ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1094 คุณสอนผมได้มั้ย
ฟางยู่เชินเผยให้เห็นรอยยิ้มที่อับจนหนทาง “ไม่ว่าใครจะเป็นคนอบรมเลี้ยงดูนายมา อย่างแรกก็ต้องปกป้องตนเองให้ดีก่อน อย่าวู่วาม รู้มั้ย”
สัมผัสได้ว่าเขาเป็นห่วงตนเองจริงๆ กู้เนี่ยน อบอุ่นในใจ “ประธานฟาง คุณวางใจเถอะครับ พวกเราจะต้องปลอดภัยกลับมา”
“เชื่อในตัวพวกคุณ” ฟางยู่เชินตบบ่าเขา “ระหว่างทางระวังตัวด้วย”
“ครับ”
หลังจากที่กู้เนี่ยนและฝู้จิงเหวินจากไปแล้ว เห้อซูหานรู้สึกกังวลใจ “ประธานฟางคะ อย่างงั้นฉันก็ตามไป เอาคนตามไปด้วยดีมั้ยคะ”
“ไม่ต้องแล้ว คุณอยู่ที่นี่ เผื่อเกิดเรื่องอะไร พวกเราก็จะได้รับมือได้ทัน”
พวกของกู้เนี่ยนจะไปสำรวจสถานการณ์ก่อน ถ้าคนถูกจับไปขังที่นั่นจริง ถึงเวลาพวกเขาค่อยไปก็ยังไม่สาย
อีกทั้งพอคนเยอะ ก็เป็นเป้าหมายที่ใหญ่มากเกินไป ง่ายต่อการดึงดูดความสนใจ
เห้อซูหานถอนหายใจอีก“ก็ได้ค่ะ”
ฟางยู่เชินหมุนตัวเดินไปที่ระเบียง มองไปยังท้องฟ้าที่ค่อยๆมืดลง ใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความวิตกกังวล
ก็ไม่รู้ว่าตอนนี้สื้อสื้อจะเป็นอย่างไรบ้าง
เวลาเดียวกันนั่นเอง เจียงสื้อสื้อที่ถูกขังอยู่ในห้อง นั่งอย่างท้อแท้บนเตียง
เธอมองไปรอบๆห้อง ถอนหายใจแรงๆอีก
เดิมเธอคิดจะหาวิธีหนีออกไป ใครจะรู้ว่าคฤหาสน์หลังนี้สร้างติดกับทะเล จากหน้าต่างห้องเธอมองออกไปก็คือพื้นผิวน้ำทะเลที่ถาโถมซัดสาด
อีกทั้งยังบังเอิญ ห้องของเธอนี้ด้านนอกก็คือโขดหิน กระโดดลงไปไม่ตายก็เลี้ยงไม่โต
หากวิธีนี้ใช้ไม่ได้ผล……
เธอเงยหน้ามองไปยังประตูที่ปิดแน่นหนา ได้แต่ออกจากที่นี่ไปแล้ว
แต่ด้านนอกมีคนคอยเฝ้าอยู่ อีกทั้งประตูก็ล็อก เธอจะออกไปได้อย่างไร
ตอนที่เธอพยายามครุ่นคิดในสมองอยู่นี้ ประตูห้องก็ถูกเปิดเข้ามาจากทางด้านนอก
คือเบอร์เกน
“โซเฟย่า” เบอร์เกนจ้องมองร่างบางที่อยู่บนเตียงเขม็ง
เจียงสื้อสื้อรีบลุกยืนขึ้นมา เบิกตามองเขาด้วยสีหน้าระแวง “คุณคิดจะทำอะไร”
เบอร์เกนเดินเข้าใกล้ สีหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มที่เป็นมิตร “ใกล้ค่ำแล้ว ผมอยากจะเชิญคุณไปรับประทานอาหารค่ำ ไม่รู้ว่าคุณจะให้เกียรติไปทานกับผมได้มั้ย”
“ฉัน……” เจียงสื้อสื้อจะปฏิเสธตามสัญชาตญาณแต่นึกขึ้นได้ว่าอาจจะฉวยจังหวะหนีออกไปได้ ก็เลยตอบตกลง “ได้ ในเมื่อฉันก็หิวแล้ว”
“งั้นเชิญครับ” เบอร์เกนใช้มือทำท่าเชื้อเชิญ
เจียงสื้อสื้อเหลือบมองเขา ลุกขึ้น เดินออกมาเอง
เบอร์เกนกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ ยกขาเดินตามไป
เจียงสื้อสื้อเกาะราวบันได เดินลงมาชั้นล่างทีละก้าวอย่างช้าๆ กวาดตามองไปรอบๆ
เธออยากจะดูให้ชัดเจนว่าคฤหาสน์หลังนี้ตกลงว่ามีคนเฝ้าอยู่กี่คนกันแน่
มาถึงชั้นหนึ่ง เธอจึงพบว่ามีคนมากกว่าที่เธอคิดเอาไว้มากนัก แทบจะมีคนชุดดำยืนอยู่ทุกสองสามก้าว
เธอหยุดฝีเท้า หันกลับไป สายตาที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยมองไปที่เบอร์เกน “ที่นี่ไม่ได้มีแค่ฉันคนเดียวเหรอ คุณให้คนมาเฝ้ามากมายขนาดนี้ กลัวฉันมากไปหรือเปล่า”
เบอร์เกนเดินมาตรงหน้าเธอ มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มบางๆ “ไม่ใช่ว่ากลัวคุณ แต่กลัวตระกูลจิ้น”
ดวงตาเจียงสื้อสื้อเปล่งประกาย “ตระกูลจิ้นไม่ได้เก่งอย่างที่คุณคิดขนาดนั้น”
“จริงเหรอ” เบอร์เกนขมวดคิ้ว “ผมเห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นศัตรูที่น่ากลัวที่สุดของผม แม้ว่า……เมื่อวานเขาจะถูกผมจับขังไว้ที่ชั้นบน”
พอได้ยินคำพูดนี้ เจียงสื้อสื้อตื่นตระหนกขึ้นมาทันที “คุณพูดว่าอะไรนะ เฟิงเฉินก็อยู่ที่นี่เหรอ”
เธอมองไปที่ชั้นบน ก้าวขาเตรียมขึ้นไปชั้นบน
“รอเดี๋ยวก่อน” เบอร์เกนขวางเธอไว้เหมือนไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ถามขึ้นมาอย่างจริงจังอีกว่า “คุณรักเขามากเหรอ”
“แน่นอน” เจียงสื้อสื้อไม่ได้มีท่าทีลังเล ผลักเขาออกแล้วก็ขึ้นไปชั้นบน
เวลานี้เอง เสียงเนิบๆของเบอร์เกน ดังขึ้นด้านหลังเธอ “เขาไปแล้ว ไม่ได้อยู่ที่นี่”
เจียงสื้อสื้อชะงักฝีเท้า หันกลับไป “จริงเหรอ”
“แน่นอน” เบอร์เกนหมุนตัวมา สองมือผายออก “ผมไม่มีความจำเป็นต้องหลอกคุณ ไม่ใช่เหรอ”
“ฉันไม่เชื่อ”
เจียงสื้อสื้อไม่เชื่อเขา ก้าวขาจะวิ่งขึ้นไปชั้นบน
เบอร์เกนส่งสัญญาณให้ลูกน้องตามไป
เจียงสื้อสื้อหาทุกห้องทั้งชั้นบนแล้ว ก็ไม่มีแม้แต่เขาของจิ้นเฟิงเฉิน เธอจึงเชื่อว่าเบอร์เกนไม่ได้หลอกเธอ
“เฟิงเฉิน……”
เธอหันหลังพิงผนังค่อยๆไหลลงกับพื้น สุดท้ายก็ทรุดนั่งลงบนพื้น สองมือโอบขาเล็กๆเอาไว้ เอาศีรษะเข้าไประหว่างหัวเข่า
เขากำลังคิดหาวิธีช่วยเธอใช่มั้ย
เบอร์เกนมองดูร่างที่นั่งยองๆอยู่บนพื้นไกลๆ มีความรู้สึกแปลกๆบางอย่างในก้นบึ้งของหัวใจ
เขาขมวดคิ้ว ยกขาค่อยๆเดินเข้าใกล้ทีละก้าว
สุดท้าย เขาก็ยืนอยู่ตรงหน้าเธอ เหลือบมองเธอมาจากด้านบน “ดูท่าคุณจะรักเขามาก”
คำพูดนี้เสียดแทงไปที่จิตใจของเจียงสื้อสื้อ เงยหน้าขึ้นมาทันที ตะคอกใส่เขาว่า “ใช่ ฉันรักเขามากรักเขามาก! ไม่ได้เหรอ”
เบอร์เกนนิ่งเงียบ เขาและเธอสบตากัน สีหน้าสงบนิ่งจนทำให้คนดูไม่ออกว่าตอนนี้เขาคิดอะไรอยู่
เจียงสื้อสื้อก้มหน้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาที่กลั้นไว้ไม่อยู่ หัวเราเยาะว่า “ก็คือ คนที่เหมือนคุณแบบนี้ ต้องไม่รู้จักว่าอะไรคือความรักแน่นอน”
เบอร์เกนได้ยินแล้ว ดวงตาจับจ้อง ยื่นมือมาดึงเธอยืนขึ้นดึงเธอขึ้นมา จ้องเธอเขม็งถามด้วยเสียงแข็งกร้าวว่า “คุณพูดว่าใครไม่เข้าว่าความรักคืออะไร”
เขาไม่มีท่าทีเป็นมิตรอย่างเมื่อครู่แล้ว สีหน้าเคร่งขรึม แววตาดุร้าย มีรังสีเย็นเยือกที่ทำให้คนกลัวแผ่ออกมาจากร่างกาย เหมือนกับตอนที่จิ้นเฟิงเฉินโกรธ
ตอนแรกเจียงสื้อสื้อหวาดกลัวอยู่บ้าง แต่พอนึกถึงจิ้นเฟิงเฉิน เธอก็ไม่กลัวแล้ว
เธอสูดหายใจลึกๆ “ฉันบอกว่าคุณไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไร เข้าใจมั้ย”
เบอร์เกนจ้องมองเธอชั่วครู่ จากนั้นก็หัวเราะเสียงดังออกมา
เจียงสื้อสื้อกะพริบตาปริบๆ เขาถูกเธอแขวะ จนบ้าไปแล้วเหรอ
ผ่านไปครู่หนึ่ง เสียงหัวเราะก็ค่อยๆหยุดลง เบอร์โดนมองเธอ กระตุกมุมปาก “ผมไม่เข้าใจว่าความรักคืออะไรจริงๆ ดังนั้นคุณสอนผมหน่อยได้มั้ย”
ลูกตาเจียงสื้อสื้อกลอกไปมา “ได้ แต่ฉันมีเงื่อนไข”
“ปล่อยคุณไป ใช่มั้ย” เบอร์เกนถาม
คิดไม่ถึงว่าความคิดของตนเองจะภูเขามองจนทะลุปรุโปร่ง
เจียงสื้อสื้อยักไหล่ ตอบอย่างจริงใจว่า “ใช่ คุณปล่อยฉันไป คุณต้องการให้ฉันสอนอะไรคุณก็ได้”
“อย่างนั้นผมต้องการให้คุณอยู่ข้างกายผมล่ะ”
เบอร์เกนจ้องใบหน้างดงามของเธอเขม็ง
“ไม่มีทาง” เจียงสื้อสื้อตอบเขาอย่างไร้เยื่อใย
เบอร์เกนขมวดคิ้ว “อย่างนั้นผมก็ปล่อยคุณไปไม่ได้”
พูดจบ เขาปล่อยมือจากเธอ
“เบอร์เกน!” เจียงสื้อสื้อโกรธแล้ว
“ไปเถอะ ไม่ได้บอกว่าจะไปทานข้าวเป็นเพื่อนผมเหรอ” เบอร์เกนเพิกเฉยความโกรธของเธอ
เจียงสื้อสื้อกำหมัดแน่น พูดอย่างขุ่นเคือง “ฉันอิ่มแล้วคุณไปทานเองเถอะ”
พูดจบ เธอก็วิ่งเข้าห้อง และยังปิดประตูอย่างแรง
เบอร์เกนหันหน้าไปมองประตูที่ปิดลง มุมปากยกขึ้นอย่างไม่รู้ตัว
เมื่อก่อนทุกครั้งที่ลี่ซาใส่อารมณ์กับเขา เขามักจะรู้สึกรำคาญ แทบอยากจะฆ่าคน
แต่ทำไมเธอใส่อารมณ์ กลับทำให้เขารู้สึกว่าน่ารักมาก
ไม่รู้สึกรำคาญเลยสักนิดเดียว เขายังรู้สึกมีความสุขมาก
น่าแปลกประหลาดจริงๆ