ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1182 ขอแค่เขารักเธอ เธอก็คือผู้ชนะ
ข่ายสื้อลินเข้าไปในสถาบันวิจัย เดินมาถึงหน้าห้องวิจัย ตอนที่เธอกำลังจะเปิดประตูนั้น จู่ๆ ประตูก็เปิดออก
เป็นชาร์สนั่นเอง
พอเธอเห็นหน้าข่ายสื้อลิน เขาก็ตกใจจนสะดุ้ง “คุณมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง?”
สายตาของข่ายสื้อลินเป็นประกาย “ฉันแค่อยากมาดู”
“อ๋อ” ชาร์สพยักหน้า จากนั้นก็ยิ้มออกมาอย่างเอาใจ พร้อมกับถามไปว่า “ในเมื่อมาแล้ว คืนนี้ไปกินข้าวด้วยกันหน่อยมั้ยครับ?”
“คุณเลี้ยงเหรอคะ?”
ชาร์สเชิดคางขึ้น “แน่นอน มีอย่างที่ไหนให้ผู้หญิงเป็นคนจ่ายล่ะครับ”
ข่ายสื้อลินค่อยๆ ยิ้มออกมา “ก็ได้ค่ะ”
พอเห็นว่าเธอรับปากแล้ว ชาร์สก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างถึงที่สุด “งั้นคุณรอผมแป๊บหนึ่งนะครับ ผมขอไปบอกอาจารย์ก่อน”
เขาเดินเข้าห้องวิจัยไป โดยที่ไม่ได้ปิดประตู
ข่ายสื้อลินชะโงกหน้าเข้าไปมองด้านใน แล้วเห็นศาสตราจารย์คูรี่ที่กำลังหันหลังให้เธออยู่ ไม่รู้ว่ามือของเขากำลังยุ่งอยู่กับอะไร
พอชาร์สพูดกับศาสตราจารย์คูรี่เสร็จ เขาก็รีบวิ่งกลับมา ปิดประตู ขวางกั้นสายตาของข่ายสื้อลินเอาไว้
ข่ายสื้อหลินสีหน้าเคร่งขรึมลงไปเล็กน้อย
“เราไปกันเถอะครับ” ชาร์สไม่ได้สังเกตเห็นความผิดปกติของเธอ แล้วพูดด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม
ข่ายสื้อลินเดินตามหลังเขาไป ระหว่างนั้น เธอก็หันมองไปยังประตูของห้องวิจัยที่ปิดอยู่
……
ชาร์สพาเธอมาถึงร้านอาหารร้านหนึ่งที่อยู่ใกล้ๆ สถาบัน
“อยากกินอะไรก็สั่งได้เลยนะครับ” ชาร์สวางเมนูอาหารไว้ตรงหน้าเธอด้วยท่าทางที่ใจกว้างมาก
ข่ายสื้อลินยิ้มออกมาจากทางมุมปากอยู่ตลอดเวลา “ขอบคุณค่ะ”
การที่เธอยอมมาตามคำชวนของชาร์ส ก็เพื่อต้องการล้วงเอาข้อมูลการวิจัยล่าสุดออกมาจากปากของเขาเท่านั้น การมากินข้าวกับเขาจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นมาก
ดังนั้น เธอจึงสั่งแค่สเต๊กเนื้อจานหนึ่งเท่านั้น
เธอยกน้ำบนโต๊ะขึ้นมาดื่มไปทีหนึ่ง แล้วแสร้งทำเป็นพูดออกมาลอยๆ ว่า “ช่วงนี้พวกคุณคงเหนื่อยมากเลยใช่มั้ยคะ?”
“ไอ้เหนื่อยก็ไม่ถือว่าเหนื่อยหรอกครับ แค่ยังไม่เคยได้ใช้ยานั่นกับคนจริงๆ เท่านั้น ไม่รู้ว่ามันจะใช้กับไวรัสได้จริงๆ รึเปล่า”
“คุณเบอร์เกนได้เดินทางไปจับตัวเจียงสื้อสื้อด้วยตนเองแล้ว เชื่อว่าจะต้องได้ผลทดลองที่ดีแน่ๆ”
ข่ายสื้อลินวางแก้วลง หันมองไปรอบๆ แล้วยิ้มออกมา “ร้านอาหารร้านนี้ใช้ได้เลยนะคะ”
ชาร์สจ้องเขม็งมาที่เธอ “คุณชอบก็ดีแล้วครับ”
ข่ายสื้อลินหันมายิ้มให้เขา “ฉันชอบมากเลยค่ะ”
พอเห็นเธอยิ้มให้ตัวเอง หัวใจของชาร์สก็ละลายไปในทันที สายตาที่มองเธอไม่อาจปิดกันความรู้สึกชอบที่มีต่อเธอได้อีกแล้ว
“ลิน ถ้าคุณไม่รังเกียจ ต่อไปผมจะชวนคุณมากินข้าวที่ร้านนี้ตลอดเลยนะครับ”
“ขอบคุณค่ะ” เธอไม่ได้ปฏิเสธ
จากที่รู้จักเธอมาตั้งนาน เธอเอาแต่ทำตัวเย็นชาใส่เขา เอาแต่ใส่ใจเรื่องของฝู้จิงเหวินนั่น ที่ผ่านมาเขาอิจฉาจนแทบจะขาดใจตายอยู่แล้ว
ด้วยเหตุนี้เขาถึงได้ชอบไปหาเรื่องฝู้จิงเหวินอยู่บ่อยๆ
แต่ว่า ตอนนี้เธอไม่ได้ทำตัวเย็นชากับเขา เขาก็สามารถปล่อยวางได้แล้ว
ฝู้จิงเหวินอะไรนั่นก็ไม่สำคัญอีกต่อไป
ระหว่างที่กินข้าวกัน ด้วยความที่ชาร์สกลัวบรรยากาศจะเงียบจนทำให้อึดอัด เขาจึงพยายามอย่างหนักที่จะพูดเรื่องตลกออกมามากมาย
และสิ่งที่ทำให้เขารู้สึกมีกำลังใจก็คือ ทุกมุกตลกที่เขาพูดออกไป ก็ทำให้ข่ายสื้อลินหัวเราะออกมาได้ตลอด
หลังกินข้าวเสร็จ จ่ายเงิน ทั้งคู่ก็เดินออกจากร้านอาหารพร้อมกัน
ข่ายสื้อลินหยุดเดิน หมุนตัวมา พร้อมกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม “ขอบคุณค่ะ ชาร์ส วันนี้ฉันมีความสุขมากเลย”
“ดีแล้วครับ” ชาร์สรู้สึกชื่นอกชื่นใจมาก เขามองหน้าเธอ สายตาหันไป แล้วลองถามไปว่า “เราไปเดินเล่นกันต่อมั้ยครับ?”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ฉันยังมีอย่างอื่นที่ต้องไปทำอีก ไว้วันหลังนะคะ”
ครั้งนี้ข่ายสื้อลินปฏิเสธแล้ว
ชาร์สรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้บังคับเธอ ยังไงเมื่อกี้เธอก็กินข้าวกับเขาไปแล้วมื้อหนึ่ง
“เดี๋ยวผมไปส่งคุณนะครับ” ชาร์สพูด
ข่ายสื้อลินพยักหน้า “ค่ะ รบกวนด้วยนะคะ”
“ไม่รบกวนเลยครับ กับผมคุณไม่ต้องเกรงใจเลยสักนิด” ชาร์สส่งยิ้มให้เธอ แล้ววิ่งไปขับรถมา
พอเขาจากไป รอยยิ้มบนใบหน้าของข่ายสื้อลินก็จางหายไป
พอมีชาร์สอยู่ การที่เธอจะเข้าไปในห้องวิจัยของศาสตราจารย์คูรี่ก็น่าจะง่ายขึ้นมาก
……
ในเวลาเดียวกัน เมืองหลวง
ฟางยู่เชิน เจียงสื้อสื้อและกู้เนี่ยน ทั้งสามคนกำลังนั่งวางแผนกันอยู่ว่าจะช่วยจิ้นเฟิงเฉินออกมายังไง
“ผมคิดว่าถ้าคุณชายปรากฏตัวออกมา คนของเราก็จะรีบเข้าไปช่วยเขาทันที” กู้เนี่ยนเสนอความคิดเห็น
คิ้วบางๆ ของเจียงสื้อสื้อขมวดเข้าหากัน “แบบนี้มันจะไม่ดูโจ่งแจ้งเกินไปเหรอคะ? ซ่างกวนหยวนเป็นคนที่ระวังตัวมาก ฉันกลัวว่าเธอเองก็จะส่งคนคอยตามดูเฟิงเฉินอยู่เหมือนกัน แบบนี้ทั้งสองฝ่ายก็น่าจะเกิดการปะทะกันได้”
ฟางยู่เชินพึมพำกับตัวเองไปแป๊บหนึ่ง “ความจริงยังมีอีกเรื่องที่ฉันเป็นห่วงอยู่”
เจียงสื้อสื้อกับกู้เนี่ยนหันมามองเขา
เขาพูดด้วยเสียงที่ทุ้มลึก “ฉันกลัวว่าถ้าตอนนั้นมีเรื่องกันขึ้นมาจริงๆ มันคือการมีเรื่องกับสำนักหยาน แบบนั้นต่อไปก็จะมีปัญหาตามมาอีกมากเลย”
พอเขาพูดมาแบบนั้น เจียงสื้อสื้อก็อดไม่ได้ที่จะกังวลขึ้นมา “ถ้าเป็นแบบนั้น มันก็ส่งผลไม่ดีกับเราจริงๆ”
แต่กู้เนี่ยนกลับไม่ได้รู้สึกกังวลเท่าสองคนนั้น “สิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราควรทำก็คือช่วยคุณชายออกมาให้ได้ ส่วนเรื่องต่อจากนั้นค่อยคิดหาวิธีอีกที่ก็ได้”
“มันก็จริง” เจียงสื้อสื้อพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เธอหันหน้าไปมองฟางยู่เชิน “พี่คะ ไม่ต้องไปกังวลอะไรพวกนั้นหรอกค่ะเรามาหาทางช่วยเฟิงเฉินออกมาก้อนดีกว่า”
ฟางยู่เชินอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา “เราก็กำลังหาวิธีอยู่นี่ไม่ใช่รึไง? แต่ว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องให้ซ่างกวนเชียนช่วย”
“เขาจะยอมช่วยเหรอครับ?” กู้เนี่ยนถามด้วยความสงสัย
“ช่วยครับ เขาอยากให้น้องเขยกลับตระกูลจิ้นยิ่งกว่าเราซะอีก” เจียงสื้อสื้อหายใจเข้าลึกๆ “ไม่ว่าเขาจะช่วยหรือไม่ก็ตาม ยังไงครั้งนี้เราก็ต้องช่วยเฟิงเฉินกลับมาให้ได้”
“คุณหญิงพูดถูก ต้องช่วยคุณชายกลับมาให้ได้” กู้เนี่ยนกำหมัดแน่น พร้อมกับท่าทีที่มั่นใจที่เต็มเปี่ยม
สุดท้าย พวกเขาก็ตัดสินใจใช้วิธีของกู้เนี่ยนไปดำเนินการ พอเห็นจิ้นเฟิงเฉินก็รีบเข้าไปชิงตัวมาทันที
ต่อให้เกิดการปะทะกันขึ้นระหว่างสองฝ่าย ก็ห้ามถอยเด็ดขาด
……
หนึ่งวันก่อนที่จะกลับเมืองหลวง ซ่างกวนหยวนก็เกิดรู้สึกเสียใจขึ้นมา
เธอไม่อยากจะกลับไปเมืองหลวงแล้ว
เพราะความรู้สึกไม่สบายใจที่มีมันมากขึ้นเรื่อยๆ เธอนอนหลับไม่สนิทมาหลายวันแล้ว
ทุกคืนเธอจะฝันอยู่แค่เรื่องเดียว นั่นก็คือเฟิงเฉินได้กลับไปอยู่กับเจียงสื้อสื้อแล้ว
มันเป็นสิ่งที่เธอกลัวว่าจะเกิดขึ้นมากที่สุดแล้ว
ที่สำคัญคือ ถ้าเธอกลับไปเมืองหลวง เรื่องนี้มันก็มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้
หลี่จี้มองเห็นซ่างกวนหยวนที่ยืนอยู่ตรงระเบียง จึงได้เดินเข้าไป แล้วพูดด้วยความเป็นห่วงว่า “เป็นอะไรไปเหรอ?”
พอได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนหยวนก็รีบหมุนตัวกลับมา “พ่อคะ”
สีหน้าของเธอดูไม่ดีเลย หลี่จี้จึงได้ถามไปว่า “พรุ่งนี้ก็จะกลับเมืองหลวงแล้ว เลยรู้สึกไม่ค่อยสบายใจใช่มั้ย?”
ซ่างกวนหยวนพยักหน้า
หลี่จี้ยิ้ม “ลูกคนนี้นี่ชอบคิดมากจริงๆ ความจริงถ้าลูกเปิดใจให้กว้าง ก็จะรู้ว่าเรื่องมันไม่ได้เลวร้ายอย่างที่ลูกคิดเลย”
“แต่ว่าพ่อคะ หนูรู้สึกไม่สบายจริงๆ นะคะ หนูไม่สามารถทำใจให้สงบได้เลย” ซ่างกวนหยวนหันมองไปยังที่ไกลๆ มุมปากยิ้มเยาะเย้ยตัวเองออกมา “บางทีอาจเป็นเพราะความสุขที่มี หนูไปขโมยมันมาก็ได้ หนูถึงได้รู้สึกไม่สบายใจแบบนี้”
“อย่าพูดแบบนั้นสิ” หลี่จี้ตบที่หลังของเธอ “เรื่องของความรัก ใครก็ไม่สามารถอธิบายได้ ขอแค่ตอนนี้เฟิงเฉินนั้นรักลูก ลูกก็คือผู้ชนะ”
“เขารักหนูอย่างนั้นเหรอคะ?” ซ่างกวนหยวนยิ้มออกมาอย่างขมขื่น “พ่อคะ เขาลืมเรื่องในอดีตไปแล้ว ถ้าวันหนึ่งเขาเกิดจำมันได้ขึ้นมา เขาก็จะเกลียดหนู”
“ถ้าอย่างนั้นก็ทำให้เขานึกถึงมันไม่ได้สิ” หลี่จี้ยักคิ้วให้เธอ “ลบความทรงจำของเขาออกไปอย่างสมบูรณ์ แบบนี้ใจความทรงจำของเขาก็จะมีแค่ลูกคนเดียวแล้ว”
จริงด้วย ทำให้เขาลืมทุกอย่างไปอย่างสมบูรณ์ก็พอแล้วนี่
ต่อให้กลับไปอยู่กับเจียงสื้อสื้อ เขาก็ไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉินคนเดิมอีกแล้ว
ซ่างกวนหยวนยิ้มแล้ว “พ่อคะ หนูรู้แล้วค่ะว่าควรทำยังไง”