ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1066 แม้แต่ตอนฝันก็ยังยิ้มจนตื่น
เมื่อเฉินหยุนได้ยินแบบนั้น เธอก็กรีดร้องออกมาทันที “ที่บ้านเธอไม่ได้พูดแบบนี้นี่! เธอคิดจะทำอะไร? พูดกับฉันแบบที่พูดในบ้านอีกรอบซิ!”
ซานซานก้มหน้าลง ซ่อนแววตาที่เป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่งของเธอเอาไว้ จากนั้นก็พึมพำเบาๆว่า “นั่นคือสิ่งที่คุณบังคับให้ฉันพูด มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันต้องการพูดจริงๆ”
พอซ่างหยิงได้ยินก็เข้าใจในทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น
เธอมองไปที่เฉินหยุนและอดไม่ได้ที่จะเยาะเย้ยไปว่า “พี่สะใภ้รองคะ พี่นี่ยอมทำทุกอย่างเพื่อใส่ร้ายสื้อสื้อจริงๆ แม้แต่น้ำสกปรกแบบนี้ยังเอามาราดใส่สื้อสื้อได้ นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะคะ!”
“ตะ…… ตรงไหนที่ฉันทำเกินไป!”
เฉินหยุนโกรธมากจนต้องรีบคว้าแขนของซานซานแล้วด่าทอทันที “นังสารเลว แกจงใจทำให้ฉันต้องอับอายใช่มั้ย?!”
“ฉันเปล่านะ……” ดวงตาของซานซานแดงก่ำพร้อมกับสีหน้าที่ลำบากใจมาก
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าซานซานกำลังแสดงอยู่ แต่เธอก็รู้สึกขอบคุณซานซานมากที่ไม่พูดความจริงออกมา ไม่อย่างนั้นน้าสะใภ้รองของเธอไม่มีทางปล่อยเธอไปแน่
“พี่สะใภ้รอง ฉันรู้ว่าพี่ไม่ชอบซานซาน แต่พี่ไม่ต้องกดดันเธอถึงขนาดนี้ก็ได้มั้งคะ?”
ซ่างหยิงทนดูต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอก้าวไปข้างหน้าและดึงซานซานไปข้างหลังเธอ จากนั้นก็มองไปที่เฉินหยุนอย่างไม่พอใจ
“นังสารเลวนี่ ทั้งๆที่มันบอกฉันชัดเจนว่าเจียงสื้อสื้อส่งมันมาสร้างปัญหาแท้ๆ การที่มาเปลี่ยนคำพูดของแบบนี้นี้ ถ้ามันไม่ได้ตั้งใจ แล้วมันคืออะไร?” เฉินหยุนตะโกนด้วยความฉุนเฉียว
“ฉันไม่สนใจว่าก่อนหน้านี้เธอจะพูดอะไร แต่ตอนนี้เธอบอกว่าไม่ใช่สื้อสื้อ ก็ไม่ใช่สื้อสื้อ!” ซ่างหยิงปกป้องสื้อสื้อด้วยความหนักแน่น
สื้อสื้อเม้มปากแล้วพูดอย่างระมัดระวังว่า “น้าสะใภ้รอง น้าสะใภ้เล็ก อย่าทะเลาะกันเลยนะคะ ไม่ว่าฉันจะส่งซานซานไปสร้างปัญหาหรือไม่ก็ตาม แต่เรื่องที่เธอกำลังตั้งท้องลูกของพี่เย้นซินนั้น มันคงไม่ใช่เรื่องโกหกใช่มั้ยคะ?”
เมื่อเธอถามมาแบบนั้น ซ่างหยิงก็ตั้งสติได้ “ใช่ สื้อสื้อพูดถูก เด็กคนนั้นเป็นลูกของเย้นซินจริงๆ ถ้าอย่างนั้นเย้นซินก็ควรรับผิดชอบ!”
เฉินหยุนถูกกดดันจนพูดไม่ออกพักหนึ่ง ได้แต่จ้องเขม็งไปที่เจียงสื้อสื้อด้วยดวงตาที่ดุร้ายเท่านั้น
เจียงสื้อสื้อแกล้งทำเป็นไม่มองเห็น
อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่ซานซานไม่พูดความจริง เฉินหยุนก็ไม่สามารถทำอะไรกเธอได้
ซ่าหยิงตั้งสติและเกลี้ยกล่อมเฉินหยุนด้วยความเป็นมิตร “พี่สะใภ้รอง พี่กำลังจะเป็นแม่ย่า เป็นคุณย่าแล้ว พี่จะไม่ยอมเก็บอารมณ์บ้างเลยเหรอ?”
เมื่อได้ยินแบบนั้น เฉินหยุนก็ขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์และถามย้อนไปว่า “ถ้าเปลี่ยนเป็นยู่เชินต้องมาแต่งงานกับผู้หญิงแอบนี้ เธอจะดีใจได้มั้ย?”
“ก็ต้องดีใจแน่นอนอยู่แล้ว ฉันอยากให้ยู่เชินพาแฟนที่ตั้งท้องกลับมาด้วย ถ้าเป็นแบบนั้นฉันคงยิ้มจนตื่นขึ้นมาแม้จะกำลังฝันอยู่ก็ตาม”
พอได้ยินแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา ดูเหมือนว่าน้าสะใภ้เล็กจะอยากอุ้มหลานจริงๆแล้ว
“นะ……นั่นเธอมันโง่!” เฉินหยุนไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ
ซ่างหยิง ถอนหายใจและพูดไปว่า “ฉันไม่ได้โง่ ฉันแค่เป็นห่วงเด็กในท้อง ไม่ว่าซานซานจะเป็นคนแบบไหน แต่ตอนนี้เธอท้องแล้ว พี่ควรทำดีกับเธอมากกว่านี้ เห็นแก่เด็กในท้อง พี่ต้องใจกว้างให้มากกว่านี้”
ซานซานแอบสะอื้นอย่างเงียบ ๆ
ไม่ต้องคิดก็รู้ว่าชีวิตเธอต้องลำบากแค่ไหน
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ เจียงสื้อสื้อก็เดินไปตบหลังของซานซานเบาๆ
ซานซานเงยหน้าขึ้นมองเธอด้วยน้ำตาที่คลอเบ้า
“ต่อไปถ้ามีอะไร คุณก็บอกฉันได้เลยนะคะ ถ้าฉันสามารถช่วยได้ ฉันจะช่วยอย่างแน่นอน” เจียงสื้อสื้อกระซิบบอกเธอ
ซานซานพยายามเค้นรอยยิ้มออกมา แต่น้ำตากลับไหลหนักขึ้นกว่าเดิม สุดท้าย เธอก็พูดออกมาเบาๆว่า “ขอบคุณ”
ไม่ว่าการใช้ชีวิตในตระกูลฟางจะยากลำบากแค่ไหน มันก็ยังดีกว่าแม่เลี้ยงเดี่ยวอยู่ดี
“เธอมันคนดี เธอมันใจกว้าง พอใจรึยัง?”
เดิมทีเฉินหยุนตั้งใจจะมาหาเรื่องเจียงสื้อสื้อ แต่ใครจะคิดว่านังสารเลวนั่นจะเปลี่ยนคำพูด ทำให้เธอต้องถูกซ่างหยิงสั่งสอนแบบนี้
น่าหงุดหงิดเป็นบ้าเลย!
เธอก้าวไปข้างหน้า ถือโอกาสตอนที่ซ่างหยิงไม่ทันระวัง ดึงตัวซานซานไปหาเธอ แล้วบีบแขนของซานซานอย่างแรง จากนั้นก็ก่นด่าเบาๆว่า “นังสารเลว มาดูกันว่ากลับไปแล้วฉันจะจัดการกับแกยังไง”
แม้ว่าเธอจะจงใจพูดอย่างเงียบๆ แต่ซ่างหยิงก็ยังได้ยินมันอยู่ดี
เธอขมวดคิ้ว “พี่สะใภ้รอง ถ้าพี่ดูแลซานซานให้ดีไม่ได้ จะให้เธอมาอยู่กับฉันก่อนมั้ยคะ แล้วฉันจะส่งเธอกลับไปในวันแต่งงานอีกที”
“อยู่กับเธอเหรอ?” เฉินหยุนคิดว่าเธอได้ยินผิด “มันเป็นลูกสะใภ้ของเธอหรือลูกสะใภ้ของฉันกันแน่?”
“เธอเป็นหลานสะใภ้ของฉัน การที่ฉันดูแลเธอมันก็เป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว” ซ่างหยิงพูดอย่างใจเย็น
“ไม่จำเป็น!” เฉินหยุนปฏิเสธความหวังดีของเธอ “ในเมื่อมันจะแต่งงานกับเย้นซินแล้ว ฉันต้องสอนกฎระเบียบของตระกูลฟางให้มันรู้ ดังนั้นฉันก็ไม่ผิดถ้าจะเข้มงวดกับมันไปบ้าง”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่างหยิงก็อดยิ้มไม่ได้ “พี่สะใภ้รอง ตระกูลฟางมีกฎระเบียบขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? ทำไมฉันถึงไม่รู้ล่ะ?”
“ฉันบอกว่ามีก็คือมี” เฉินหยุนพูดด้วยท่าทางที่เอาตัวเองเป็นใหญ่
“น้าสะใภ้เล็กคะ ไม่ต้องพูดแล้วค่ะ หนูเชื่อว่าน้าชายรองจะไม่ทำเลวร้ายซานซานหรอกค่ะ” เจียงสื้อมื้อไม่อยากเถียงกับเฉินหยุนเกี่ยวกับเรื่องไร้สาระพวกนี้แล้ว เธอจึงพูดเตือนสติไปว่า “เมื่อคุณตาฟื้นขึ้นมา แล้วได้เจอเหลนตัวน้อยที่น่ารักท่านจะต้องมีความสุขมากแน่นอนค่ะ”
พอพูดถึงคุณท่าน สีหน้าของเฉินหยุนก็เปลี่ยนไป
ซ่างหยิงสังเกตถึงมัน แล้วพูดเสริมคำพูดของเจียงสื้อสื้อไปว่า “พี่สะใภ้รอง พี่ต้องดูแลซานซานให้ดีนะคะ นี่เป็นเหลนคนแรกของตระกูลฟางเลยนะคะ อย่างที่สื้อสื้อพูด พอคุณท่านตื่นมาจะต้องมีความสุขมากแน่ๆเลย”
หากพวกเธอไม่พูดถึงมัน เฉินหยุนคงจะลืมไปว่ามีเรื่องนี้อยู่ด้วย
“ฉันรู้แล้วไม่ต้องพูด”
เฉินหยุนไม่อยากยอมรับว่าตัวเองถูกพวกเธอเกลี้ยกล่อมแล้ว ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงปิดบังตัวเองด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรแบบนั้น
ซ่างหยิงกับเจียงสื้อสื้อหันมามองหน้ากันแล้วยิ้มออกมาพร้อมกัน
“กลับบ้าน” เฉินหยุนดึงซานซานแล้วเดินจากไป
ซานซานหันกลับมาและยิ้มอย่างตื้นตันให้ซ่างหยิงกับเจียงสื้อสื้อ
ซ่างหยิงถอนหายใจ “ฉันหวังว่าน้าสะใภ้รองของหนูจะทำดีกับซานซานจริง ๆ ไม่อย่างนั้นเธอจะน่าสงสารมากเลย”
“ทำแน่ค่ะ เพื่อเห็นแก่คุณท่านและเหลน เธอจะดูแลอย่างดีอย่างแน่นอนค่ะ”
แม้จะกลับไปที่ตระกูลฟางได้ไม่นาน แต่ก็สามารถมองลุงใหญ่กับน้ารองได้อย่างทะลุปรุโปร่ง ล้วนแต่เป็นคนที่เห็นแก่ผลประโยชน์ทั้งนั้น จะยอมพลาดโอกาสดีๆที่จะได้เอาใจคุณท่านได้อย่างไร?
ซ่างหยิงพยักหน้าและหันไปมองเจียงสื้อสื้อ “สื้อสื้อ บอกฉันตามตรง ว่าหนูได้ส่งซานซานไปก่อความวุ่นวายจริงๆรึเปล่า?”
เมื่ออยู่ต่อหน้าเฉินหยุนเธอต้องช่วยสื้อสื้ออยู่แล้ว แต่เมื่อเฉินหยุนไม่อยู่ เธอก็ยังต้องถามเรื่องนี้ให้ชัดเจนอยู่ดี
เจียงสื้อสื้อกัดริมฝีปากล่างของเธอและไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรอยู่พักหนึ่ง
“หนูเป็นคนทำใช่มั้ย?” ซ่างหยิงถามจี้
เจียงสื้อสื้อรู้ว่าเธอไม่สามารถปิดบังได้แล้ว เธอจึงพยักหน้าไป “ค่ะ หนูเอง”
ซ่างหยิงถอนหายใจด้วยความโล่งอกและอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ฉันรู้ว่าต้องเป็นหนู”
“ขอโทษค่ะน้าสะใภ้เล็ก หนูรู้ว่าไม่ควรทำ แต่…”
เจียงสื้อสื้อต้องการอธิบาย แต่ก็ถูกซ่างหยิงขัดจังหวะไว้ก่อน “ฉันรู้ หนูต้องการสอนบทเรียนเย้นซินใช่มั้ย?”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้นก็ไม่มีอะไรผิด เขาควรต้องรับผิดชอบในทุกอย่างที่เขาทำอยู่แล้ว”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที “หนูคิดว่าน้าจะดุหนูซะอีก”
“ฉันจะดุหนูทำไม” ซ่างหยิงตบไหล่เธอเบาๆ “อย่าคิดมากเลย ฟางเย้นซินเป็นขาดการอบรมสั่งสอน ถ้าไม่ได้รับบทเรียนบ้าง ไม่แน่ต่อไปเขาอาจจะก่อปัญหาใหญ่ก็ได้”