ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1067คุณเหมือนหมาที่ฉันเลี้ยงเลย
เนื่องจากเฉินหยุนมาวุ่นวายแบบนี้ พอเจียงสื้อสื้อมาถึงโรงพยาบาลก็เกือบจะมืดแล้ว
“ป่านนี้แล้ว ทำไมลูกยังจะมาอีก?” ฟางเสว่มั่นขมวดคิ้วเมื่อเห็นลูกสาวของเธอเดินเข้ามา
เจียงสื้อสื้อเดินไปหาเธอและยิ้มออกมาอย่างอ่อนโยน “ก็มาอยู่เป็นเพื่อนแม่ไงคะ หนูกลัวแม่จะเบื่อ”
รอยยิ้มของฟางเสว่มั่นต้องหายไปอย่างช่วยไม่ได้ “ช่วงนี้แม่เอาแต่อ่านหนังสือให้ตาของลูกฟังทุกวันเลย แล้วมันจะน่าเบื่อได้ยังไง?”
“คุณตาเป็นยังไงบ้างคะ?” เจียงสื้อสื้อนั่งลงข้างเธอและเอนหัวลงบนไหล่ของเธออย่างรักใคร่
ฟางเสว่มั่นจับมือเธอ “ก็ยังเหมือนเดิม แต่หมอบอกว่าตราบเท่าที่ฉันยังคุยกับท่าน ท่านจะได้ยินและท่านจะฟื้นขึ้นอย่างช้าๆ”
“แม่คะ” เจียงสื้อเรียกออกมาเบาๆ
“ว่า?”
“ลำบากแม่เลย”
พอได้ยินเช่นนั้น ฟางเสว่มั่นก็หันหน้ามา
เจียงสื้อสื้อนั่งตัวตรงและจ้องตากับเธอ
“เด็กโง่ ทำไมจู่ๆถึงพูดแบบนั้นล่ะ?” ฟางเสว่มั่นมองเธอด้วยความแปลกใจ
“ไม่มีอะไรค่ะ หนูแค่รู้สึกว่าแม่ลำบากมากเลย” เจียงสื้อสื้อกุมมือของเธอกลับ แล้วพูดเบาๆว่า “แม่ไม่ได้มีสุขภาพไม่ค่อยดี แต่แม่ยังคงต้องอยู่เป็นเพื่อนคุณตาอีก”
ฟางเสว่มั่นยิ้ม “คุณตาของลูกคือพ่อของแม่ การที่แม่อยู่เป็นเพื่อนท่านมันก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว อีกอย่าง แม่ไม่ได้อยู่เคียงข้างท่านมาเป็นสิบยี่สิบปี แม่แค่ชดเชยให้ท่านกับเรื่องที่ผ่านมาเท่านั้น ”
เมื่อพูดถึงตอนนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของฟางเสว่มั่นก็ค่อยๆจางลง น้ำเสียงของเธอแฝงไปด้วยความละอายใจ
เจียงสื้อสื้อยกแขนขึ้นโอบไหล่ของเธอเอาไว้แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายว่า “แม่คะ การที่แม่มาอยู่เป็นเพื่อน คุณตาจะต้องมีความสุขมากอยู่แล้วค่ะ”
“จริงเหรอ?” ฟางเสว่มั่นยิ้มออกมา จากนั้นก็หัวเราะเยาะตัวเอง “แม่เกรงว่าท่านจะโกรธจนเป็นลม เมื่อท่านตื่นขึ้นมาเห็นหน้าแม่อยู่ตรงนี้”
“ไม่หรอกค่ะ” เจียงสื้อสื้อกอดมือของเธอไว้แน่นๆ “อย่ามองว่าคุณตาเอาแต่จริงจังและดื้อรั้นอยู่เสมอ อันที่จริงในใจของท่านนั้นคิดถึงแม่มากเลยนะคะ”
ฟางเสว่มั่นตบมือของเธอ “โอเค ไม่ต้องพูดถึงเรื่องนี้แล้ว มาพูดเรื่องของลูกกันดีกว่า”
“เรื่องของหนูเหรอคะ?” เจียงสื้อสื้อเลิกคิ้ว ขึ้น ไม่รู้จะทำหน้ายังไง “หนูมีเรื่องอะไรให้พูดถึงเหรอคะ?”
“เมื่อไหร่เฟิงเฉินถึงจะมารับลูกกลับไปที่ตระกูลจิ้นเหรอ?”
พอพูดถึงจิ้นเฟิงเฉิน เจียงสื้อสื้อก็หดหู่ลงไปเล็กน้อย “ไม่รู้ค่ะ”
“เขากำลังยุ่งอยู่เหรอ?” ฟาเสว่มั่นถามต่อ
“เขามีงานต้องทำ เขาจะไม่สามารถทำมันให้เสร็จในเร็วๆนี้หรอกค่ะ”
จิ้นเฟิงเฉินจากไปแค่สองสามวัน แต่เธอกลับรู้สึกราวกับว่ามันเป็นเวลานานมากแล้ว
เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจเบา ๆ
พอฟางเสว่มั่นได้ยินแบบนั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “ทำไม? ลูกคิดถึงเขาใช่มั้ย?”
เมื่อถูกผู้เป็นแม่มองออกแบบนี้ เจียงสื้อสื้อก็หน้าแดงขึ้นมาทันที “นะ……หนูเปล่าซะหน่อย?”
“หน้าแดงขนาดนั้น ยังจะบอกว่าไม่อีก?” ฟางเสว่มั่นมองเธออย่างด้วยสายตาที่หยอกล้อ
เจียงสื้อสื้อยกมือขึ้นมาแตะแก้มของตัวเอง แล้วแก้ตัวไปอย่างปากแข็งว่า”ก็มันร้อนนี่คะ”
ฟางเสว่มั่นยิ้มออกมา “โอเค โอเค ร้อนจ้ะร้อน”
เจียงสื้อสื้อกอดเธอไว้ แล้วเอนหัวไปพิงไหล่ของเธอ จากนั้นก็พูดอย่างขี้อ้อนว่า “แม่คะ ถ้าคุณตาฟื้นแล้ว สุขภาพของแม่ก็ดีขึ้น หนูจะพาแม่ออกไปเล่นนะคะ ตกลงไหม?”
“ได้จ้ะ” ฟางเสว่มั่นลูบหัวของเธอ “เมื่อถึงตอนนั้นก็พาเถียนเถียนกับเสี่ยวเป่าไปด้วยนะ”
“ค่ะ!” เจียงสื้อสื้อกอดเธอแน่น
ดูเหมือนว่ามีเพียงที่นี่เท่านั้นที่เธอสามารถสัมผัสได้ถึงความเป็นครอบครัวได้
อาจเป็นเพราะเธอคิดถึงจิ้นเฟิงเฉินมากเกินไปก็ได้
——
หลายวันมานี้ฝู้จิงเหวินได้ทำตัวคิดบวกมาก ไม่ว่าใครจะขอให้เขาช่วย เขาก็ช่วยหมด แม้กระทั่งความเย่อหยิ่งของชาร์สเขาก็ยังทนได้เลย
“ฝู้ ช่วยชงกาแฟให้ผมแก้วหนึ่ง” ชาร์สออกมาจากห้องทดลองแล้วตะโกนใส่ฝู้จิงเหวินที่กำลังจัดเรียงอุปกรณ์ทดลองอยู่
ฝู้จิงเหวินหันมายิ้มและพยักหน้า “ครับ ผมไปชงให้เดี๋ยวนี้เลยครับ”
ชาร์สมองเขาด้วยสายตาที่รังเกียจ “เร็วๆหน่อย”
“ครับ”
เมื่อเห็นชาร์สหันหลังกลับเข้าไปในห้องทดลองแล้ว รอยยิ้มบนใบหน้าของฝู้จิงเหวินก็หายไป เปลี่ยนเป็นใบหน้าที่เย็นชาทันที
“ฉันละไม่เข้าใจคุณจริงๆ” ข่ายสื้อลินเดินเข้ามามองเขาหัวจรดเท้า “เมื่อก่อนคุณเกลียดขี้หน้าชาร์สจะตายไม่ใช่เหรอคะแล้วทำไมตอนนี้คุณถึงได้เชื่อฟังเขาขนาดนี้?”
ฝู้จิงเหวินเหลือบเธอแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินไปยังห้องชงชาโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ความเย็นชาของเขาทำให้ข่ายสื้อลินรู้สึกอึดอัดมาก
เธอเดินตามไป
“นี่คุณกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?” ข่ายสื้อลินเดินตามหลังฝู้จิงเหวินไปติดๆ
ทันใดนั้น จู่ๆฝู้จิงเหวินก็หยุดเดิน
ข่ายสื้อลินที่ไม่ทันระวัง จึงชนเข้าไปที่หลังของเขาอย่างจัง เซถอยหลังไปสองก้าวจึงจะสามารถทรงตัวได้อีกครั้ง
ฝู้จิงเหวินหันหลังกลับมา แววตาที่ไร้ความรู้สึกของเขามาหยุดอยู่ที่ใบหน้าของเธอ ริมฝีปากบาง ๆ ของเขาเปิดขึ้นเล็กน้อย “เรื่องของผมมันเกี่ยวข้องกับคุณ”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ข่ายสื้อลินก็เยาะเย้ยเขาทันที “ใช่ มันไม่เกี่ยวอะไรกับฉัน แต่ฉันขอเตือนคุณว่า คุณไม่ควรวางแผนอะไรทั้งนั้น ไม่อย่างนั้น เบอร์เกนไม่ปล่อยคุณไว้แน่”
ถ้าจะบอกว่าเป็นการตักเตือน บอกว่าเตือนความจำน่าจะเหมาะกว่านะ
เธอไม่อยากเห็นเขามีจุดจบที่น่าสังเวช
ยังไงซะ สิ่งที่เบอร์เกนเกลียดที่สุดคือการที่ลูกน้องของคิดไม่ซื่อกับเขา
แต่ฝู้จิงเหวินไม่เข้าใจความหมายของเธอ เขาคิดเพียงว่าเธอกำลังจับตาดูเขาแทนเบอร์เกนเท่านั้น
“ผมบอกไปแล้วไงว่า เรื่องของผมคุณไม่ต้องมายุ่ง”
ฝู้จิงเหวินเหลือบมองเธออย่างเย็นชา จากนั้นก็เดินเข้าห้องชงชาไป
ข่ายสื้อลินยืนอยู่กับที่ ใบหน้าที่ตกแต่งได้อย่างสวยงามของเธอเต็มไปด้วยความรำคาญ ทำไมเขาถึงได้เหมือนท่อนไม้ขนาดนี้เนี่ย?
ไม่สิ
เขาไม่ได้เป็นแบบนี้กับเจียงสื้อสื้อ
พอนึกถึงผู้หญิงคนนั้น มันทำให้ข่ายสื้อลินรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันที
ถ้าฝู้จิงเหวินจะมีแผนอะไร มันต้องเป็นเพราะเจียงสื้อสื้อแน่ๆ
ข่ายสื้อลินหรี่ตาลง ไม่ได้ เธอไม่สามารถปล่อยให้ผู้หญิงที่ชื่อเจียงสื้อสื้อมาทำลายฝู้จิงเหวินเด็ดขาด
ฝู้จิงเหวินเดินออกจากห้องชงชาพร้อมกับกาแฟที่ชงเสร็จแล้ว ข่ายสื้อลินไม่อยู่แล้ว ดวงตาของเขาก็เป็นประกายขึ้นมาแวบหนึ่ง
เขาเดินไปถึงนอกห้องทดลอง ยกมือขึ้นมาเคาะประตูเบาๆ
ไม่นานประตูก็เปิดออก
ชาร์สมาเปิดประตู
เขาเหลือบมองกาแฟในมือของฝู้จิงเหวิน พร้อมกับแววตาที่เจตนาไม่ดี
เขารับกาแฟมาแล้วจิบมัน พยักหน้า “อืม เป็นรสชาติที่ผมชอบ”
จากนั้นเขาเหล่มองฝู้จิงเหวิน “ฝู้ คุณดูเหมือนหมาที่ผมเลี้ยงจริงๆ เชื่องซะเหลือเกิน”
ในคำพูดเต็มไปด้วยความอัปยศ
ฝู้จิงเหวินหรี่ตาและกำมือข้างลำตัวอย่างเงียบ ๆ
ชาร์สโน้มตัวไปข้างหน้าและพูดที่หูของเขาว่า “หมาที่เชื่อฟังถึงจะเป็นที่ชื่นชอบของผู้คน”
มันจงใจ
ชาร์สจงใจ มันจงใจยั่วยุเขา
ฝู้จิงเหวินกัดฟันแน่น แล้วกล้ำกลืนโทสะในใจเอาไว้ จากนั้นก็พยายามเค้นรอยยิ้มออกมา “ผมก็คิดว่าหมาที่เชื่อฟังนั้นน่ารักเหมือนกันครับ ศาสตราจารย์คูรี่ก็ชอบคุณมากเหมือนกัน”
พอคำพูดเหล่านี้ออกมา ชาร์สก็โกรธจัดขึ้นมาทันที “ฝู้จิงเหวิน!”
ฝู้จิงเหวินยังคงยิ้มแย้ม “อะไรครับ ผมพูดอะไรผิดเหรอครับ?”
“นี่คุณ!”
ชาร์สตั้งใจจะทำให้เขาขายหน้า แต่ไม่ได้คาดคิดเลยว่าเขาจะทำให้ตัวต้องมาขายหน้าแบบนี้
ฝู้จิงเหวินมองเขาอย่างใจเย็น “ชาร์ส เราต่างก็ทำงานให้เบอร์เกนทั้งนั้น ผมหวังว่าเราจะสามารถร่วมงานกันอย่างสันติได้ ดังนั้นไม่ว่าคุณให้ผมทำอะไรผมก็จะทำ แต่ใช่เพราะผมกลัวคุณหรืออะไรทั้งนั้น”