ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่1335 ทำไมต้องให้พวกเขาเห็นด้วย
พอฟางยู่เชินวางสายไป ก็ได้ถอนหายใจยาวๆ
โชคดีที่คุณแม่ไม่ได้เจออะไรที่ผิดปกติ ไม่อยากนั้นไม่จบง่ายๆ แน่ๆ
ในที่สุดก็ได้กินบะหมี่อย่างสบายใจแล้ว
ไปถึงที่บ้านเหลียงซินเวย พออานอานเห็นเขาเข้ามา ขาสั้นๆ ก็ได้วิ่งไปหาเขาทันที เสียงที่สดใสพูดว่า “คุณอาฟาง”
ฟางยู่เชินก็ได้ยื่นมือไปลูบหัวเขา ยิ้มพูด “การบ้านทำเสร็จหรือยังครับ?”
อานอานพยักหน้า “ทำเสร็จแล้วครับ”
“หิวแล้วใช่ไหมคะ?” เหลียงซินเวยถาม
“นิดหน่อย ต้มเสร็จแล้วเหรอ? ฟางยู่เชินถามไป แล้วก็มองไปทางห้องครัวไป
“เดี๋ยวก็เสร็จแล้วค่ะ พี่ไปล้างมือก่อน”
พูดจบ เหลียงซินเวยก็ได้หันไปเดินเข้าไปในห้องครัว
ฟางยู่เชินมองเธอเดินเข้าห้องครัว ถึงได้ก้มหน้ามองอานอาน “ปะ พวกเราไปล้างมือกับเถอะ”
“ครับ”
สองคนก็ได้เดินตามกันไปล้างมือ
ต้มบะหมี่เสร็จ เหลียงซินเวยก็ได้ตักบะหมี่ชามใหญ่ให้ฟางยู่เชิน
“ทำไมเยอะขนาดนี้?” ฟางยู่เชินอึ้งไป
“พี่ทำงานมาเหนื่อยขนาดนี้ กินเยอะๆ หน่อย”
ก็ไม่รู้ว่าตัวเองตาฝาดไปหรือเปล่า เหลียงซินเวยรู้สึกว่าเขาผอมไปแล้วนิดหน่อย
ฟางยู่เชินก็ได้ขำออกมา “ถ้าเธอเลี้ยงแบบนี้ ผมอาจจะอ้วนเป็นหมูไปเลยก็ได้”
“นั่นมันต้องกินทุกวันนะคะถึงจะอ้วน”
เหลียงซินเวยก็ได้ยกชามแล้วเดินออกจากห้องครัว
ฟางยู่เชินเดินตามหลัง ครึ่งหนึ่งก็ได้พูดล้อเล่นอีกครึ่งก็ได้พูดจริงจังว่า “พวกเราแต่งงานแล้ว ผมก็ได้กินทุกวันแล้วไม่ใช่เหรอ?”
ฝีเท้าของเหลียงซินเวยได้นิ่ง จากนั้นก็ได้เดินไปข้างหน้าต่อ “พวกเราพึ่งอยู่ด้วยกันนานเท่าไหร่เองคะ แต่งงานมันเร็วไป”
น้ำเสียงของเธอได้นิ่งมาก แต่ว่าในใจก็ได้มีคลื่นกระหน่ำอยู่
แม่ของเขาไม่เห็นด้วยที่พวกเขาคบหากัน เรื่องแต่งงาน ไม่มีทางที่จะเป็นไปได้
“เร็วไปตรงไหน ตอนนี้มีการแต่งงานสายฟ้าแลบอยู่ไม่ใช่เหรอ? พวกเราสามารถลองดูได้”
เหลียงซินเวยก็ได้วางชามไปบนโต๊ะ หันไป มองเขานิ่งๆ “ยู่เชิน พี่พูดจริงเหรอ หรือว่ากำลังพูดล้อเล่นอยู่?”
ฟางยู่เชินสีหน้าจริงจัง “เธอมองว่าท่าทางของผมแบบนี้เป็นการล้อเล่นเหรอ?”
เหลียงซินเวยส่ายหน้า
เขาก็ได้หัวเราะเบาๆ “เธอทำไมโง่ขนาดนี้? ผมกำลังขอเธอแต่งงาน เธอฟังไม่ออกเหรอ?”
เหลียงซินเวยเงียบไปไม่กี่วิ ก็ได้เปลี่ยนเรื่อง “รีบกินเถอะค่ะ ไม่อย่างนั้นบะหมี่ก็อืดแล้ว ฉันไปเรียกอานอาน”
พูดจบ เธอก็ได้รีบเดินไปที่ห้องของอานอาน
มองแผ่นหลังของเธอ คิ้วของฟางยู่เชินก็ได้ขมวด นี่เธอกำลังหนีเหรอ?
เข้าไปในห้อง เหลียงซินเวยก็ได้หยุดลง จมูกได้ตัน แววตาก็ได้มีน้ำตาคลอขึ้น
เธอจะไปกล้าคิดว่าความสัมพันธ์ของพวกเขาจะมีตอนจบที่สวยได้ยังไง?
คิดถึงเรื่องที่แม่ของเขาพูดพวกนั้น ก็เหมือนว่ามีคนได้มาบีบคอของเธอ ทรมานจนหายใจไม่ออก
“แม่ครับ แม่เป็นอะไรไป?” อานอานก็ได้เดินไปตรงหน้าของเธอ พบว่าเธอนั้นไม่ปกติ ก็ได้ถามอย่างเป็นห่วง
เหลียงซินเวยก็ได้ดึงสติกลับมาทันที ยกมือไปเสร็จน้ำตา แล้วก็ฝืนยิ้มออกมา พูด “ไม่เป็นไรค่ะ เมื่อกี้แม่หั่นหัวหอมแล้วแสบตาค่ะ”
“แสบมากไหมครับ?” อานอานถามต่อ
เหลียงซินเวยส่ายหน้า “ไม่แสบแล้วค่ะ รีบออกไปกินบะหมี่กันเถอะ”
“กินบะหมี่แล้ว”
พออานอานได้ยิน ดีใจแล้ววิ่งออกไป
รอยยิ้มบนใบหน้าของเหลียงซินเวยก็ได้ค่อยๆ หายไป เธอก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ถึงได้ค่อยๆ เดินออกไป
ฟางยู่เชินนั่งอยู่ที่ห้องครัว มองเธอเดินมา รอเดินเข้ามาใกล้ ก็ได้เห็นว่าตาเธอได้แดงก่ำทันที
“เธอร้องไห้แล้ว?” ฟางยู่เชินถาม
ไม่รอให้เหลียงซินเวยเปิดปาก อานอานก็ได้แย่งตอบไปว่า “คุณแม่ไม่ได้ร้องไห้ครับ ก็แค่หั่นหัวหอมแล้วก็แสบตาเท่านั้นครับ”
หัวหอม
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว หันหน้าไปมองบะหมี่ที่อยู่ในชาม ไม่ได้มีหัวหอม
เธอกำลังโกหก
แต่ว่าเขาไม่ได้พูดออกไป แต่เป็นการหัวเราะ “ที่แท้เป็นแบบนี้เองเหรอ งั้นต่อไปต้องระวังหน่อยนะ”
เหลียงซินเวยยิ้ม ไม่ได้พูดอะไร
ระหว่างทานบะหมี่ มีแค่อานอานที่พูด เหลียงซินเวยก็ได้พูดเสริมไปบางครั้ง เวลาอื่นก็ได้กินบะหมี่เงียบๆ
เธอไม่ปกติ
ฟางยู่เชินมองเธอ สีหน้าได้เครียดเล็กน้อย
ทานบะหมี่หมด ฟางยู่เชินก็ได้ให้อานอานกลับไปทบทวนหนังสือในห้อง เขาก็ได้ลากเหลียงซินเวยไปที่ระเบียง
“วันนี้เธอเป็นอะไรไป?” ฟางยู่เชินถามอย่างเป็นห่วง
“ฉัน ฉันไม่เป็นอะไรค่ะ”
ฟางยู่เชินก็ได้จ้องเธอ “เวยเวย ผมเป็นแฟนของเธอนะ ถ้าเกิดเธอเจอเรื่องอะไร สามารถพูดกับผมได้ ผมยอมที่จะแบ่งเบาภาระกับเธอ”
ความซาบซึ้งก็ได้ถาโถมมาที่ใจ
หางตาของเหลียงซินเวยก็ได้เปียก เธอก็ได้เม้มปาก “ยู่เชิน ฉันไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ ค่ะ พี่ไม่ต้องเป็นห่วง”
“งั้นพวกเราก็ไปจดทะเบียนสมรสกัน”
ฟางยู่เชินเปลี่ยนเรื่องเร็วเกินไป เหลียงซินเวยตั้งตัวไม่ทัน ก็ได้อึ้งไปเลย
“เธอเป็นคนที่ยี่สิบกว่าปีมานี้ เป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผมมีความคิดที่จะแต่งงาน” ฟางยู่เชินจูงมือของเธอ ก็ได้พูดต่อว่า “เพราะงั้น พวกเราแต่งงานกันเถอะ”
การมองก็ได้ค่อยๆ เบลอไป น้ำตาร้อนๆ ก็ได้ไหลออกมาจากกรอบตา
เหลียงซินเวยขยับปาก เกือบที่จะตกลงเขาไปแล้ว
แต่พอคิดถึงซ่างหยิง ก็เหมือนกับน้ำเย็นที่ได้ราดมาตั้งแต่หัวยันเท้า
ตื่นเลยทันที
ตอนนี้ก็แค่คบหาเป็นแฟนกับฟางยู่เชิน แม่ของเธอก็ได้ต่อต้านแบบนี้ ถ้าเธอกับยู่เชินได้จดทะเบียนไปแล้ว งั้นชีวิตหลังแต่งงานเกรงว่าไม่มีเวลาไหนที่ไม่วุ่นวายแน่
“ทำไมร้องไห้แล้ว?” ฟางยู่เชินก็ได้เช็ดน้ำตาให้เธอ ก็ได้ยิ้มหยอกอย่างไม่รู้จะทำยังไง “ซาบซึ้งขนาดนี้เลยเหรอ?”
เหลียงซินเวยก็ได้สูดหายใจเข้าลึกๆ ก็ได้กดความน้อยใจไปลงไป ค่อยๆ พูดออกไปว่า “ยู่เชิน ฉันยังไม่ได้เตรียมใจเรื่องการแต่งงานค่ะ”
“ทำไม?” ฟางยู่เชินก็ได้ถามอย่างสงสัย
“พี่คิดว่าการแต่งงานก็แค่จดทะเบียนสมรสง่ายๆ แบบนี้เหรอคะ?” เหลียงซินเวยไม่ตอบกลับถาม
“เธออยากได้การขอแต่งงาน ใช่ไหม?”
ฟางยู่เชินเข้าใจความหมายของเธอผิดไป
เหลียงซินเวยส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”
“งั้นคืออะไร?” ฟางยู่เชินไม่เข้าใจ พวกเขาได้รักกันแท้ๆ อีกอย่างการแต่งงานก็ทำให้เธอนั้นมีความไว้ใจมั่นใจมากขึ้น ดีมากไม่ใช่เหรอ?
เหลียงซินเวยเม้มปาก ก็ได้ถามดักเขาไปก่อนว่า “พ่อแม่ของพี่เห็นด้วยแล้วเหรอ?”
ฟางยู่เชินอึ้งไป “ผมแต่งงาน ทำไมต้องให้พวกเขาเห็นด้วย?”
“เพราะว่าพวกเขาเป็นพ่อแม่ของพี่ ไม่มีการอวดพรของพวกเขา ต่อให้พวกเราแต่งงานแล้ว ฉันก็ยากที่จะยืนในตระกูลฟางได้”
เธอได้พูดออกไปชัดเจนขนาดนี้แล้ว เขาควรที่จะรู้ว่าเธอกำลังกลัวอะไรอยู่ใช่ไหม
“ไม่ใช่ เวยเวย แค่พวกเรารักกัน ความคิดเห็นของคนอื่นมันไม่สำคัญเลยสักนิด……”
“มันสำคัญสิ ไม่สำคัญตรงไหน?” เหลียงซินเวยสูดหายใจเข้าลึกๆ อดทนแล้วถามว่า “พวกเขาไม่ชอบฉัน ไม่ยอมรับฉัน ถึงขั้นที่ว่ามีว่าที่ลูกสะใภ้คนอื่นในใจอยู่ ต่อไปฉันจะอยู่ร่วมกับพวกเขาได้ยังไง?”
ฟางยู่เชินขมวดคิ้ว “เวยเวย เธอพูดออกมาตรงๆ พ่อแม่ของผมไปหาเธอแล้วใช่ไหม?”
เหลียงซินเวยไม่ได้ตอบ
แต่ว่าฟางยู่เชินรู้ ความเงียบของเธอก็หมายความว่าแน่นอน
“เวยเวย เธอฟังที่ฉันพูด” ฟางยู่เชินก็ได้จูงมือของเธออีกครั้ง สายตาก็ได้มองตัวเธอไม่ห่าง “ถ้าเกิดพ่อแม่ของผมพูดอะไรที่ไม่น่าฟังออกไป เธอก็ไม่ต้องเก็บใส่ใจ อีกอย่างคนที่เธอรักเป็นผม ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา”
“ไม่จำเป็นต้องสนใจพวกเขา?” เหลียงซินเวยก็ได้เจ็บปวดใจ ความน้อยใจก็ได้ถาโถมเข้ามา ควบคุมอารมณ์ไม่อยู่แล้ว พูดออกไปเลยว่า “ฉันก็ไม่อยากที่จะสนใจพวกเขา แต่ว่า ฉันไม่มีงานทำแล้ว”