ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1087 สื้อสื้อถูกพาตัวไปแล้ว
“คุณต้องการทำอะไรกับฉัน?”
ภายในรถ เจียงสื้อสื้อคลายฝ่ามือของเธอที่เธอกำแน่นมาโดยตลอด แล้วมองที่ข่ายสื้อลิน “ฉันเป็นแค่ผู้หญิงธรรมดาๆคนหนึ่ง พวกคุณจับฉันไปจะมีประโยชน์อะไร?”
“มีประโยชน์หรือไม่ คุณน่าจะรู้อยู่แก่ใจดี” ข่ายสื้อลินขำออกมาอย่างไม่สบอารมณ์
“นอกจากจะเป็นไวรัสที่อยู่ในร่างกายของฉัน”
เมื่อได้ยินแบบนั้น ข่ายสื้อลินก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “ที่แท้คุณก็รู้อยู่แล้วนี่เอง”
“พวกคุณต้องได้รับกรรมแน่”
พวกเขาตั้งใจทำการวิจัยไวรัสที่เป็นอันตรายกับคนแบบนี้ ช่างเป็นเรื่องที่น่าชั่วช้าจริงๆ
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณกำลังพูดถึงอะไร” ข่ายสื้อลินที่เป็นชาวต่างชาติ ไม่เข้าใจความหมายของคำว่า “รับกรรม” ที่เธอพูด
“ถ้าไม่เข้าใจก็ช่างมันเถอะ”
เจียงสื้อสื้อหันมองไปนอกหน้าต่าง อันที่จริง เธอกำลังรู้สึกร้อนรนและหวาดกลัวอยู่ แต่เธอแค่ไม่อยากแสดงให้ข่ายสื้อลินเห็นเท่านั้น
เนื่องจากอีกฝ่ายมาที่นี่เพื่อไวรัส ดังนั้นสถานการณ์ของเธอตอนนี้ก็น่าจะอันตรายมากแน่ๆ
แต่ไม่ว่ายังไง ตอนนี้จิ้นเฟิงเฉินก็อยู่อิตาลี จึงไม่สามารถช่วยเธอได้เลย
เธอทำได้เพียงฝากความหวังไว้ที่เหลียงซินเวยเท่านั้น โดยหวังว่าเธอจะไปพบพี่ของเธอให้เร็วที่สุด
……
แท็กซี่จอดอยู่ที่ชั้นล่างตึกของฟางซื่อกรุ๊ป หลังจ่ายค่าโดยสาร เหลียงซินเวยก็พาเด็กสามคนลงจากรถแล้วเดินดุ่มๆเข้าไปในตึก
“ฉันต้องการพบฟางยู่เชินค่ะ” เธอเดินไปที่แผนกต้อนรับและแสดงความตั้งใจของเธอออกไป
พนักงานที่แผนกต้อนรับมองเธอขึ้นๆ ลงๆ แล้วมองดูเด็กสามคนที่เธอพามาด้วย ด้วยสายตาที่ดูถูกอย่างเห็นได้ชัด”ต้องขออภัยด้วยค่ะ ถ้าได้นัดหมายไว้ก่อน ก็เข้าพบประธานฟางไม่ได้นะคะ”
“ฉันเป็นเพื่อนกับน้องสาวของเขาและก็ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากๆต้องบอกเขา”
แม้ว่าเหลียงซินเวยจะแสดงตัวตนของเธอชัดเจนแล้ว แต่พนักงานแผนกต้อนรับก็ยังไม่ยอมให้เธอเข้าไปอยู่ดี “ขออภัยด้วยค่ะ ถ้าไม่ได้นัดหมายก็เข้าพบไม่ได้ค่ะ”
“พี่สาวคะ หนูอยากเจอน้าชายเล็กค่ะ” เถียนเถียนพยายามเขย่งขาขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้นมาพูดกับพนักงาน
“แล้วน้าชายเล็กของหนูเป็นใคร?”
“น้าชายเล็กของหนูเป็นประธานของบริษัทนี้ค่ะ”
“ท่านประธานเหรอ?” พนักงานต้อนรับขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงที่เซอร์ไพรส์ดังขึ้น
“เสี่ยวเป่า เถียนเถียน”
เมื่อได้ยินเสียงนั้น เหลียงซินเวยและเด็กทั้งสามก็หันไปพร้อมกัน มองไปที่ต้นเสียง
แล้วก็ได้เห็นชายคนหนึ่งเดินตรงมาที่พวกเขา
“ลุงส้ง” เถียนเถียนและเสี่ยวเป่าตะโกนออกมาโดยพร้อมเพรียงกัน
ส้งหยาวเดินไปหาทั้งสองคนแล้วพูดด้วยความประหลาดใจว่า “พวกเธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“น้าเวยเวยต้องการพบน้าชายเล็กค่ะ” เถียนเถียนหันไปมองเหลียงซินเวย
ส้งหยาวก็หันไปมอง แล้วขมวดคิ้ว “คุณคือ?”
“ฉันเป็นเพื่อนของสื้อสื้อค่ะ ฉันมีเรื่องที่สำคัญมากต้องบอกประธานฟาง” เหลียงซินเวยรีบบอกความตั้งใจของเธอไป
“เรื่องสำคัญมากเหรอครับ?”
“ใช่ค่ะ มันสำคัญมาก ขอร้องล่ะค่ะ ให้ฉันไปพบประธานฟางนะคะ”
เมื่อเห็นว่าเธอทำท่ากังวลมาก บวกกับเสี่ยวเป่าและเถียนเถียนก็อยู่ด้วย ส้งหยาวจึงพยักหน้า “ตกลงครับ มากับผม”
เดิมทีเหลียงซินเวยยังรู้สึกร้อนรนอยู่เลย แต่พอเห็นฟางยู่เชิน เธอรีบเข้าคว้ามือเขาไว้ทันที “พี่สื้อสื้อถูกชาวต่างชาติพาตัวไปแล้ว คุณรีบส่งคนไปช่วยเธอเถอะค่ะ”
“คุณพูดว่าไงนะ?” ฟางยู่เชิน ขมวดคิ้วอย่างแรง เขาคิดว่าตัวเองได้ยินผิดไป
เหลียงซินเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ “พี่สื้อสื้อถูกคนพาตัวไปแล้ว และเธอยังบอกอีกว่าเธอจะไปอิตาลี ตอนนี้อาจจะยังไปไม่มาถึงสนามบินก็ได้ คุณรีบส่งคนไปช่วยเธอเดี๋ยวนี้เลยค่ะ”
ครั้งนี้ฟางยู่เชินได้ยินอย่างชัดเจนแล้ว สีหน้าของเขาดูแย่ขึ้นมาทันที
“ส้งหยาว”
ส้งหยาวรีบก้าวมาข้างหน้า “ครับ”
“รีบพาคนตามผมไปที่สนามบินทันที”
หลังจากสิ้นเสียง ฟางยู่เชินก็เดินออกไปก่อน
“พวกคุณรออยู่นี่นะ อย่าออกไปไหน”
ส้งหยาวพูดเสร็จ ก็รีบตามออกไป
เหลียงซินเวยมองไปที่ประตูที่ปิดลง เธอก็เอามือประสานกันที่หน้าอกของ อธิษฐานอย่างเงียบๆให้พวกเขาสามารถช่วยสื้อสื้อกลับมาให้จงได้
“น้าเวยเวยครับ” จู่ๆเสี่ยวเป่าดึงแขนเสื้อของเธอ
“ว่าไงจ๊ะ?”
เธอนั่งลงไป ระงับความวิตกกังวลในใจไว้ แล้วถามไปอย่างอ่อนโยน
“หม่ามี๊จะกลับมาเมื่อไหร่เหรอครับ?”
เหลียงซินเวยยิ้มและลูบหัวของเขา “แปบเดียว อีกแปบเดียวก็กลับมาแล้ว”
“หม่ามี๊กำลังตกอยู่ในอันตรายใช่มั้ยครับ?” เสี่ยวเป่าฉลาดมาก แค่แปบเดียวก็สามารถคิดได้ถึงขนาดนี้แล้ว
“ไม่จ้ะ” เหลียงซินเวยส่ายหน้า “เธอจะไม่เป็นอะไรแน่นอน”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็ดึงเสี่ยวเป่าเข้ามากอด สีหน้าของเธอค่อยๆ เคร่งขรึมลงไป
หวังว่าจะไม่เป็นอะไรจริงๆ
……
ฟางยู่เชินกับพวกไปถึงที่สนามบินแล้ว
พวกเขายืนอยู่ในห้องโถง มองไปก็เห็นแต่ฝูงชนที่พลุกพล่านเต็มไปหมด ไม่มีทางที่จะมองเห็นเจียงสื้อสื้อได้เลย
“ท่านประธานครับ ที่นี่มีคนมากเกินไป ฉันเกรงว่าจะต้องใช้เวลานานมากในการค้นหา” ส้งหยาวพูดออกมาอย่างเคร่งขรึม
ฟางยู่เชินมองไปรอบๆ หรี่ตาแล้วถามด้วยเสียงที่เคร่งขรึมว่า “ตรวจสอบดูว่าประตูขึ้นเครื่องที่จะไปอิตาลีในวันนี้อยู่ที่ไหน?”
“บนชั้นสองครับ”
ฟางยู่เชินพากลุ่มคนเดินตรงไปที่ประตูขึ้นเครื่องบนชั้นสอง แต่เขามาช้าไปหนึ่งก้าวตอนนี้ผู้โดยสารได้ขึ้นเครื่องไปหมดแล้ว และเครื่องบินก็เริ่มเคลื่อนที่แล้วด้วย
เมื่อมองไปยังเครื่องบินที่กำลังแล่นอยู่บนรันเวย์ ฟางยู่เชินก็ทุบใส่หน้าต่างทรงสูงอย่างแรงด้วยความโมโห
“ท่านประธานครับ ตอนนี้เราควรทำยังไงดี?” ส้งหยาวถาม
“ช่วยจองตั๋วไปอิตาลีในเที่ยวบินต่อไปให้ผมหน่อย”
“ครับ”
ส้งหยาวรับคำสั่งแล้วเดินดุ่มๆออกไป
ฟางยู่เชินจ้องมองเครื่องบินที่แล่นอยู่ไกลออกไป สองมือกำไว้อย่างแน่นๆ
เขาต้องช่วยเธอกลับมาให้ได้
ในเวลาเดียวกัน เที่ยวบินจากเมืองจิ่นสู่เมืองหลวงก็ลงจอดอย่างช้าๆ
หลังจากที่จิ้นเฟิงเหราลงจากเครื่อง เขาก็ตรงไปที่บ้านของตระกูลฟางทันที
พอซ่างหยิงเห็นเขา เธอประหลาดใจมาก “เฟิงเหรา เธอมาที่นี่ได้ยังไง?”
“สวัสดีครับน้าสะใภ้เล็ก” จิ้นเฟิงเหราทักทายอย่างสุภาพ “ผมมาหาพี่สะใภ้ เธออยู่รึเปล่าครับ?”
“สื้อสื้อ เธอออกไปข้างนอกพร้อมกับลูกๆแล้ว บอกว่าจะกลับมาอีกทีตอนกลางคืน”
“ออกไปข้างนอกเหรอครับ?” จิ้นเฟิงเหราขมวดคิ้ว “งั้นฉันโทรหาเธอแล้วกัน”
เมื่อซ่างหยิงเห็นเขาหยิบมือถือออกมา เธอก็ยิ้มและพูดว่า “เข้ามานั่งข้างในก่อนแล้วค่อยโทรก็ได้”
“ขอบคุณครับ” จิ้นเฟิงเหรายิ้ม แล้วเดินเข้าไปในขณะที่โทรออกไป
“ขออภัยค่ะ เลขหมายที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้ในขนาดนี้……”
ติดต่อไม่ได้?
ลางสังหรณ์ที่ไม่ดีวิ่งเข้ามาในหัวของเขา เขาจึงรีบโทรใหม่อีกครั้ง
ก็ยังโทรไม่ติดอยู่ดี
เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วจึงถามไปว่า “น้าสะใภ้เล็กครับ น้ารู้มั้ยครับว่าพี่สะใภ้ไปไหน?”
“เรื่องนี้ฉันก็ไม่รู้แล้วล่ะ” ซ่างหยิงพบว่าใบหน้าของเขาดูผิดปกติไป “มีอะไรเกิดขึ้นกับสื้อสื้อใช่มั้ย?”
“ไม่ครับ” จิ้นเฟิงเหราส่ายหัว เขายังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่สะใภ้ เขาไม่อยากทำให้เธอต้องกังวล
ซ่างหยิงยิ้มไม่ออกแล้ว “ถ้าไม่ใช่ เธอก็ไม่ต้องกังวลมากเกินไป สื้อสื้อเป็นผู้ใหญ่แล้ว เธอไม่หายไปไหนหรอก เดี๋ยวฉันจะรินชาให้นะ”
พอซ่างหยิงจากไป จิ้นเฟิงเหราก็โทรหาฟางยู่เชินทันที
เขารับสายอย่างรวดเร็ว
ก่อนที่เขาจะพูดได้ เสียงกังวลของฟางยู่เชินก็ออกมาจากโทรศัพท์
“เฟิงเหรา สื้อสื้อถูกคนจับตัวไปที่อิตาลีแล้ว”
ใบหน้าของจิ้นเฟิงเหราเปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน “คุณพูดอะไรนะ?”
“เครื่องบินเพิ่งบินออกไป ตอนนี้ผมได้จองตั๋วสำหรับเที่ยวบินเที่ยวต่อไปแล้ว”
“รอผมก่อน”
จิ้นเฟิงเหราวางสายและเดินออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความร้อนรน
ซ่างหยิงที่ยกชาออกมา พอเห็นว่าเขากำลังจะไป จึงได้ตามขึ้นไป “เฟิงเหรา เธอจะไปแล้วเหรอ?”
“น้าสะใภ้เล็กครับ วันหลังผมค่อยมาเยี่ยมน้าใหม่นะครับ ผมมีธุระด่วนต้องไปทำก่อนนะครับ”
จิ้นเฟิงเหรายิ้มขอโทษให้เธอ แล้วเดินดุ่มๆจากไป โดยไม่รอให้เธอพูดอะไรเลย
ซ่างหยิงขมวดคิ้วและพึมพำไปว่า “เด็กคนนี้ เกิดอะไรขึ้นถึงได้รีบร้อนแบบนี้นะ?”