ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่773 เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเขา
บทที่ 773 เป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นเขา
ฝู้จิงเหวินกล่าวอย่างโกรธเคือง รู้สึกว่ามันไม่ยุติธรรม
เจียงสื้อสื้อขมวดคิ้วและไม่อยากฟังฝู้จิงเหวินพูดอีกต่อไป
“โอเคฉันรู้แล้ว แค่นี้แหละ ฉันไปหาเถียนเถียนและคนอื่นๆ ก่อน”
เธอพูดพร้อมกำลังจะจากไป แต่ฝู้จิงเหวินหยุดเธอไว้ และพูดกับเธอด้วยสีหน้าที่เจ็บปวด
“จนถึงตอนนี้แล้ว คุณก็ยังปกป้องเขาอยู่อีกเหรอ?”
เจียงสื้อสื้อหยุดชะงักและส่ายหน้า ” ไม่ใช่ แต่สิ่งที่ไม่มีทางที่จะเกิดขึ้นนั้น ฉันไม่เชื่อ”
ไม่รู้ว่าทำไม แต่เธอเชื่อว่า จิ้นเฟิงเฉินจะไม่ทำแบบนี้อย่างแน่นอน
ชายที่ไหนก็มีโอกาสทำแบบนี้ แต่เขาไม่มีทางทำแบบนี้อย่างแน่นอน
“ได้ ถ้าอย่างนั้นผมจะพาคุณไปดู! เมื่อคุณได้เห็นกับตาแล้ว คุณก็จะเชื่อว่าผมไม่ได้โกหก”
มีความไม่เต็มใจและความโกรธเคืองอยู่ในน้ำเสียงของฝู้จิงเหวิน
เจียงสื้อสื้อไม่ได้ขยับตัว เธอลังเลเล็กน้อย ” ไม่ไปดีกว่า ถ้าเกิดเขากำลังคุยงานของบริษัทอยู่ล่ะก็….”
ไม่รอให้เธอพูดจบ ฝู้จิงเหวินก็ขัดจังหวะของเธอไว้
“เรื่องงานอะไรกัน คนที่ไปกับเขาคือผู้หญิง! สื้อสื้อ เมื่อไหร่จะเลิกหลอกตัวเองสักที ไปกับผมเดี๋ยวนี้!”
“ฉันไม่อยากไป.”
เจียงสื้อสื้อก้าวถอยหลัง เตรียมตัวจากไป
ฝู้จิงเหวินจับข้อมือของเธอไว้ก่อน และพูดกล่อมเธอด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า “ถ้าเกิดว่าเขากำลังคุยเรื่องงานอยู่ ผมจะขอโทษสำหรับคำพูดและการกระทำของผมอย่างแน่นอน แต่ว่าสื้อสื้อ ผมไม่อยากให้คุณถูกปิดบังไว้ เราแค่ไปดู ไม่รบกวนเขาอย่างแน่นอน”
หลังจากชักชวนที่พยายามอย่างมากของฝู้จิงเหวินแล้ว เขาก็รักเจียงสื้อสื้อไปจนได้
เนื่องจากงานเลี้ยงวันเกิดของพ่อฝู้นั้นจัดขึ้นในคฤหาสน์ เพราะฉะนั้นทางเดินไปที่ต่างๆ นั้นค่อนข้างซับซ้อน
ทั้งสองคนออกมาจากห้องโถงจัดเลี้ยง แล้วมองไปที่ทางเดินที่ทอดยาวทั้งสองด้านของคฤหาสน์พวกเขาไม่รู้ว่าควรไปทางไหน
เจียงสื้อสื้อปฏิเสธเขาอีกครั้งขณะที่ยืนอยู่ตรงทางแยก ” ช่างมันเถอะ ฉันอยากไปหาเถียนเถียนแล้ว”
แต่ฝู้จิงเหวินจับเธอไว้ไม่ปล่อย เขาพูดอย่างแน่วแน่ว่า ” ผมต้องให้คุณเห็นธาตุแท้ของเขาให้ได้”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น เจียงสื้อสื้อก็ไม่รู้จะทำอย่างไร เธอไม่รู้ว่าทำไมฝู้จิงเหวินถึงได้ดื้อรั้นเช่นนี้
หลังจากมองไปรอบ ๆ แล้ว ฝู้จิงเหวินเลือกทิศทางที่จะเดินไป
“เขาเดินไปทางนี้ เราลองไปตามหาดูละกัน”
เจียงสื้อสื้อทำได้แค่ตามเขาไป เธอไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนั้น
สิบนาทีต่อมา ทั้งสองไปหาที่ห้องพักรับแขกทุกห้องแล้ว แต่ไม่เจอพวกเขา
ตอนนี้ เจียงสื้อสื้อหมดความอดทนแล้วจริงๆ เธอผลักมือของฝู้จิงเหวินออก และพูดอย่างเคร่งขรึมว่า “จิงเหวิน ไม่ว่าจิ้นเฟิงเฉินจะไปไหนกับใคร ฉันไม่อยากรู้ทั้งนั้น และฉันไม่อยากเสียเวลามาทำอะไรที่มันไม่มีประโยชน์แบบนี้”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เตรียมหันไปและจากไป
“สื้อสื้อ กลับไปตอนนี้คุณแน่ใจเหรอว่าคุณจะสบายใจ?”
เสียงทุ้มต่ำของฝู้จิงเหวินดังขึ้น
เขาเดินไปข้างหน้าเจียงสื้อสื้อ ใบหน้าที่หล่อเหลานั้นดูจริงจังเล็กน้อย “ผมแค่ไม่อยากให้คุณโดนทำร้ายก็เท่านั้นเอง”
ฝู้จิงเหวินกำลังจะยื่นมือไปสัมผัสที่ใบหน้าของเธอ แต่เจียงสื้อสื้อกลับหลีกเลี่ยงเขา
ตอนนี้ เจียงสื้อสื้อ รู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย น้ำเสียงของฝู้จิงเหวินแน่วแน่เช่นนี้ ราวกับว่าเขาได้ตัดสินแล้วว่าจิ้นเฟิงเฉินได้ทำอะไรบางอย่างลงไปแล้ว
แต่สิ่งที่เขาพูดนั้นก็มีเหตุผล หากเธอกลับไปตอนนี้ เธออาจจะไม่สบายใจเลยจริงๆ
แม้ว่าเธอจะเชื่อเขามากแค่ไหน แต่ในใจเขาก็ยังคงอ่อนไหวและสงสัย
เธอเดินวนไปมาสองสามก้าว และกล่าวอย่างตั้งใจว่า “ถ้าอย่างนั้นหากันต่อเถิด”
เมื่อเห็นว่าเธอตกลง ฝู้จิงเหวินก็เตือนว่า ” คุณสามารถโทรหาเขาได้ ถ้าเขาไม่ยุ่ง เขาจะรับอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเจียงสื้อสื้อก็เป็นประกาย เธอรีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและโทรออกไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของจิ้นเฟิงเฉิน
เธอรอคอยที่จะได้ยินเสียงของเขาดังมาจากทางโทรศัพท์
แต่น่าเสียดาย ที่ไม่มีใครรับสายเลยจนโทรศัพท์วางสายโดยอัตโนมัติ
เจียงสื้อสื้อไม่ยอมแพ้ เธอโทรออกอีกครั้ง
แต่สุดท้ายก็เหมือนเดิม ไม่มีคนรับโทรศัพท์
คราวนี้แม้ฝู้จิงเหวินจะไม่ได้พูดอะไร เจียงสื้อสื้อก็อดสงสัยไม่ได้
เขาทำอะไรอยู่ ทำไมเขารับโทรศัพท์ของตน?
โทรศัพท์มือถือของจิ้นเฟิงเฉินนั้นตั้งค่าการเตือนเสียงเรียกเข้าพิเศษไว้ที่เบอร์ของเธอ เรื่องนี้เธอรู้โดยบังเอิญ
ตราบใดที่เสียงเรียกเข้าดังขึ้น โดยปกติแล้วจิ้นเฟิงเฉินจะรับสายภายในสามเสียงที่ดังขึ้น
สถานการณ์ที่ไม่มีคนรับสายนั้น ทำให้เธอรู้สึกกระวนกระวายใจเล็กน้อย
ฝู้จิงเหวินดูสีหน้าของเธออย่างเงียบๆ และเห็นว่าเธอสับสนเล็กน้อย เขาจึงพูดขึ้นมาในเวลาที่เหมาะสมว่า ” ผมไม่ได้โกหกคุณใช่ไหม ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะยุ่งอยู่จริงๆ! ”
เขาจงใจเน้นเสียงไปที่คำว่า “ยุ่ง” เป็นการแสดงความหมายพิเศษออกมา
เธอไม่อยากสนใจคำพูดของฝู้จิงเหวินเจียงสื้อสื้อจึงเดินนำไปข้างหน้า
เนื่องจากทั้งสองได้เดินไปมาในทางเดินเส้นนี้หลายครั้ง บวกกับฝู้จิงเหวินเป็นผู้จัดงานในครั้งนี้บริกรที่เจอระหว่างทางนั้นคุ้นเคยกับทั้งคู่อย่างมาก
บริกรถามอย่างสุภาพ ” ท่านครับ คุณหญิงครับ มีอะไรที่ผมสามารถช่วยได้บ้างไหมครับ?”
ฝู้จิงเหวินเอ่ย ” เรากำลังมองหาคนคนหนึ่ง เป็นผู้ชาย ตัวสูงใหญ่มาก…”
เขาอธิบายลักษณะของจิ้นเฟิงเฉินไปสั้น ๆ แต่บริกรกลับส่ายหัวอย่างงุนงง
จากนั้นพวกเขาก็ถามบริกรอีกหลายคน แต่คำตอบที่ได้ล้วนคือพวกเขาไม่พบชายคนนี้
เมื่อเห็นเช่นนี้ เจียงสื้อสื้อก็รู้สึกโล่งใจ
หลังจากค้นหาอยู่นาน เธอก็ไม่มั่นใจเหมือนตอนแรกแล้ว
หากบริกรให้คำตอบที่ตรงข้ามกับสิ่งที่เธอคิดไว้ เธอเองก็ไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรเช่นกัน
แต่ว่าเรื่องต่างๆ นานาล้วนมีอุบัติเหตุเสมอ เมื่อพวกเขาถามบริกรคนที่สิบ คำตอบของเขาก็ยังคงเป็นไม่รู้
แต่หลังจากที่เขาคิดอย่างจดจ่อแล้ว สีหน้าที่ลังเลก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา
“เหมือนว่าผมจะเห็นท่านผู้ชายคนนี้นะครับ เขาสวมสูทสีเทาเข้ม”
เมื่อพูดถึงตรงนี้ บริกรก็หยุดอีกครั้งและคิดย้อนกลับไป “แต่เขามาพร้อมกับผู้หญิงที่เซ็กซี่มากครับ เธอมีผมหยิกหยักศก”
คำพูดของบริกรทำให้หัวใจของเจียงสื้อสื้อไม่อยู่นิ่ง
ชุดสูทของจิ้นเฟิงเฉินที่ใส่มาในวันนี้เป็นสีเทาเข้มจริง
ทันใดนั้นน้ำเสียงของฝู้จิงเหวินก็เซอร์ไพรส์เล็กน้อย เขาถามอย่างรวดเร็ว “แล้วคุณเห็นหรือไม่ว่าพวกเขาไปไหน? ”
บริกรส่ายหัวเมื่อได้ยินเช่นนี้
หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เจียงสื้อสื้อก็ถามว่า “ผู้ชายคนนั้นหน้าตาเป็นอย่างไร? ”
เธอไม่ได้สังเกตด้วยซ้ำว่า น้ำเสียงของในตอนนี้แหบลงอย่างมาก
เมื่อได้ยินคำถามของเจียงสื้อสื้อ บริกรแสดงสีหน้าที่รู้สึกผิดเล็กน้อยออกมา
“ขออภัยจริงๆ นะครับ ผมมองเห็นไม่ค่อยชัดครับ คุณชายคนนั้นเอาหน้าซุกไว้ที่คอของคุณหญิงคนนั้นครับ เพราะฉะนั้นผมจึงมองเห็นไม่ชัด”
คำอธิบายนี้ทำให้ใบหน้าของเจียงสื้อสื้อขาวซีด จากนั้นก็มีกำลังใจขึ้นมาอีกครั้ง
มีผู้คนมากมายเดินทางเข้าออกที่โรงแรมแห่งนี้ คนที่ใส่สูทสีเทาเข้มอาจไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉินเสมอไป อาจจะเป็นคนอื่นๆ ที่ดื่มจนเมาแล้วก็เป็นไปได้
จิ้นเฟิงเฉินไม่ได้ดื่มเลย ฟังจากคำอธิบายของบริกรแล้ว สองคนนั้นคงเดินกอดกันราวกับตัวติดกัน
เจียงสื้อสื้อไม่สามารถจินตนาการได้ว่า ขณะที่จิ้นเฟิงเฉินมีสติอยู่นั้นเขาจะทำเช่นนี้
ดังนั้นจึงมีความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวก็คือ ผู้ชายคนนั้นไม่ใช่จิ้นเฟิงเฉิน
เธอหันไปหาฝู้จิงเหวิน และพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า ” ฉันคิดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นจิ้นเฟิงเฉิน”
ฝู้จิงเหวินเลิกคิ้วและหัวเราะเยาะ “คุณยังไม่ยอมเชื่ออีกเหรอ?”
“ฉันรู้ดีว่าจิ้นเฟิงเฉินเป็นคนยังไง” เจียงสื้อสื้อมองไปที่ฝู้จิงเหวินด้วยสายตาที่แน่วแน่
เมื่อเห็นความไว้ใจในดวงตาของเธอ ฝู้จิงเหวินก็โกรธ และนิ่งเงียบเป็นเวลานานไม่ยอมพูดอะไร
นานกว่าเขาจะพูดออกมาว่า ” คุณรู้จักเขาดีงั้นหรือ? คุณรู้จักเขาดีได้อย่างไร? คุณเพิ่งรู้จักเขาได้ไม่กี่เดือนเอง”
ไม่สามารถอธิบายความไว้ใจที่มาจากลึกๆ ในใจได้ เจียงสื้อสื้อพูดออกมาทันทีว่า ” ฉันเชื่อว่าเราไม่ได้รู้จักกันเพียงไม่กี่เดือน แต่เพราะฉันจำไม่ได้ต่างหาก”