อิตาลีนะครับ”
เมื่อเห็นซ่างกวนหยวนไม่ตอบ เขาเหลือบมองเธออย่างลึกซึ้งทีหนึ่ง จากนั้นทำได้เพียงหันหลังกลับและจากไปอย่างช่วยไม่ได้
พอเห็นร่างของเขาหายไปในมุมของทางเดิน ซ่างกวนหยวนหันกลับมา เธอค่อยๆ หลับตาลง หายใจเข้าลึกๆ และระงับความหงุดหงิดของเธอเอาไว้
ตั้งแต่ที่พ่อแม่ของเธอจากไป ซ่างกวนเชียนได้แบกรับภาระทั้งหมดเอาไว้เอง และยอมให้ไปเธอทำในสิ่งที่เธอชอบอย่างเต็มที่
แต่ถ้าไม่ใช่เพราะซ่างกวนเชียน พ่อแม่ที่รักของเธอก็คงไม่ต้องจากโลกไปเร็วขนาดนี้
เธอลืมตาขึ้น รอบยิ้มที่เยาะเย้ยปรากฏขึ้นที่มุมปากของเธอ เธอเองไม่สามารถบอกได้ว่าเธอรู้สึกยังไงกับซ่างกวนเชียน
แต่มันก็ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือพรุ่งนี้เธอจะไปอิตาลีแล้ว
หวังว่าตอนที่จิ้นเฟิงเฉินเจอเธอจะไม่ตกใจจนเกินไปนะ
……
โม่เหยียหานยู่รีบไปเมืองหลวงตามคำสั่งของจิ้นเฟิงเฉิน
ในตอนที่เห็นพวกเขา เจียงสื้อสื้อก็ต้องรู้สึกประหลาดใจมาก “พวกคุณมาที่นี่ได้ยังไงคะ?”
“คุณชายส่งเรามาเพื่อทำการตรวจอย่างละเอียดให้คุณครับ” โม่เหยียตอบตามความจริง
เจียงสื้อสื้อยิ้มออกอย่างช่วยไม่ได้ “ฉันไม่เป็นอะไรแล้ว ความจริงพวกคุณไม่จำเป็นต้องมาก็ได้ค่ะ”
“คุณชายเขาไม่สบายใจค่ะ” หานยู่กล่าว
เมื่อได้ยินอย่างนั้น เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกเหมือนหัวใจถูกยัดไปด้วยสำลีนุ่มๆ และเธอยังคงพึมพำอีกว่า “เขาระวังตัวเกินไปจริงๆ”
โม่เหยียอดไม่ได้ที่จะหัวเราะและหยอกล้อว่า “คุณหญิงครับ ที่คุณชายต้องระวังตัวมากขนาดนี้ มันก็เป็นเพราะเขาห่วงใยคุณไงครับ”
หลังจากพูดแซวเสร็จ เขาก็ยิ้ม จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องทันที “คุณหญิงครับ การตรวจร่างกายนั้นจำเป็นต้องทำ ไม่อย่างนั้นเราจะไม่รู้ว่าตอนนี้ไวรัสในตัวคุณเป็นยังไงบ้างแล้ว”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เข้าใจแล้วค่ะ”
ว่าแล้ว เจียงสื้อสื้อก็ยอมรับการตรวจแต่โดยดี เธอที่เพิ่งถูกซ่างกวนหยวนดูดเลือดไป ก็ต้องมาถูกพวกโม่เหยียดูดเลือดอีกครั้ง
มันทำให้เธออดไม่ได้ที่จะบ่นออกมา “วันนี้ฉันถูกดูดเลือดออกเยอะขนาดนี้ ต้องกินเท่าไหร่ถึงจะชดเชยได้เนี่ย?”
“มันก็แค่หลอดเดียวเองไม่ใช่เหรอครับ?” โม่เหยียเหลือบมองหลอดเลือดในมือ แล้วขมวดคิ้วด้วยความสงสัย
เจียงสื้อสื้อมองไปที่แขนของตัวเองและพูดอย่างเฉยเมยว่า “ไม่นะคะ ซ่างกวนหยวนก็เอาดูดไปแล้วหลอดหนึ่งแล้วค่ะ”
“อะไรนะครับ?”
โม่เหยียรู้สึกตกใจมาก เขากับหานยู่มองหน้ากันและถามอย่างกังวลว่า “คุณหญิงครับ เธอได้บอกมั้ยครับว่าจะเอาเลือดที่เจาะได้ไปทำอะไร?”
เมื่อได้ยินเสียงที่กระวนกระวายเล็กน้อยของเขา เจียงสื้อสื้อก็หันไปมองเขา กะพริบตาปริบๆแล้วตอบว่า “เธอตั้งใจจะตรวจสอบเพื่อดูว่ามีปัญหาอะไรกับเลือดรึเปล่า”
“แย่แล้ว” สีหน้าของโม่เหยียจริงจังขึ้นมาทันที
“เกิดอะไรขึ้นคะ?” เจียงสื้อสื้อถามด้วยความสงสัย
“คุณหญิงคะ คุณรู้ไหมว่าถ้ามีคนรู้ว่ามีไวรัสชนิดใหม่เกิดขึ้นในร่างกายของคุณ คุณก็จะตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายมาก เพราะมันจะมีนักวิจัยทางการแพทย์จำนวนมากที่ต้องการค้นมาหาคุณ และวิจัยคุณ ”
หลังจากได้ยินคำอธิบายของหานยู่ เจียงสื้อสื้อก็ตกใจมาก แต่ก็ยังพูดไปว่า “หยวนหยวนไม่บอกใครหรอกค่ะ” “เธอไว้ใจได้มั้ยครับ” โม่เหยียถาม
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้ว “นะ……น่าจะได้มั้ง”
เมื่อได้ยินน้ำเสียงที่ไม่ค่อยมั่นใจของเธอ โม่เหยียก็อดหัวเราะไม่ได้ “คุณหญิงครับ ครั้งนี้ช่างมันเถอะครับ ต่อไปเราคุณต้องระวังให้มากกว่านี้ ห้ามขาดการระวังตัวจากคนอื่นเด็ดขาด”
เจียงสื้อสื้อยิ้มอย่างเขินอาย “ตกลง คราวหน้าฉันจะระวังตัวให้มากกว่านี้ค่ะ”
โม่เหยียพยักหน้าแล้วยื่นหลอดเลือดให้หานยู่ “เอาไปตรวจดูว่าตอนนี้ไวรัสเป็นยังไงบ้าง”
“ค่ะ” หลังจากหานยู่รับมันมา เธอก็หันไปยังโต๊ะปฏิบัติการที่สร้างขึ้นชั่วคราวเพื่อเริ่มการทดสอบ
แม้ว่าอุปกรณ์จะยังไม่ครบนัก แต่แค่การตรวจเลือดก็ยังสามารถทำได้
“คุณต้องการให้ฉันทำอะไรอีกมั้ยคะ?” เจียงสื้อสื้อถาม
โม่เหยียส่ายหัว “ไม่แล้วครับ คุณสามารถไปรอพวกเราได้ครับ”
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อเดินออกไปและบังเอิญพบกับซ่างหยิงที่ขึ้นมาชั้นบนพอดี
“เป็นยังไงบ้าง?” ซ่างหยิงถามอย่างเป็นห่วง
“ต้องรอให้พวกเขาตรวจสอบก่อนถึงจะรู้ค่ะ” เจียงสื้อสื้อตอบ
ซ่างหยิงพยักหน้าและถามต่อว่า “สื้อสื้อ ไวรัสในตัวหนูมันคืออะไร หนูไปติดมาได้ยังไง?”
กับในเรื่องนี้ ซ่างหยิงรู้แค่ว่าเธอมีสุขภาพไม่ดีมาเท่านั้น แต่ไม่รู้เลยว่ามันร้ายแรงมากแค่ไหน
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลงและยิ้ม “เรื่องมันยาวค่ะ”
“งั้นหนูแค่บอกฉันอย่างรวบรัดก็ได้ว่าเกิดอะไรขึ้น”
“อืม……” เจียงสื้อสื้อคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดไปว่า “มันเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่ โลกนี้น่าจะมีแค่หนูคนเดียวที่มีมันอยู่ในร่างกาย ถ้าพูดให้ชัดเจนกว่านี้คือฉันเป็นคนเดียวที่ติดเชื้อไวรัสนี้แล้วยังมีชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ค่ะ”
“หมายความว่ายังไง?” ซ่างหยิงไม่เข้าใจ
“อันที่จริง หนูไม่ได้ติดไวรัสด้วยตัวเอง แต่มีใครบางคนฉีดไวรัสเข้าไปในร่างกายของหนูค่ะ”