ลูกชายของประธาน….เรียกฉันหม่ามี๊?! - บทที่932 อยากได้รางวัล
“แม้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันจะวุ่นวาย แต่ฉันคิดว่าถ้าเกิดว่ามีคุณปู่อยู่ น้าชายใหญ่กับน้าชายรองก็ไม่กล้ายุ่งวุ่นวายหรอก”
ถึงจะพูดแบบนี้ แต่ว่าฟางยู่เชินก็ยังคงมีความกังวลอยู่ “กลัวว่าพวกเขาจะยอมเสี่ยงเมื่อถึงเวลาเข้าตาจนเนี่ยละ”
เจียงสื้อสื้อเองก็เป็นกังวลไปด้วย
คนของตระกูลฟาง นอกจากฟางยู่เชินแล้ว คนอื่นๆ เธอก็เคยเจอแค่ครั้งสองครั้ง แต่เธอก็มองออกว่าครอบครัวของน้าชายใหญ่กับน้าชายรองนั้นไม่ใช่คนดี
ที่เรียกกันว่าความโลภนั้น นำมนุษย์ไปสู่หายนะ ดูจากนิสัยที่ละโมบของพวกเขาแล้วนั้น ต้องไม่มีทางทนดูคุณท่านมอบกิจการครอบครัวให้ฟางยู่เชินเฉยๆ อย่างแน่นอน
“ฉันจะระวัง”
เรื่องราวมาถึงตอนนี้แล้ว ฟางยู่เชินก็รู้ว่าตัวเองไม่มีทางให้ถอยกลับอีกแล้ว มีเพียงการที่เขาเปลี่ยนเป็นแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น คนพวกนั้นก็จะไม่เที่ยวก่อความวุ่นวายไปทั่ว
“เดี๋ยวผู้ช่วยผมจะส่งสัญญามาให้ หลังจากเซ็นสัญญาและมีผลบังคับใช้แล้ว มันจะกลายเป็นอาวุธที่ได้เปรียบที่สุดของคุณ”
ความหมายของจิ้นเฟิงเฉินนั้นชัดเจนมาก ว่าเขาช่วยเขาจริงๆ
“ขอบคุณนะ” นอกจากสิ่งนี้ฟางยู่เชินก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรดี
“พี่ไปบอกคุณตาหน่อย ว่าไม่ต้องมาที่นี่ เดี๋ยวฉันกับเฟิงเฉินแล้วก็ลูกไปหาก็ได้”
หลังจากการเลือกทายาทในครั้งนี้ ต้องเกิดเรื่องขึ้นมากมายอย่างแน่นอน คุณท่านต้องทุกข์ใจมากพอแล้ว เจียงสื้อสื้ออดไม่ได้ที่จะให้เขาวิ่งกลับไปกลับมา
ฟางยู่เชินพยักหน้า “ได้ เดี๋ยวฉันจะไปบอกคุณปู่ให้”
กู้เนี่ยนส่งสัญญามาอย่างรวดเร็ว
สัญญาระหว่างจิ้นกรุ๊ปกับฟางซื่อกรุ๊ป หลังจากที่จิ้นเฟิงเฉินกับฟางยู่เชินลงนามในสัญญาแล้ว ก็เริ่มอย่างเป็นทางกาย
“น้องเขย ยินดีที่ได้ร่วมงานนะ” ฟางยู่เชินยื่นมือออกไป
จิ้นเฟิงเฉินก็ยื่นมือไปจับมือเขาเหมือนกัน “ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ”
หลังจากเซ็นสัญญาเสร็จแล้ว ฟางยู่เชินก็กลับไป
เขากลับไปเตรียมตัวสำหรับประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันพรุ่งนี้
……
“นายว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้นรึเปล่า? ”
พอกลับมาที่ห้อง เจียงสื้อสื้อก็ยังรู้สึกสบายใจไม่ได้ พอนึกถึงสถานการณ์ของตระกูลฟางในตอนนี้แล้วนั้น เธอช่างเป็นห่วงคุณตาจริงๆ
“พวกเราไปเมืองหลวงกัน? ” จิ้นเฟิงเฉินถาม
เจียงสื้อสื้อส่ายหน้า “ไม่แล้ว ถ้าเกิดว่าพวกเราไปตอนนี้สถานการณ์ก็จะยิ่งวุ่นวายขึ้นเท่านั้น รอให้มันจบลงก่อนค่อยไปแล้วกัน”
เธอไม่อยากไปเพิ่มภาระให้คุณตาตอนนี้
“ถ้ายังงั้นเธอก็ไม่ต้องคิดมากแล้ว” จิ้นเฟิงเฉินดึงเธอมากอดไว้ในอ้อมอก แล้วก็พูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน “ต้องเชื่อใจในฟางยู่เชิน ในเมื่อคุณตามมอบฟางซื่อกรุ๊ปให้เขาแล้ว นั่นก็หมายความว่าเขาเชื่อว่าฟางยู่เชินมีความสามารถที่จะแก้ไขปัญหาทุกอย่างได้”
เจียงสื้อสื้อถอนหายใจ “ฉันไม่ได้ไม่เชื่อเขา แต่ฉันกลัวน้าชายใหญ่กับน้าชายรองมากกว่า จิตใจของพวกเขานั้นแย่มาก”
ในตระกูลที่ร่ำรวย บ้านเมืองต้องวุ่นวายแปรปรวนไปหมดเพราะการแก่งแย่งชิงดี บางคนถึงกับต้องเสียชีวิตด้วยเหตุนี้
มองความคิดของเธอออก จิ้นเฟิงเฉินก็หัวเราะออกมา “เธอเนี่ย ดูละครเยอะไปแล้ว”
“ไม่!”เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมองเขา “น้าชายและน้าสะใภ้สองคนนั้นน่ากลัวกว่าในละครซะอีกนะ”
พอย้อนกลับไปนึกถึงที่เจอกันครั้งแรก การเยาะเย้ยถากถางต่างๆ ของพวกเขา เธอยังจำได้อยู่ดี
“ถ้าเกิดว่าเธอไม่สบายใจจริงๆ เดี๋ยวฉันจะส่งคนไปช่วยฟางยู่เชิน”
“นายแน่ใจเหรอ? ” เจียงสื้อสื้อประหลาดใจเป็นอย่างมาก
“ก็เธอเป็นห่วงไม่ใช่เหรอ? ” จิ้นเฟิงเฉินมองเธออย่างน่าขำ ถ้าเกิดไม่ใช่เพื่อความสบายใจของเธอ เขาก็ไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องการต่อสู้เพื่อแย่งอำนาจของครอบครัวอื่นหรอกนะ
เจียงสื้อสื้อเบะปาก “ฉันเป็นห่วง แต่ก็อย่าเลย ก็เหมือนกับที่นายพูดนั่นแหละ ต้องเชื่อใจพี่”
“เอาตามเธอแล้วกัน”จิ้นเฟิงเฉินลูบหัวของเธอ “ไปอาบน้ำเถอะ รีบพักผ่อน”
“แล้วนายล่ะ?”
“ฉันก็จะพักผ่อนเหมือนกัน”
“อ้อ”เธอก็นึกว่าเขาจะไปจัดการเรื่องงานต่อ
พอเห็นว่าเธอเข้าไปในห้องน้ำ จิ้นเฟิงเฉินถึงได้เดินออกไป
เจียงสื้อสื้ออาบน้ำเสร็จแล้วออกมา ก็เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินไม่ได้อยู่ในห้อง คิ้วก็ขมวดเล็กน้อย เขาก็จะพักผ่อนเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? แล้วทำไมเขาไม่อยู่ล่ะ?
ตอนที่เธอกำลังสงสัยอยู่นั้น ประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามาจากด้านนอก
เธอเงยหน้ามองไป แล้วก็เห็นว่าจิ้นเฟิงเฉินเดินเข้ามาพร้อมกับสวมชุดคลุมอาบน้ำ
ที่แท้เขาก็ไปอาบน้ำที่ห้องของแขก
เมื่อเห็นผมของเธอเปียก จิ้นเฟิงเฉินก็ขมวดคิ้วเข้าหากัน แล้วก็เดินเข้าหยุดอยู่ตรงหน้าเธออย่างรวดเร็ว แล้วก็ดุเบาๆ ว่า “ทำไมไม่เป่าผมให้แห้ง? ”
“ฉัน……ฉันลืม”
เจียงสื้อสื้อก้มหน้าลงเหมือนลูกศิษย์ที่ทำผิดต่อหน้าครู
พอเห็นดังนี้ จิ้นเฟิงเฉินก็รู้ตัวว่าน้ำเสียงของตัวเองหนักไปหน่อย เขาเอาผ้าขนหนูที่อยู่ในมือคลุมไปบนหัวของเธอ แล้วก็เช็ดให้เธอเบาๆ
หลังจากนั้นเขาก็เข้าไปในห้องอาบน้ำ
เจียงสื้อสื้อหยิบผ้าเช็ดตัวที่อยู่บนหัวของตัวเอง เงยหน้ามองไป แล้วใบหน้าเล็กๆ ก็คลี่รอยยิ้มเห็นชัยชนะ
เธอเดินไปนั่งลงข้างเตียง วางมือที่ขอบเตียง แล้วก็เขย่าขาเบาๆ เหมือนกับเด็กน้อย
จิ้นเฟิงเฉินออกมาแล้วเห็นสถานการณ์นี้ ก็อึ้งไปหลายวินาที หลังจากนั้นเขาก็มีท่าทีโต้ตอบ มุมปากค่อยๆ ยกขึ้นช้าๆ
“เธออยากให้ฉันช่วยเป่าผมให้ ใช่ไหม? ” เขาเดินเข้าไป
เจียงสื้อสื้อเอียงหัว สายตาเจ้าเล่ห์ “ลองทายดูสิ”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มอย่างทะนุถนอม มองดูสายตาของเธอที่มันอบอุ่นจนแทบจะมีน้ำหยดออกมา
เขาเสียบปลั๊กเครื่องเป่าผมแล้วก็เป่าผมให้กับเธอ
ในห้องที่ใหญ่โต มีเพียงแค่เสียงเครื่องเป่าผมเท่านั้น บรรยากาศหอมหวานและอบอุ่น
สัมผัสปลายนิ้วของเขาที่ลูบไล้ผ่านเส้นผมของเธอเบาๆ รอยยิ้มบนมุมปากของเจียงสื้อสื้อก็กว้างขึ้นเรื่อยๆ หัวใจถูกเติมเต็ม
เป่าไปครู่หนึ่ง จิ้นเฟิงเฉินก็ลูบผมของเธอ แห้งแล้ว
เขาปิดเครื่องเป่าผม ก้มหน้าไปมองก็เห็นว่าเธอกำลังยิ้มแหยๆ อยู่ ก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม “เธอยิ้มอะไร? ”
“หา? ” เจียงสื้อสื้อเงยหน้าขึ้นมา สบตาเข้ากับดวงตาสีเข้มที่ลึกซึ้งของเขา เธอไร้การตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง
“เมื่อกี้เธอยิ้มอะไร? ” จิ้นเฟิงเฉินถามย้ำอีกครั้ง
“ฉันยิ้ม……” เจียงสื้อสื้อตั้งใจอุบไว้
“หืม?”
“ฉันยิ้มเพราะว่าชาติที่แล้วฉันน่าจะสั่งสมบุญไว้เยอะมาก ชาตินี้ถึงได้รู้จักนาย คบกับนาย”สีหน้าของเจียงสื้อสื้อดูจริงจังมาก
จิ้นเฟิงเฉินเลิกคิ้ว “ก็จริงนะ”
พอได้ยินดังนั้น เจียงสื้อสื้อก็แสร้งทำเป็นไม่พอใจและผลักเขา “ฉันก็แค่พูดไปยังงั้นเอง แต่นายกลับตามน้ำไปซะยังงั้น!”
จิ้นเฟิงเฉินยิ้มแล้วกอดเธอ แล้วก็จูบลงไปที่ผมของเธอ พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน “ที่จริงน่าจะเป็นฉันมากกว่าที่สะสมบุญมาเยอะในชาติที่แล้ว ไม่งั้นก็ไม่ได้เจอเธอหรอก”
“นี่ค่อยดีหน่อย” เจียงสื้อสื้อเอาหัวพิงหน้าอกของเขา ฟังจังหวะการเต้นของหัวใจที่มั่นคงของเขา ช่างทำให้คนรู้สึกสบายใจจริงๆ
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้า “ถ้ายังงั้นฉันขอรางวัลหน่อยได้ไหม? ”
“รางวัลอะไร? ”เจียงสื้อสื้อเงยใบหน้าเล็กๆ ขึ้นมา
“ก็อันนี้ไง”
จิ้นเฟิงเฉินก้มหน้า แล้วก็จูบลงไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อของเธอ
เจียงสื้อสื้อหลับตา เอื้อมมือไปโอบคอของเขาไว้ ตอบสนองต่อการจูบของเขาตามจังหวะของเขา
บรรยากาศก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นละมุนละไมมากยิ่งขึ้น จิ้นเฟิงเฉินอุ้มเธอขึ้นมา แล้วทั้งสองก็ขึ้นไปบนเตียง
“แด๊ดดี้ หม่ามี๊!”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงเด็กดังขึ้น
ทำให้เจียงสื้อสื้อตกใจจนผลักจิ้นเฟิงเฉินออก แล้วก็ลุกขึ้นจากเตียง
แล้วก็เห็นว่าเสี่ยวเป่ากับเถียนเถียนผลักประตูออก แล้วก็วิ่งตามกันเข้ามา
“พวก……พวกหนูทำไมยังไม่นอนกันอีก? ” เจียงสื้อสื้อจัดแจงผมเผ้าและเสื้อผ้าที่ยุ่งเหยิงของตัวเอง แล้วก็มองเด็กน้อยทั้งสองคนด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติ
และจิ้นเฟิงเฉินอีกด้านหนึ่งนั้นก็หน้าตามัวหมอง จ้องมองสองพี่น้องด้วยสายตาที่หนักแน่น
เขารู้สึกว่าต่อไปในอนาคตต้องล็อกประตูทันทีที่เข้ามาในห้องแล้ว