ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1250 เลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้น
ซ่างกวนหยวนมาถึงที่บริษัท และได้ตรงไปยังห้องทำงานของประธาน
เลขาไม่สามารถขวางเธอไว้ ได้เลย
เธอเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป ซ่างกวนเชียนที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานเงยหน้าขึ้นมา พอเห็นเธอ ก็เกิดความสงสัยขึ้นในแววตาทันที
จากนั้น เขาก็ยืนขึ้น
“ประธานคะ ฉันขอโทษ ฉัน……”
เลขายังไม่ทันอธิบายเสร็จ ซ่างกวนเชียนก็ยกมือขึ้นมาสื่อให้เธอว่าไม่ต้องพูดแล้ว
หันมามองซ่างกวนหยวนทีหนึ่ง เลขาก็เดินออกไป แล้วปิดประตูลงเบาๆ
“เธอมาทำอะไรที่นี่?” ซ่างกวนเชียนเดินอ้อมโต๊ะทำงานมาข้างหน้าซ่างกวนหยวน
“ฉันมาคุยเรื่องงานแต่งกับพี่ค่ะ”
ซ่างกวนเชียนจ้องเธออย่างเงียบๆ ไปพักหนึ่ง แล้วค่อยเดินไปทางโซฟา “แล้วเธออยากคุยอะไรล่ะ?”
ซ่างกวนหยวนเดินตามไป “เลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้น”
พอได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนเชียนก็หันหน้ากลับไป นึกว่าตัวเองได้ยินผิด “เลื่อนให้เร็วขึ้นอย่างนั้นเหรอ?”
งานแต่งก็อยู่เดือนหน้านี้แล้ว จะเลื่อนเข้ามาได้ยังไงอีก?
“ถูกต้อง เลื่อนเข้ามา” ซ่างกวนหยวนพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่ยอมให้แทรก “ฉันอยากแต่งงานกับเฟิงเฉินให้เร็วที่สุด”
“เร็วที่สุดเหรอ? เธออยากให้มันเร็วขนาดไหน?” ซ่างกวนเชียนนั่งลงบนโซฟา เงยหน้าขึ้น พร้อมกับสายตาที่เยาะเย้ย
เดิมที่การที่เธอจะแต่งงานกับจิ้นเฟิงเฉินมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้องอยู่แล้ว เขากำลังหาทางดึงเวลาอยู่ ส่วนเจียงสื้อสื้อตอนนี้ก็กำลังคิดหาวิธีทำให้จิ้นเฟิงเฉินฟื้นฟูความทรงจำให้ได้
งานแต่งงานในครั้งนี้จึงไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน
ตอนนี้เธอมาบอกว่าจะให้เลื่อนงานแต่งเข้ามา แบบนี้มันก็ไม่ดีกับเขาและเจียงสื้อสื้อเลย
“สิ้นเดือนนี้ค่ะ ฉันจะแต่งงานกับเฟิงเฉินในสิ้นเดือนนี้”
สำหรับซ่างกวนหยวนนั้น มีแค่เธอกับจิ้นเฟิงเฉินแต่งงานกันแล้วเท่านั้นเธอถึงจะสบายใจ
ไม่อย่างนั้นความเป็นไปได้มากมายก็ยังคงเกิดขึ้นได้
“เร่งเกินไปแล้ว หลายๆ อย่างมันเตรียมการไม่ทัน” ซ่างกวนเชียนแย้งออกมา
“งั้นจัดง่ายๆ ก็ได้ค่ะ”
ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว “นี่มันเป็นทั้งชีวิตของเธอเลยนะ เธอจะจัดแค่ง่ายๆ จริงเหรอ?”
“ขอแค่ได้แต่งานกับเขา ต่อให้ไม่จัดงานเลยก็ยังไง” ซ่างกวนหยวนตอบ
งานแต่งก็แค่จัดให้นายท่านหญิงดูเท่านั้น
ซ่างกวนเชียนจ้องมองเธอ ความรู้สึกที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นในใจ
ความรู้สึกที่เธอมีต่อจิ้นเฟิงเฉินมันลึกขนาดนั้นเลยเหรอ?
เพื่อเขา แม้แต่งงานแต่งยังยอมละทิ้งได้
ซ่างกวนหยวนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะค่อยๆ พูดออกมาว่า “จิ้นเฟิงเฉินกับเจียงสื้อสื้อยังมีความสัมพันธ์แบบสามีภรรยากันอยู่ ดังนั้น พวกเธอจึงทำได้แค่จัดงานแต่ง แต่ไม่สามารถจดทะเบียนกันได้”
“เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง” ซ่างกวนหยวนหรี่ตาลง ขอแค่ความสัมพันธ์ของเธอกับจิ้นเฟิงเฉินกลายเป็นจริง
เรื่องทะเบียนสมรสค่อยจัดการทีหลังก็ได้
ซ่างกวนเชียนไตร่ตรองไปพักหนึ่ง แล้วถามไปว่า “หยวนหยวน เธอคิดดีแล้วใช่มั้ย?”
“ช่วยฉันเลื่อนงานแต่งให้เร็วขึ้น ส่วนทางคุณย่า ฉันจะเกลี้ยกล่อมให้ท่านผ่าตัดเอง”
พูดจบ ซ่างกวนหยวนก็จากไปทันที
ในตอนที่ประตูปิดลง ซ่างกวนเชียนก็ได้ยิ้มออกมา ยิ้มออกมาอย่างขมขื่น
หญิงสาวที่เขาดูแลเอาใจใส่มาตั้งหลายปี สุดท้ายก็ต้องกลายเป็นภรรยาของคนอื่นอยู่ดี
……
จิ้นเฟิงเหราพาเด็กๆทั้งสองกลับไปที่บ้านตระกูลฟาง
ซ่างหยิงรู้สึกดีใจมาก “เสี่ยวเป่า เถียนเถียน พวกเธอจะมาทำไมไม่บอกฉันสักคำล่ะ?”
“น้าสะใภ้เล็ก” จิ้นเฟิงเหราทักทายไปอย่างสุภาพ
“พวกเธอมาได้ยังไงเนี่ย?” ซ่างหยิงถาม
“พวกเขาคิดถึงพี่ผมน่ะครับ ผมเลยพาพวกเขามา”
“พวกเธอไปบ้านตระกูลซ่างกวนมาแล้วเหรอ?”
พอซ่างหยิงถามไป เถียนเถียนก็วิ่งเข้ามาพอดี
“คุณยายคะ”
ซ่างหยิงก้มลงไปอุ้มเธอขึ้นมา พอเห็นดวงตาที่แดงก่ำของเธอ คิ้วก็อดไม่ได้ที่จะขมวดเข้าหากัน “ทำไมถึงร้องไห้ล่ะ? ใครแกล้งหนูเหรอ?”
“เป็นคุณป้าใจร้ายคนหนึ่งค่ะ” เถียนเถียนเบ้ปาก น้ำตาเจิ่งนองอยู่ในเบ้าตา แล้วพูดด้วยท่าทางที่น่าสงสารว่า “เธอไม่ยอมคืนแด๊ดดี้ให้เราค่ะ”
“เถียนเถียนเป็นเด็กดี ไม่ร้องนะ” ซ่างหยิงช่วยเช็ดน้ำตาให้เธอ แล้วปลอบเบาๆ ว่า “ไว้วันหลังยายจะไปหาคุณป้าใจร้ายคนนั้นพร้อมกับหนู แล้วบอกให้เธอคืนแด็ดดี้ให้พวกหนูนะ”
“จริงเหรอคะ?” เถียนเถียนดูดจมูก แล้วถามด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้
ซ่างหยิงพยักหน้า “จริงๆ”
เธอหันมองไปทางเสี่ยวเป่า เขาแตกต่างจากเถียนเถียน เสี่ยวเป่าดูนิ่งมาก เหมือนกันแด๊ดดี้ของเขาที่ไม่ชอบแสดงความรู้สึกออกมาภายนอก
วางเถียนเถียนลง ซ่างหยิงเดินเข้าไปหาเสี่ยวเป่า โน้มตัวลงไปลูบหัวเขา แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า “เสี่ยวเป่าถ้าในใจมันรู้สึกแย่ ก็ร้องไห้ออกมา อยู่ต่อหน้ายายเสี่ยวเป่าไม่ต้องอายนะ”
พอเสี่ยวเป่าได้ยินแบบนั้น ดวงตาก็ค่อยๆ แดงก่ำ แล้วร้องไห้ออกมา
ซ่างหยิงรู้สึกเป็นห่วงขึ้นมาทันที จึงรีบเข้าไปสวมกอดเขา “เสี่ยวเป่า อีกไม่นานแด๊ดดี้ของเธอก็จะกลับมาแล้ว ไม่ต้องกลัวนะ”
เสี่ยวเป่าซุกหน้าเข้าไปในอกของเธอ ไม่ยอมส่งเสียงร้องไห้ออกมา
เพราะแด๊ดดี้เคยพูดไว้ว่า ลูกผู้ชายนั้นห้ามร้องไห้
ขอแค่เขาไม่ส่งเสียงร้องออกมา ก็ถือว่ายังไม่ได้ร้อง
“คุณยาย”
เถียนเถียนวิ่งเข้ามา
ซ่างหยิงกางแขนอีกข้างกอดเธอเอาไว้ “เถียนเถียน เดี๋ยวยายไปทำคุกกี้แสนอร่อยให้พวกเธอกิน ดีมั้ย?”
เถียนเถียนพยักหน้า “ดีค่ะ”
จิ้นเฟิงเหราที่มองดูภาพนี้อยู่ คิ้วขมวดเป็นปม สีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล
เห็นทีต้องคิดหาวิธีอื่นที่จะทำให้ซ่างกวนหยวนยอมคืนพี่ชายกลับมาแล้ว
จากการปลอบโยนของซ่างหยิง ทำให้เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนใจเย็นลงได้ เด็กสองคนนั่งกินคุกกี้อยู่ในห้องรับแขกอย่างว่าง่าย
ตอนที่ฟางยู่เชินกลับมาถึง แล้วเห็นพวกเขาก็รู้สึกแปลกใจมาก
“เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนมาได้ยังไงครับเนี่ย?” ฟางยู่เชินถามผู้เป็นแม่
“เฟิงเหราพาพวกเขามาหาเฟิงเฉิน”
“มาหาเฟิงเฉินเหรอครับ?” ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “นี่พวกเขาตั้งใจจะไปที่บ้านตระกูลซ่างกวนใช่มั้ยครับ?”
“ไปมาแล้ว” ซ่างหยิงช่วยเช็ดปากให้เถียนเถียน แล้วพูดต่อ “ตอนที่เด็กสองคนนี้กลับมาก็ร้องไห้อย่างหนัก แถมยังได้ยินว่าตอนที่เฟิงเฉินเห็นเด็กสองคนนี้เขาก็รู้สึกปวดหัวด้วย”
“ปวดหัวเหรอครับ? เกิดจากอะไร?”
ซ่างหยิงนึกถึงคำพูดของจิ้นเฟิงเหรา แล้วพูดไปตามจริงว่า “คงจะไปกระตุ้นโดนประสาทเข้าน่ะ”
ฟางยู่เชินครุ่นคิด “หรือก็คือ เสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนอาจจะทำให้เฟิงเฉินฟื้นฟูความทรงจำกลับได้”
ซ่างหยิงพยักหน้า “เฟิงเหราก็พูดประมาณนี้”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะครับ?” ฟางยู่เชินถามต่อ
“วันนี้ทำไม่สำเร็จ ถูกซ่างกวนหยวนไล่ออกมาก่อน”
พอพูดถึงซ่างกวนกยวน ซ่างหยิงก็รู้สึกโกรธขึ้นมา “แกว่าผู้หญิงอย่างเธอ ด้วยสถานะที่เพียบพร้อมของเธอ ไม่ว่าอยากได้คู่ครองแบบไหนก็เลือกได้หมด แต่ทำไมดันต้องมาเป็นเฟิงเฉินด้วยนะ?”
เฟิงเฉินนั้นแต่งงานมีลูกแล้ว มาทำให้ครอบครัวของคนต้องแตกแยก ทำไมเธอถึงได้ใจร้ายใจดำแบบนี้นะ?
พอเห็นท่าทางของแม่ที่กำลังโมโห ฟางยู่เชินจึงรีบเกลี้ยกล่อมไปว่า “แม่ครับ อย่าโมโหไปเลย ซ่างกวนหยวนเป็นคนเห็นแก่ตัว แต่เราจะหาทางขัดขวางเธอเองครับ”
ซ่างหยิงถอนหายใจออกมา “คนที่หนักสุดก็คือสื้อสื้อ ตอนแรกที่เฟิงเฉินลืมเธอไป มันก็เจ็บปวดมากพออยู่แล้ว ตอนนี้เธอยังเข้าไปเป็นคนใช้ในบ้านตระกูลซ่างกวนอีก นี่ถ้าไปเห็นเฟิงเฉินกับซ่างกวนหยวนจู๋จี๋กันละก็ ไม่รู้ว่าจะเจ็บขนาดไหนเนี่ย”
“แม่ไม่ต้องเป็นห่วงสื้อสื้อหรอกครับ เธอรู้ใจตัวเองดี”
ฟางยู่เชินหันไปมองเด็กๆ ทั้งสองที่กำลังกินคุกกี้อยู่ ที่ผ่านๆ มา พอเจอหน้าเขา ก็จะรีบวิ่งเข้ามาให้เขาอุ้ม แต่วันนี้กลับนั่งกันอย่างเงียบเชียบ
แค่คิดก็รู้แล้วว่า พวกเขานั้นกำลังเศร้าใจแค่ไหน
“แม่ครับ รบกวนแม่ช่วยอยู่กับเสี่ยวเป่าเถียนเถียนให้มากๆ นะครับ คืนนี้ผมมีธุระต้องออกไปทำอีก”
พอได้ยินแบบนั้น ซ่างหยิงก็ขมวดคิ้ว “มีธุระอะไรทำไมถึงต้องออกไปตอนกลางคืนด้วย?”
ฟางยู่เชินยิ้มให้เธอ แล้วรีบวิ่งขึ้นชั้นบนไป
ซ่างหยิงมองดูแผ่นหลังของเขา คิ้วขมวดเป็นปม ทำไมถึงรู้สึกว่าเขากำลังมีเรื่องปิดบังเธออยู่นะ?