ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1271 จัดการให้เสร็จสิ้น
“นี่เธอเป็นใครกันแน่?”
จิ้นเฟิงเฉินถามไปอีกรอบ
ครั้งนี้น้ำเสียงเคร่งขรึมขึ้นอีกมาก
เจียงสื้อสื้อขำออกมาทีหนึ่ง “ฉันเป็นใครมันไม่สำคัญหรอกค่ะ หรือคุณคิดจะแต่งงานกับซ่างกวนหยวนจริงๆ เหรอคะ?”
จิ้นเฟิงเฉินเงียบไป
ความจริงหลายวันนี้เขาก็คิดเรื่องนี้มาโดยตลอด
เขาจำอะไรเกี่ยวกับอดีตของตัวเองไม่ได้เลย และกลัวจะเป็นแบบที่เธอพูด คือทำให้ภรรยาเก่าและลูกๆ ต้องเจ็บปวด
ภรรยากับลูกๆ
จิ้นเฟิงเฉินนึกถึงเด็กสองคนที่เจอเมื่อหลายวันก่อน
หัวใจ เหมือนถูกอะไรบางอย่างเข้ามาฉีกกระชาก มันรู้สึกเจ็บ
ถ้าพวกเขาเป็นลูกของเขาจริงๆ แล้วเขาจะทิ้งพวกเขาเพื่อไปแต่งงานกับคนอื่นได้ยังไงล่ะ?
ที่สำคัญ……
ภาพของเจียงสื้อสื้อที่กำลังร้องไห้อย่างเจ็บปวดแล่นเข้ามาในหัว ในใจของจิ้นเฟิงเฉินก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้
“จะแต่งไม่แต่ง ฉันไม่ได้เป็นคนกำหนด” จิ้นเฟิงเฉินพูด
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วทันที “ขอแค่คุณไม่อยากแต่ง แล้วซ่างกวนหยวนจะสามารถบังคับคุณได้อย่างนั้นเหรอคะ?”
“ฉัน……”
พอจิ้นเฟิงเฉินเปิดปากพูด ประตูห้องก็ถูกคนเปิดเข้ามาจากด้านนอกพอดี
ติ๊ก!
ไฟในห้องถูกเปิดออก ภายในห้องสว่างขึ้นมาทันที
แสงสว่างที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้เจียงสื้อสื้อรู้สึกไม่ชิน จนต้องหรี่ตาลง ยังไม่ทันที่จะเห็นชัดว่าเป็นใคร
น้ำเสียงที่เย็นเยือกของซ่างกวนหยวนก็ดังขึ้นที่ข้างหู
“เธอนี่มันใจกล้ามมากเลยนะ ที่กล้าเข้าห้องของเจ้านายในยามวิกาลแบบนี้!”
หัวใจของเจียงสื้อสื้อหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มทันที
จบกัน!
……
“สรุป……เธอจึงถูกไล่ออกมาทั้งอย่างนี้ใช่มั้ย?”
เจียงสื้อสื้อพยักหน้า “ค่ะ”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “แล้วซ่างกวนเชียนล่ะ?”
“ตอนนั้นซ่างกวนหยวนโมโหมาก ยังไงก็จะไล่ฉันออกจากบ้านให้ได้ ซ่างกวนเชียนเองก็ทำอะไรเธอไม่ได้ จึงต้องยอมทำตามแต่โดยดี”
ความจริงก่อนที่เธอจะแอบย่องเข้าไปในห้องของจิ้นเฟิงเฉินนั้น เธอก็ได้เตรียมใจที่ต้องเจอกับบทสรุปที่เลวร้ายที่สุดแล้ว
แต่ตอนที่มันเกิดขึ้นจริงๆ ก็ยังทำใจไม่ค่อยได้อยู่ดี
“แล้วน้องเขยมีการตอบสนองยังไงบ้าง?” ฟางยู่เชินถามต่อ
เจียงสื้อสื้อขำออกมาด้วยความจนใจ “เขา……ไม่รู้จักซูหยุนเลย แล้วจะให้มีการตอบสนองอะไรได้ล่ะคะ?”
ซ่างหยิงจับมือเธอไว้ด้วยความเป็นห่วง แล้วพูดไปว่า “อย่าคิดมากเลย ยังไงก็ต้องมีทางอื่นอยู่อีกแน่นอน”
“น้าสะใภ้เล็กคะ หนูไม่ได้คิดมาก หนูแค่รู้สึกว่าตัวเองได้ทำเรื่องที่โง่ที่สุดลงไปก็เท่านั้นค่ะ”
ตอนนี้เธอออกมาจากบ้านตระกูลซ่างกวนแล้ว ถ้าคิดจะกลับเข้าไปอีก มันก็เป็นเรื่องที่ยากมาก
“ไม่โง่เลยสักนิด เธอเองก็ร้อนใจมาก ฉันคิดว่าเฟิงเฉินรักเธอขนาดนั้น เขาต้องจำเธอได้แน่นอน” ซ่างหยิงพูดปลอบด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
เจียงสื้อสื้อหยุดคิดไปแป๊บหนึ่ง แล้วเงยหน้าขึ้นไปมองฟางยู้เชืน “พี่คะ ห้ามปล่อยให้งานแต่งงานของพวกเขาได้จัดเด็ดขาดเลยนะคะ”
ถ้างานแต่งถูกจัดขึ้นไปแล้ว งั้นก็ไม่เหลือโอกาสที่จะแย่งเขากลับมาแล้ว
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ฉันรู้ ฉันจะไปหาซ่างกวนเชียน ให้เขาจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
“ขอบคุณค่ะพี่”
ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับพวกเขามา เธอก็คอยก่อปัญหาให้เขาอยู่ตลอด ถ้าเมื่อไหร่ที่เฟิงเฉินกลับมา เธอจะต้องตอบแทนพวกน้าสะใภ้เล็กให้เป็นอย่างดีเลย
ฟางยู่เชินยิ้มออกมา “คนบ้านเดียวกัน ไม่ต้องเกรงใจไปหรอก”
จากนั้น เขาก็หยิบเสื้อสูทขึ้นมา “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ฉันขอไปบริษัทก่อนนะ”
“สื้อสื้อ เธอขึ้นไปพักผ่อนข้างบนเถอะ ไม่ว่าจะเจอเรื่องอะไรมา ร่างกายก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด ดูแลร่างกายให้แข็งแรงถึงจะมีแรงไปจัดการปัญหาต่อ” ซ่างหยิงบอก
“ค่ะ”
เจียงสื้อสื้อขึ้นไปข้างบนอย่างเชื่อฟัง พอกลับมาถึงห้อง เธอก็ทิ้งตัวนอนลงบนที่นอน แล้วซุกหน้าเข้าไปใต้หมอน
เหตุการณ์เมื่อคืนยังคงวนเวียนอยู่ในหัว ความสับสนของจิ้นเฟิงเฉิน ความโกรธเกรี้ยวของซ่างกวนหยวน ความจนปัญญาของซ่างกวนเชียน
ความเหนื่อยล้าแล่นเข้ามากลางอก แล้วน้ำตาก็ได้ไหลรินออกมา
เธอพลิกตัว นอนหงายอยู่บนที่นอน จ้องมองเพดานพร้อมกับน้ำตาที่นองเต็มหน้า
ต้องใช้วิธีอะไร ถึงจะทำให้เฟิงเฉินจำเธอได้?
……
ระหว่างทางที่ไปบริษัท ฟางยู่เชินก็โทรหาซ่างกวนเชียน
พอโทรติด ก็ถามตรงประเด็นทันที “ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ครับ?”
“ต้องขอโทษด้วย ดูเหมือนครั้งนี้ผมจะช่วยพวกคุณไม่ได้แล้วจริงๆ ครับ”
“ทำไมล่ะครับ?”
“นั่นมันน้องสาวของผม ความสุขของเธอเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุดครับ”
พอได้ยินแบบนั้น ฟางยู่เชินก็ขำเยาะเย้ยออกมา ” ซ่างกวนเชียน นี่มันไม่เหมือนคำพูดที่คุณจะพูดออกมาเลยนะครับ หรือคุณจะยอมยืนดูน้องสาวของตัวเองไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นจริงๆอย่างนั้นเหรอครับ?”
“เขาคนนั้นไม่ใช่ใครอื่น แต่เขาเป็นผู้ชายที่สมบูรณ์แบบมากๆ คนหนึ่ง”
ฟางยู่เชินพูดอะไรไม่ออกไปครู่หนึ่ง เขาเงียบไปสักพัก ก่อนจะพูดไปว่า “เจอกันหน่อยมั้ยครับ?”
“ผมอยู่ที่สโมสรกอล์ฟมานโน คุณมาได้เลยครับ”
หลังวางสาย ฟางยู่เชินก็กลับรถตรงปากทางข้างหน้า แล้วมุ่งตรงไปยังสถานที่ที่ซ่างกวนเชียนบอก
พอไปถึงสโมสร ฟางยู่เชินก็ได้พบกับซ่างกวนเชียนภายใต้การนำทางของพนักงาน
“จะตีสักหน่อยมั้ยครับ?” ซ่างกวนเชียนถาม
“ไม่มีอารมณ์ครับ” ฟางยู่เชินปฏิเสธไปทันที
ซ่างกวนเชียนยิ้มออกมา หันหน้ามองไปยังสนามหญ้าที่เขียวขจี แล้วพูดเยาะเย้ยตัวเองว่า “ถ้าคุณไม่มีอารมณ์ ผมก็น่าจะไม่มีอารมณ์มากกว่าอีก”
“ตอนนี้ควรทำยังไงดีครับ?” ฟางยู่เชินนั่งลงตรงข้ามเขา
“แล้วคุณอยากทำยังไงล่ะครับ?” ซ่างกวนเชียนดึงสายตากลับ แล้วมองมาที่เขา
ฟางยู่เชินถอนหายใจออกมา “ก็เพราะไม่รู้ ผมเลยมาหาคุณนี่ไง”
ซ่างกวนเชียนยิ้มออกมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ “คุณคิดว่าผมต้องมีวิธีแน่ๆ อย่างนั้นเหรอครับ?”
ฟางยู่เชินจ้องมองเขา แต่ไม่ได้พูดอะไร
ซ่างกวนเชียนครุ่นคิดไปพักหนึ่ง แล้วพูดต่อว่า “หยวนหยวนเป็นน้องสาวของผม การที่ได้เห็นเธอคาดหวังในงานแต่งของเธอกับจิ้นเฟิงเฉินมากขนาดนั้น ผมก็ตัดใจทำลายมันไม่ลงจริงๆ ครับ”
“แล้วคุณอยากเห็นเธอไปแต่งงานกับผู้ชายคนอื่นอย่างนั้นเหรอครับ?” ฟางยู่เชินถาม
“ก็ต้องไม่อยากอยู่แล้ว” ซ่างกวนเชียนถอนหายใจออกมา “ต่อให้ไม่อยากแล้วมันจะทำอะไรได้ล่ะครับ?”
“ขัดขวางงานแต่ง” ฟางยู่เชินพูด “ตอนนี้สิ่งเดียวที่ทำได้ก็คือการขัดขวางการจัดงานแต่งงานเท่านั้น”
พอได้ยินแบบนั้น ซ่างกวนเชียนก็ได้ขำออกมา “ประธานฟางครับ คุณคิดง่ายเกินไปแล้ว แค่พูดว่าจะขัดขวาง แล้วมันก็สามารถขัดขวางได้เลยอย่างนั้นเหรอครับ?”
“ถ้าอยากที่จะขัดขวาง มันก็ต้องขัดขวางได้” ฟางยู่เชินใช้ความคิด แล้วพูดไปว่า “เอาแบบนี้แล้วกัน ลองดูว่าพอจะมีสถานการณ์อะไรบ้างที่สามารถทำให้งานล่มได้”
“สถานการณ์เหรอครับ?” ซ่างกวนเชียนขมวดคิ้ว “จะมีสถานการณ์อะไรได้ล่ะครับ?”
จากนั้น เขาก็ส่ายหน้า “นอกจากจะมีการเกิดแผ่นดินไหวหรือภัยธรรมชาติอะไรพวกนั้น ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางขัดขวางงานแต่งได้หรอกครับ”
“ลองตั้งใจคิดดูอีกทีครับ” ฟางยู่เชินพูดเปลี่ยนประเด็น แล้วถามไปว่า “สถานการณ์ตอนนี้น้องเขยของผมเป็นยังไงบ้างครับ?”
“ยังเหมือนเดิมครับ แต่ได้ยินคนใช้บอกว่า ช่วงนี้เขามักจะเหม่อลอยอยู่บ่อยๆ”
“เหม่อลอยเหรอครับ?” ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “คงไม่ใช่ว่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”
ซ่างกวนเชียนยิ้ม “อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ”
“น้องสาวของผมถูกไล่ออกมาแล้ว ตอนนี้เธอก็กำลังทุกข์ทรมานอยู่ ถ้าจะให้พูดก็คือ น้องสาวของคุณกำลังทำให้ทุกคนรู้สึกทรมานอยู่”
ฟางยู่เชินหายใจเข้าลึกๆ “เราควรคิดหาวิธีจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อย”
ซ่างกวนเชียนจ้องเขาไปพักหนึ่ง จากนั้นก็พยักหน้าเบาๆ “ตกลง จัดการให้เรียบร้อย”
“ถ้าอย่างนั้นผมก็จะรอข่าวดีจากคุณนะครับ” ฟางยู่เชินยืนขึ้น ยื่นมือขวาออกมา
ซ่างกวนเชียนเองก็ลุกขึ้น จับมือกับเขา แล้วพูดว่า “หวังว่าผมจะมีข่าวดีแจ้งให้คุณนะครับ”
“ต้องมีอยู่แล้วครับ!”
หลังฟางยู่เชินจากไป ซ่างกวนเชียนก็นั่งลง เขานั่งใช้ความคิดอยู่นานมาก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากสโมสรไป